เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เผยโฉม EQS รถยนต์ไฟฟ้า100% รุ่นแรก ประกาศเตรียมจำหน่าย พร้อมขึ้นไลน์ประกอบในประเทศไทย ราคาจะแจ้งในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ระบุไทยเป็นฐานสำคัญของEV
นาย โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์ตามทิศทางของรัฐบาลไทยซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ในการทำตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะเข้ามาแทนที่รถใช้เครื่องยนต์ในอนาคต
สำหรับรถยนต์รุ่นแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย นำเข้ามาจำหน่ายคือ EQS โดยช่วงแรกจะเป็นการนำเข้าสำเร็จรูปก่อน หลังจากนั้นเมื่อโรงงานประกอบแบตเตอรี่ในประเทศไทยเสร็จสมบูรณ์และมีความพร้อมจึงจะเริ่มจำหน่ายรุ่นประกอบในประเทศ
“EQS นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำที่ขึ้นไลน์ประกอบในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเราที่มีต่อเมืองไทย โดยโรงงานประกอบแบตเตอรี่ของไทยเป็นโรงงานลำดับที่ 6 จาก 7 แห่งทั่วโลก การลงทุนครั้งนี้มิใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีมาให้ผู้บริโภคชาวไทย แต่เป็นการสร้างงานและรายได้ให้กับประเทศไทยอีกด้วย” นายโรลันด์ กล่าว
ปัจจุบัน โรงงานประกอบแบตเตอรี่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เริ่มดำเนินการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ PHEV แล้วในรุ่น C-Class, E-Class , GLC และS-Class โดยมีการส่งออกไปยังประเทศเยอรมนีอีกด้วย ขณะที่การผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถ BEV ในรุ่น EQS อยู่ระหว่างดำเนินการคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปีหน้า
นาย บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า EQS จะมีการประกาศช่วงราคาจำหน่ายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปที่จะถึงนี้ ส่วนการประกาศราคาอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยรุ่นนำเข้าที่จำหน่ายก่อนจะมีออปชันแตกต่างจากรุ่นประกอบในประเทศซึ่งคาดว่ารุ่นประกอบในประเทศจะจำหน่ายได้ราวไตรมาสสุดท้ายของปีหน้า
ด้านการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้า อยู่ระหว่างการเจรจากับภาครัฐและบริษัทฯ ที่ทำเรื่องเครื่องชาร์จไฟฟ้า โดยเป็นการทำแผนงานร่วมกัน ขยายอย่างสอดคล้องทั้งจำนวนรถยนต์และสถานีชาร์จ ขณะที่เงื่อนไขด้านการส่งเสริมให้มีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้แพร่หลายมากขึ้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปจากภาครัฐภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
“เราไม่อาจปฎิเสธการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าได้ ทิศทางของทุกบริษัทที่ผลิตรถยนต์ต่างมุ่งหน้าไปที่ EV เป็นหลัก ฉะนั้นเราจึงกำลังเจรจาเพื่อให้ประโยชน์ทั้งหมดเกิดขึ้นกับผู้บริโภค เช่นการส่งเสริมด้วยเม็ดเงินอุดหนุนจากภาครัฐรวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ ที่จะให้กับประชาชน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น” นายบีเยิร์น กล่าว
นาย โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์ตามทิศทางของรัฐบาลไทยซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ในการทำตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะเข้ามาแทนที่รถใช้เครื่องยนต์ในอนาคต
สำหรับรถยนต์รุ่นแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย นำเข้ามาจำหน่ายคือ EQS โดยช่วงแรกจะเป็นการนำเข้าสำเร็จรูปก่อน หลังจากนั้นเมื่อโรงงานประกอบแบตเตอรี่ในประเทศไทยเสร็จสมบูรณ์และมีความพร้อมจึงจะเริ่มจำหน่ายรุ่นประกอบในประเทศ
“EQS นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำที่ขึ้นไลน์ประกอบในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเราที่มีต่อเมืองไทย โดยโรงงานประกอบแบตเตอรี่ของไทยเป็นโรงงานลำดับที่ 6 จาก 7 แห่งทั่วโลก การลงทุนครั้งนี้มิใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีมาให้ผู้บริโภคชาวไทย แต่เป็นการสร้างงานและรายได้ให้กับประเทศไทยอีกด้วย” นายโรลันด์ กล่าว
ปัจจุบัน โรงงานประกอบแบตเตอรี่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เริ่มดำเนินการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ PHEV แล้วในรุ่น C-Class, E-Class , GLC และS-Class โดยมีการส่งออกไปยังประเทศเยอรมนีอีกด้วย ขณะที่การผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถ BEV ในรุ่น EQS อยู่ระหว่างดำเนินการคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปีหน้า
นาย บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า EQS จะมีการประกาศช่วงราคาจำหน่ายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปที่จะถึงนี้ ส่วนการประกาศราคาอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยรุ่นนำเข้าที่จำหน่ายก่อนจะมีออปชันแตกต่างจากรุ่นประกอบในประเทศซึ่งคาดว่ารุ่นประกอบในประเทศจะจำหน่ายได้ราวไตรมาสสุดท้ายของปีหน้า
ด้านการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้า อยู่ระหว่างการเจรจากับภาครัฐและบริษัทฯ ที่ทำเรื่องเครื่องชาร์จไฟฟ้า โดยเป็นการทำแผนงานร่วมกัน ขยายอย่างสอดคล้องทั้งจำนวนรถยนต์และสถานีชาร์จ ขณะที่เงื่อนไขด้านการส่งเสริมให้มีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้แพร่หลายมากขึ้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปจากภาครัฐภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
“เราไม่อาจปฎิเสธการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าได้ ทิศทางของทุกบริษัทที่ผลิตรถยนต์ต่างมุ่งหน้าไปที่ EV เป็นหลัก ฉะนั้นเราจึงกำลังเจรจาเพื่อให้ประโยชน์ทั้งหมดเกิดขึ้นกับผู้บริโภค เช่นการส่งเสริมด้วยเม็ดเงินอุดหนุนจากภาครัฐรวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ ที่จะให้กับประชาชน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น” นายบีเยิร์น กล่าว