เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยโฉม Haval Jolion Hybrid รถยนต์อเนกประสงค์รุ่นที่ 2 ปรากฎตัวครั้งแรกในโลกชูจุดเด่นเครื่องยนต์ไฮบริด 190 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอัดแน่น เคาะราคา 879,000 - 999,000 บาท
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว Haval Jolion Hybrid ครั้งแรกในโลกของรุ่นไฮบริด โดยเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 จากสายการผลิตของโรงงานใหม่ในประเทศไทยต่อจาก Haval H6 ซึ่ง Haval Jolion เปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีน ด้วยเครื่องยนต์แบบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 40,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวจนถึงเดือนสิงหาคม
สำหรับ Haval Jolion Hybrid นับเป็นโมเดลที่ 3 ของการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในปีนี้ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ข้อมูลเบื้องต้นที่เปิดเผยออกมาในระลอกแรก ยังคงใช้แพลตฟอร์ม GWM LEMON เช่นเดียวกับ Haval H6 และ ORA Good Cat ส่วนระบบขับเคลื่อนจะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ไฮบริดทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แบบ DHT
กระจังหน้าของ Haval Jolion Hybrid เป็นดีไซน์ใหม่แบบ Star Matris สีดำ-เทา พร้อมโลโก้ Haval สีเงินโดดเด่นตรงกลาง สปอยเลอร์ท้ายดีไซน์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ เสาอากาศแบบครีมฉลาม กันชนท้ายออกแบบสไตล์ดิฟฟิวเซอร์ให้ความรู้สึกสปอร์ต ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว
Haval Jolion Hybrid มีมิติตัวถังขนาด ความยาว 4,472 มม. ความกว้าง 1,841 มม. และความสูง 1,619 มม. ระยะฐานล้อ 2,700 มม. ถือว่าเป็นรถที่มีขนาดใหญ่กว่ารถในพิกัด B-Suvทั่วไป แต่เล็กกว่า Haval H6 เพียงเล็กน้อย
รูปลักษณ์ภายนอก มากับดีไซน์หรูหราและทันสมัย ไฟหน้าเป็นแบบ Full LED พร้อม Daytime Running Light ส่วนไฟท้าย ไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลังเป็นแบบ LED เช่นเดียวกันโดยมีระบบ Welcome Light เมื่อปลดล็อก และ ไฟ Follow me Home ที่ส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์
การออกแบบภายในห้องโดยสาร เน้นความหรูหรา โดยมากับแนวคิด Future Intelligent Cockpit ให้ความรู้สึกกว้างขวาง สะดวกสบาย ตกแต่งด้วยดีไซน์สีแบบทูโทนตัดด้วยลายเส้นสีโรสโกลด์ สีเงิน สีดำ และสีโครม พร้อมด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่เต็มบาน
หน้าจอกลางแบบ Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay การเล่น MP3 และ Joox พร้อมด้วยระบบนำทางที่สามารถบอกตำแหน่งจุดที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน และห้างสรรพสินค้าได้ ส่วนหน้าปัดเป็นจอแบบ Multi Information Display ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว พร้อม Head-up Display สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมด้านหน้า
ระบบปรับอากาศของ Haval Jolion Hybrid เป็นแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา โดยมีระบบกรองอากาศที่จัดการกับฝุ่นPM2.5 ได้ พร้อมด้วย wireless Chargerเป็นอุปกรณ์มาตฐาน ส่วนชุดควบคุมเกียร์ไฟฟ้า เลือกใช้วัสดุสีไฮ-กรอส ออกแบบเป็นวงกลม ดูหรูหราและให้ความรู้สึกล้ำสมัย กุญแจเป็นแบบ Smart Key มีปุ่ม Push Start เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
เบาะนั่งเป็นหนังสังเคราะห์ ดีไซน์สปอร์ต ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทางสำเฉพาะผู้ขับขี่ โดยมีระบบระบายอากาศเสริมอีกด้วย ขณะที่เบาะนั่งทางด้านหลังมาพร้อมที่เท้าแขนกลางและช่องปรับอากาศ ตัวเบาะหลังสามารถพับแบนราบเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุด 1,069 ลิตร
ราคาจำหน่าย Haval Jolion Hybrid รุ่น TECH ราคา 879,000 บาท รุ่น PRO ราคา 939,000 บาท และรุ่น ULTRA ราคา 999,000 บาท
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว Haval Jolion Hybrid ครั้งแรกในโลกของรุ่นไฮบริด โดยเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 จากสายการผลิตของโรงงานใหม่ในประเทศไทยต่อจาก Haval H6 ซึ่ง Haval Jolion เปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีน ด้วยเครื่องยนต์แบบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 40,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวจนถึงเดือนสิงหาคม
สำหรับ Haval Jolion Hybrid นับเป็นโมเดลที่ 3 ของการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในปีนี้ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ข้อมูลเบื้องต้นที่เปิดเผยออกมาในระลอกแรก ยังคงใช้แพลตฟอร์ม GWM LEMON เช่นเดียวกับ Haval H6 และ ORA Good Cat ส่วนระบบขับเคลื่อนจะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ไฮบริดทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แบบ DHT
กระจังหน้าของ Haval Jolion Hybrid เป็นดีไซน์ใหม่แบบ Star Matris สีดำ-เทา พร้อมโลโก้ Haval สีเงินโดดเด่นตรงกลาง สปอยเลอร์ท้ายดีไซน์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ เสาอากาศแบบครีมฉลาม กันชนท้ายออกแบบสไตล์ดิฟฟิวเซอร์ให้ความรู้สึกสปอร์ต ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว
Haval Jolion Hybrid มีมิติตัวถังขนาด ความยาว 4,472 มม. ความกว้าง 1,841 มม. และความสูง 1,619 มม. ระยะฐานล้อ 2,700 มม. ถือว่าเป็นรถที่มีขนาดใหญ่กว่ารถในพิกัด B-Suvทั่วไป แต่เล็กกว่า Haval H6 เพียงเล็กน้อย
รูปลักษณ์ภายนอก มากับดีไซน์หรูหราและทันสมัย ไฟหน้าเป็นแบบ Full LED พร้อม Daytime Running Light ส่วนไฟท้าย ไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลังเป็นแบบ LED เช่นเดียวกันโดยมีระบบ Welcome Light เมื่อปลดล็อก และ ไฟ Follow me Home ที่ส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์
การออกแบบภายในห้องโดยสาร เน้นความหรูหรา โดยมากับแนวคิด Future Intelligent Cockpit ให้ความรู้สึกกว้างขวาง สะดวกสบาย ตกแต่งด้วยดีไซน์สีแบบทูโทนตัดด้วยลายเส้นสีโรสโกลด์ สีเงิน สีดำ และสีโครม พร้อมด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่เต็มบาน
หน้าจอกลางแบบ Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay การเล่น MP3 และ Joox พร้อมด้วยระบบนำทางที่สามารถบอกตำแหน่งจุดที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน และห้างสรรพสินค้าได้ ส่วนหน้าปัดเป็นจอแบบ Multi Information Display ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว พร้อม Head-up Display สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมด้านหน้า
ระบบปรับอากาศของ Haval Jolion Hybrid เป็นแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา โดยมีระบบกรองอากาศที่จัดการกับฝุ่นPM2.5 ได้ พร้อมด้วย wireless Chargerเป็นอุปกรณ์มาตฐาน ส่วนชุดควบคุมเกียร์ไฟฟ้า เลือกใช้วัสดุสีไฮ-กรอส ออกแบบเป็นวงกลม ดูหรูหราและให้ความรู้สึกล้ำสมัย กุญแจเป็นแบบ Smart Key มีปุ่ม Push Start เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
เบาะนั่งเป็นหนังสังเคราะห์ ดีไซน์สปอร์ต ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทางสำเฉพาะผู้ขับขี่ โดยมีระบบระบายอากาศเสริมอีกด้วย ขณะที่เบาะนั่งทางด้านหลังมาพร้อมที่เท้าแขนกลางและช่องปรับอากาศ ตัวเบาะหลังสามารถพับแบนราบเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุด 1,069 ลิตร
ราคาจำหน่าย Haval Jolion Hybrid รุ่น TECH ราคา 879,000 บาท รุ่น PRO ราคา 939,000 บาท และรุ่น ULTRA ราคา 999,000 บาท