xs
xsm
sm
md
lg

ฮุนได สตาร์เรีย ขับง่าย นั่งสบาย ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หากคุณกำลังมองหารถครอบครัวที่ต้องการบรรทุกคนและสิ่งของที่ค่อนข้างเยอะ วันนี้ขอแนะนำรถสัญชาติเกาหลียี่ห้อ “ฮุนได” รุ่น “สตาร์เรีย” เพราะเพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดไทยไตรมาส 3 ของปีนี้

ฮุนได สตาร์เรีย ใช้เวลากว่า10 ปี ในการพัฒนาทั้งรูปร่าง หน้าตา ฟังก์ชัน ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคด้วยการนำขั้นตอนการออกแบบที่เริ่มจากภายในสู่ภายนอกเน้นการตอบโจทย์ของกลุ่มลูกค้าครอบครัวขนาดใหญ่ที่อาศัยรถคันหนึ่งไปได้หลายคน บวกกับสัมภาระ ขณะที่ภายนอกเป็นการออกแบบหน้าตาแบบหลุดโลกนิด ๆ ซึ่งฮุนไดบอกว่ามันเป็นเทรนของรถในอนาคต


สำหรับตลาดไทยมีวางจำหน่ายเฉพาะรุ่น 11 ที่นั่ง แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย ได้แก่ S และ SEL ชูจุดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกล้ำสมัย ตัวถังมีความยาว 5,253 มม. (เพิ่มขึ้น 84 มม. เมื่อเทียบกับ H-1) ความกว้าง 1,997 มม. (เพิ่มขึ้น 22 มม.) ความสูง 1,990 มม. (เพิ่มขึ้น 65 มม.) และความยาวฐานล้อ 3,273 มม. (เพิ่มขึ้น 73 มม.) ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายเมื่อต้องเข้าและออกจากรถ

แน่นอนเมื่อ สตาร์เรีย วางจำหน่าย จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบ สัมผัส ทั้งสมรรถนะ ประสิทธิภาพและการใช้งานของอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะความสะดวกภายในห้องโดยสารว่าเหมาะสมกับครอบครัวขนาดใหญ่จริงหรือไม่

เส้นทางที่ฮุนไดจัดทดสอบในครั้งนี้ คือ กรุงเทพฯ-ปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระยะทางกว่า 260 กิโลเมตร โดยรถทุกคันจะมีสมาชิกประมาณ 6 คน คละสื่อกันไป ดังนั้นสมาชิกทั้ง 6 จึงกระจายกันนั่งทั้งแถว 2 และแถว 3 ยกเว้นแถว 4


ยูริ โอฮะระ ผู้่จัดการฝ่ายการขายและการตลาด
ก่อนที่จะออกเดินทาง ยูริ โอฮะระ ผู้่จัดการฝ่ายการขายและการตลาด และ บุริศร์ แสงสว่าง ผู้จัดการฝ่านการตลาด บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) ได้อธิบายจุดเด่นของเจ้า สตาร์เรีย ไว้ว่า ห้องโดยสารกว้างมีขนาดใหญ่ เบาะที่นั่งพับได้แบบ FULL FLAT ระบบความปลอดภัยมาครบ ช่างล่างนุ่ม หน้าปัดที่ทันสมัย ฟังก์ชั่นเลิศ กระจกรถที่บานใหญ่เป็นพาโนรามา ทำให้ผู้โดยสารที่นั่งข้างในจะไม่รู้สึกอึดอัด สามารถมองวิวทิวทัศน์ ได้อย่างสบายตา  ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนของรถ

แต่ก่อนที่จะไปพิสูจน์เรามาสำรวจหน้าตาภายนอกกันก่อนว่านอกจากจะมีรูปลักษณ์ดูจะหลุดโลก อวกาศ ไปสักหน่อย แต่อันนี้ก็แล้วแต่ ๆ ผู้เขียนชอบหน้าตาแบบนี้ ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกของ ฮุนได สตาร์เรีย ใหม่ ทั้ง 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย ไฟหน้า LED มัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED, กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า, ไฟท้ายแบบ Parametric Pixel LED (เฉพาะรุ่น SEL) ประตูสไลด์ไฟฟ้าหนึ่งบานพร้อมระบบ Smart และระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา ขณะที่รุ่น SEL เสริมด้วยและประตูสไตล์ไฟฟ้าพร้อมระบบ Smart ทั้งสองข้าง, ประตูท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบ Smart (เฉพาะรุ่น SEL) ส่วนล้ออัลลอยของรุ่น S มีขนาด 17 นิ้ว และรุ่น SEL มีขนาด 18 นิ้ว

 บุริศร์ แสงสว่าง
ซึ่งการออกแบบด้านหน้าดังกล่าวทำให้ดูโดดเด่น  ทันสมัย  แตกต่างจาก H1 สิ้นเชิง โดยเฉพาะไฟส่องสว่างเวลากลางวันที่เป็นแนวนอนขวางบริเวณสองข้างของกระโปรงหน้า มันเข้ากับกระจังหน้าที่กว้างลายตาข่าย ดูแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังเน้นความสวยงามด้วยไฟคู่หน้าทรงลูกบาศก์ และได้ใช้สีภายนอกด้านหน้าเป็นสีเดียวกันทั้งหมดเพื่อเน้นความเรียบง่ายแต่ทันสมัย ถือว่าลงตัวอยู่นะ

ธีมการดีไซน์ถ่ายทอดไปถึงด้านหลัง ด้วยบานกระจกที่กว้างตัดขอบด้วยไฟท้ายแนวตั้งพร้อมติดตั้งไฟแบบ Parametric Pixel ที่เป็นเอกลักษณ์ของฮุนได กันชนท้ายตั้งอยู่ในระดับต่ำช่วยให้ขนสัมภาระเข้า-ออก ได้ง่ายมากขึ้น


ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนังแบบ 11 ที่นั่ง หุ้มวัสดุหนังแท้ พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 12 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี่, ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED, กุญแจ Smart Keyless Entry พร้อมปุ่ม Push Start Button, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Smart, เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold, ระบบปรับอากาศแยกปรับอิสระหน้า-หลัง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 7 ช่อง และที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือไร้สาย Wireless Charger เป็นต้น

แม้จะเป็นรถ 11 ที่นั่ง แต่การออกแบบภายในที่ให้ความสำคัญกับทัศนวิสัยของคนขับและความสะดวกสบายของผู้โดยสารยังคงคุณสมบัติของรถยนต์อเนกประสงค์ไว้อย่างครบถ้วน การออกแบบ beltline ที่ต่ำกระจกแบบพาโนรามิค ทำให้รู้สึกเปิดกว้างขณะโดยสารอยู่ในรถ


บริเวณคอทพิทของผู้ขับขี่ ออกแบบทันสมัย ด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง และสวิตช์เปลี่ยนเกียร์ระบบไฟฟ้า มาตรวัดค่าดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้วติดตั้งบริเวณด้านบนของแผงคอนโซล เพิ่มทัศนวิสัยให้ผู้ขับขี่มากขึ้น

ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อความสะดวกสบายที่มากับรถยนต์รุ่นนี้ ได้แก่ ประตูด้านข้างเปิดอัตโนมัติอัจฉริยะ ประตูด้านหลังเปิด ปิด อัตโนมัติอัจฉริยะ กล้องมองรอบทิศทางและจุดอับสายตา จอดิสเพลย์ขนาด 8 นิ้ว

ขณะที่ระบบความบันเทิงเป็นแบบหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay/Android Auto แบบไร้สาย, ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อม USB สำหรับเชื่อมต่อ 1 ช่อง, ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Surround View Monitor) และลำโพง 6 ตำแหน่ง


เมื่อเริ่มออกเดินทางในฐานะเป็นผู้อาวุโส ขอเลือกนั่งก่อนเลย อย่างแรกต้องยอมรับว่า การขึ้นลงลำบากนิดหนึ่ง เพราะมันเป็นรถที่ค่อนข้างสูง เลยต้องปีนป่าย หาที่จับขึ้นรถ แต่พอมานั่งแถว 2 ก็รู้สึกได้ว่านั่งสบาย กระจกมองข้าง รอบคัน กว้างใหญ่จริง เพดานรถสูง ไม่รู้สึกอึดอัดเลย ไม่ว่าจะนั่งแถว 2 หรือแถว 3 หรือแม้แต่ที่นั่งคนขับ เบาะข้างคนขับ เวลามองออกไปสบายตา เห็นวิวทิวทัศน์ชัดเจน ส่วนแถวที่ 4 ไม่ได้เข้าไปนั่งแบบจริงจัง แต่ต้องบอกกว่าสามารถนั่งได้จริง ๆ ไม่อึดอัด บวกกับเบาะแถว 3 กับ แถว 4 เป็นเบาะแยกอิสระ ของใครของมัน จึงทำให้นั่งสบายมากขึ้น ที่สำคัญมีแอร์ บนเพดานทุกตำแหน่ง เลยไม่ร้อน ถือว่าเป็นข้อดี แต่ถ้าจะติก็ตรงที่นั่งแถว 2 ที่เบาะนั่งเป็นแบบติดกัน ทำให้ไม่มีที่เท้าแขน และการดึง พับเบาะขึ้นมาเพื่อให้คนเข้าไปแถว 3 ค่อนข้างลำบากหน่อย


ส่วนในโหมดการลองขับ ถือว่าเป็นรถขับดี แม้ตัวบอดี้จะใหญ่ แต่การควบคุมรถง่าย พวงมาลัยเบากำลังดี อัตราเร่งไม่ได้จี๊ดจ๊าดแต่มีพลังพอตัว เร่งแซงไม่ขี้เหร่ ที่สำคัญการวิ่งระยะทางไกล คนขับจะไม่รู้สึกเมื่อย ล้า เหนื่อย แต่สามารถขับได้แบบสบาย ๆ เรื่อย ๆ ช่วงล่างหลังฮุนไดบอกมีการปรับใหม่ ก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มขึ้นจากเดิมแต่ไม่ใช่สไตล์เก่ง และที่โดดเด่นคือความเงียบในห้องโดยสาร ถือว่าดีทีเดียว

ที่โดดเด่นอีกจุดหนึ่งคือหน้าปัดด้านหน้าคนขับมีดีไซน์ที่เก๋ไก๋ มาก และพิเศษตรงไฟเลี้ยวซ้าย-ขวา ปรากฏให้เห็น รวมถึง Surround View Monitor (SVM) ระบบกล้องรอบทิศทางอัจฉริยะ แสดงภาพรอบตัวรถหลากหลายมุมมอง ช่วยลดอุปสรรคจากทุกจุดอับสายตา ในมุมต่าง ๆ ถือว่าเป็นจุดขายได้เลย


ด้านระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC, ระบบเบรก ABS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ระบบช่วยหยุดรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ MCB, ระบบเตือนให้เช็กผู้โดยสารตอนหลัง ROA, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCW และเซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง เป็นต้น

ขณะที่รุ่น SEL เพิ่มเติมด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูง ได้แก่ ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ FCA, ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยก FCA-JT, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LFA, ระบบเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCA, ระบบกล้องมองภาพจุดอับสายตา BVM, ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ RCCA, ระบบป้องกันการเปิดประตูสไลด์เมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง SEA, ระบบแจ้งความดันลมยางอัตโนมัติ TPMS และระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้า DAW


ฮุนได สตาร์เรีย ทั้ง 2 รุ่นย่อย ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.2 CRDi ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 431 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะพร้อม Paddle Shift เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ตัวถังภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ประกอบด้วย สีดำ Abyss Black Pearl, สีเทา Graphite Gray Metallic และสีเงิน Shimmering Silver Metallic


ราคาจำหน่าย ฮุนได สตาร์เรีย รุ่น S อยู่ที่ 1,729,000 บาท และรุ่น SEL อยู่ที่ 1,999,000 บาท

ถึงบรรทัดนี้ต้องบอกว่า ใครที่ต้องการรถครอบครัวขนาดใหญ่ ดีไซน์เก๋ ๆ ขับดี ขับง่าย บรรทุกทั้งคน ทั้งของได้เยอะ อุปกรณ์ความปลอดมาเต็ม ฮุนได สตาร์เรีย ตอบโจทย์ได้ครบถ้วน
























กำลังโหลดความคิดเห็น