ปอร์เช ประเทศไทย ทำสถิติยอดขายสูงสุด 10 เดือนทะลุกว่า 1,200 คัน คาดทั้งปีแตะเกิน 1,300 คัน ปลื้ม ไทคานน์ ยอดส่งมอบกว่า 300 คัน ยอมรับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ขาดทำให้ลูกค้ารอนาน ปรับแผนขนส่งช่วยพยุงราคาหลังค่าบาทอ่อนกระทบหนัก
นายธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ปอร์เช่ ประเทศไทย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ยอดขายของ ปอร์เช่ ประเทศไทย ช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ สามารถทำยอดขายและส่งมอบได้มากกว่า 1,200 คัน นับเป็นสถิติสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การขายรถยนต์ของบริษัทในประเทศไทย
จากยอดขายดังกล่าว บริษัทฯ ตั้งเป้าการขายของปี 2564 เอาไว้ที่ประมาณ 1,300 คัน แบ่งเป็นสัดส่วนการขาย ปอร์เช่ คาเยนน์ มีส่วนแบ่งมากที่สุดราว 55% รองลงมาคือ ไทคานน์ 25% พานาเมร่า 10% ส่วนที่เหลือ10% เป็นของรุ่นอื่นๆ รวมกัน
“เทียบกับปีที่แล้วเราขายได้เพียง 600 กว่าคันเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เมื่อเข้าสู่ปีนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจ ประกอบกับเรามีการปรับปรุงแผนการขนส่งใหม่ ทำให้ลูกค้าไม่ต้องรอรถนานเหมือนที่ผ่านมา” นายธนบดี กล่าว
สำหรับแผนการขนส่ง มีการปรับเปลี่ยนใหม่ทำให้สามารถร่นระยะเวลาการรอรถไปได้ 3-4 เดือน รวมถึงสามารถเพิ่มการสั่งแบบเฉพาะเจาะจงแต่ละคันได้อีกด้วย โดยปัจจุบันปอร์เช่ สามารถส่งรถให้ประเทศไทยหลังจากสั่งราว 1-2 เดือน จากเดิมที่ต้องรอไม่น้อยกว่า 6 เดือน
นายธนบดี กล่าวว่า จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว แม้ว่าจะสามารถร่นระยะเวลาการรอได้ดีขึ้น แต่จากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้ลูกค้าบางส่วนยังต้องรอรถนานถึง 6 เดือน ดังนั้นทางปอร์เช่ เอจี จึงแก้ปัญหาเพื่อส่งมอบรถให้ลูกค้าได้ไวขึ้นด้วยการ มอบกุญแจรถเพียงดอกเดียวก่อน ส่วนดอกสำรองจะส่งตามไปให้ในภายหลัง
“ทั้งนี้ ยังมีปัญหาค่าเงินบาทที่อ่อนตัวอย่างมาก ส่งผลกระทบโดยตรงกับต้นทุนของบริษัท แต่เราได้พยายามทำทุกวิธีการเพื่อให้ลูกค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งการปรับแผนขนส่งรถเป็นส่วนหนึ่งในการลดต้นทุนเพื่อรักษาระดับราคาจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ ไม่ให้ปรับสูงขึ้นมาก เช่นรุ่น คาเยนน์ คูเป้ มีการปรับขึ้นเพียง 100,000 บาท จาก 6,500,000 บาท กลายเป็น 6,600,000 บาท เป็นต้น”
ด้านการบริการหลังการขาย มีการปรับปรุงในส่วนของการซ่อมแซมตัวถังและสี รวมถึงมีการเพิ่มห้องเปลี่ยนเซลล์แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นแห่งแรกของภูมิภาคที่มีห้องพิเศษดังกล่าวช่วยให้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของปอร์เช่ มีความมั่นใจในบริการหลังการขายมากขึ้น
อนึ่ง ยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไทคานน์ ถือว่าประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก มีการส่งมอบให้ลูกค้าชาวไทยไปแล้วมากกว่า 300 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวเป็นต้นมา โดยยังคงมีการสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รุ่น 4S ได้รับความสนใจมากที่สุด ระยะเวลารอหลังสั่งจองไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
นายธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ปอร์เช่ ประเทศไทย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ยอดขายของ ปอร์เช่ ประเทศไทย ช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ สามารถทำยอดขายและส่งมอบได้มากกว่า 1,200 คัน นับเป็นสถิติสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การขายรถยนต์ของบริษัทในประเทศไทย
จากยอดขายดังกล่าว บริษัทฯ ตั้งเป้าการขายของปี 2564 เอาไว้ที่ประมาณ 1,300 คัน แบ่งเป็นสัดส่วนการขาย ปอร์เช่ คาเยนน์ มีส่วนแบ่งมากที่สุดราว 55% รองลงมาคือ ไทคานน์ 25% พานาเมร่า 10% ส่วนที่เหลือ10% เป็นของรุ่นอื่นๆ รวมกัน
“เทียบกับปีที่แล้วเราขายได้เพียง 600 กว่าคันเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เมื่อเข้าสู่ปีนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจ ประกอบกับเรามีการปรับปรุงแผนการขนส่งใหม่ ทำให้ลูกค้าไม่ต้องรอรถนานเหมือนที่ผ่านมา” นายธนบดี กล่าว
สำหรับแผนการขนส่ง มีการปรับเปลี่ยนใหม่ทำให้สามารถร่นระยะเวลาการรอรถไปได้ 3-4 เดือน รวมถึงสามารถเพิ่มการสั่งแบบเฉพาะเจาะจงแต่ละคันได้อีกด้วย โดยปัจจุบันปอร์เช่ สามารถส่งรถให้ประเทศไทยหลังจากสั่งราว 1-2 เดือน จากเดิมที่ต้องรอไม่น้อยกว่า 6 เดือน
นายธนบดี กล่าวว่า จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว แม้ว่าจะสามารถร่นระยะเวลาการรอได้ดีขึ้น แต่จากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้ลูกค้าบางส่วนยังต้องรอรถนานถึง 6 เดือน ดังนั้นทางปอร์เช่ เอจี จึงแก้ปัญหาเพื่อส่งมอบรถให้ลูกค้าได้ไวขึ้นด้วยการ มอบกุญแจรถเพียงดอกเดียวก่อน ส่วนดอกสำรองจะส่งตามไปให้ในภายหลัง
“ทั้งนี้ ยังมีปัญหาค่าเงินบาทที่อ่อนตัวอย่างมาก ส่งผลกระทบโดยตรงกับต้นทุนของบริษัท แต่เราได้พยายามทำทุกวิธีการเพื่อให้ลูกค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งการปรับแผนขนส่งรถเป็นส่วนหนึ่งในการลดต้นทุนเพื่อรักษาระดับราคาจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ ไม่ให้ปรับสูงขึ้นมาก เช่นรุ่น คาเยนน์ คูเป้ มีการปรับขึ้นเพียง 100,000 บาท จาก 6,500,000 บาท กลายเป็น 6,600,000 บาท เป็นต้น”
ด้านการบริการหลังการขาย มีการปรับปรุงในส่วนของการซ่อมแซมตัวถังและสี รวมถึงมีการเพิ่มห้องเปลี่ยนเซลล์แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นแห่งแรกของภูมิภาคที่มีห้องพิเศษดังกล่าวช่วยให้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของปอร์เช่ มีความมั่นใจในบริการหลังการขายมากขึ้น
อนึ่ง ยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไทคานน์ ถือว่าประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก มีการส่งมอบให้ลูกค้าชาวไทยไปแล้วมากกว่า 300 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวเป็นต้นมา โดยยังคงมีการสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รุ่น 4S ได้รับความสนใจมากที่สุด ระยะเวลารอหลังสั่งจองไม่ต่ำกว่า 3 เดือน