รอยัล เอนฟิลด์ (Royal Enfield) ฉลองครบรอบการก่อตั้งแบรนด์ 120 ปี ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ All-New Royal Enfield Classic 350 โฉมใหม่ล่าสุด ที่ประเทศอินเดีย ชูจุดเด่น ใหม่หมดจดทั้งคัน นุ่มนวลขึ้นกว่าเดิม
สิทธัตถะ ลาล กรรมการผู้จัดการ ไอเชอร์ มอเตอร์ส กล่าวว่า แบรนด์ รอยัล เอนฟิลด์ (Royal Enfield) ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1901 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รอยัล เอนฟิลด์ มุ่งมั่นในการสร้างรถจักรยานยนต์ที่มีรูปลักษณ์สวยงามคลาสสิกเหนือกาลเวลาและขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลิน
ทั้งนี้เพื่อฉลองครบรอบ 120 ปี การก่อตั้งแบรนด์ รอยัล เอนฟิลด์ จึงได้เปิดตัว All-New Classic 350 โฉมใหม่ ซึ่งรุ่น Classicเปิดตั้งครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2008 มียอดจำหน่ายรวมมากกว่า 3 ล้านคันตลอดอายุการทำตลาด ถือว่าเป็นการสร้างมิติใหม่ให้รถจักรยานยนต์ขนาดกลางพิกัด 250-750 ซีซี.
“Classic ได้รับความนิยมอย่างมากจนทำให้จักรยานยนต์ในระดับกลางของอินเดียมีสัดส่วนการขายที่เติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราเชื่อว่า All-New Classic 350 จะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นรถที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งแชสซีและเครื่องยนต์ J-series” สิทธัตถะ กล่าว
สำหรับ Classic 350 ใหม่ ถูกออกแบบและพัฒนาโดยทีมนักออกแบบและวิศวกรของศูนย์เทคโนโลยีสองแห่งของรอยัล เอนฟิลด์ในประเทศอินเดีย และสหราชอาณาจักร ถังน้ำมันทรงหยดน้ำแบบ Casquette ซิกเนเจอร์สไตล์ของรอยัล เอนฟิลด์ ติดตั้งไฟหน้าและไฟสัญญาณนำร่องแบบใหม่
เบาะนั่งใหม่กว้างขึ้นพร้อมเบาะรองนั่งบุด้วยโฟมนุ่ม แฮนด์แบบใหม่ ตำแหน่งการขี่ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายควบคู่กับความรู้สึกคลาสสิก แผงหน้าปัดแบบ digi-analog ใหม่ มีจอแสดงผล LCDทันสมัย จุดชาร์จ USB อยู่ใต้แฮนด์เพื่อความสะดวกในการชาร์จอย่างรวดเร็วขณะเดินทาง
ระบบนำทาง Tripper แบบ turn-by-turn มีให้ใช้งานเป็นอุปกรณ์เสริม Make It Yours (MiY) ใน Chrome series ทั้งนี้ MiY เป็นเครื่องมือเฉพาะของรอยัล เอนฟิลด์ ที่ส่งเสริมการแสดงออกถึงตัวตนของผู้ขับขี่ ช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับแต่งรถจักรยานยนต์ได้ตามความต้องการเฉพาะของตนเอง
เครื่องยนต์ J-series แบบสูบเดียว ขนาดความจุ 349 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ทันสมัยและเพิ่งเปิดตัวในงาน Meteor เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีกำลังสูงสุด 20.2 แรงม้า ที่ 6100rpm แรงบิด 27 นิวตันเมตร ที่ 4000rpm ส่งผลให้เกิดเสียงดังรบกวนน้อย และได้รับการติดตั้งเพลาบาลานเซอร์หลักลดการสั่นสะเทือน ช่วยทำให้ Classic 350 ใหม่ มีความนุ่มนวลและทรงตัวดีขึ้น
ส่วน ระบบเกียร์เป็นแบบ 5 สปีด ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังได้รับการพัฒนาใหม่ รวมถึงระบบเบรก ที่ทุกรุ่นติดตั้งระบบเบรก ABS แบบ dual channel ABS และ dual disc brakes (ยกเว้นรุ่น Redditch ที่มีระบบเบรก ABS แบบช่องเดี่ยวและดิสก์เบรกด้านหน้า) เพื่อให้การขับขี่มั่นใจมากขึ้น
Royal Enfield Classic 350 ใหม่มีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ได้แก่ (11 โทนสี Redditch series, the Halcyon series, the Classic Signals, the Dark series และ Classic Chrome)
1 Classic Chrome series เป็นรุ่นพรีเมี่ยม สะท้อนถึงรูปลักษณ์และความรู้สึกที่สวยน่ามองทุกรายละเอียดของรถจักรยานยนต์อังกฤษนับตั้งแต่ปี 1950 มีให้เลือกในสีทูโทนในสองคู่สี คือ Chrome Red และ Chrome Bronze โดย Chrome series สื่อสัญลักษณ์ที่แท้จริงของอดีตด้วยตรารถถังที่โดดเด่น
2 Classic Dark series เป็นรุ่นที่สะท้อนความเป็นหนุ่มสาว ทันสมัยในแบบฉบับชีวิตเมือง โดยมาในสี Stealth Black และ Gunmetal Grey และล้ออัลลอยด์พร้อมยางแบบไม่มียางใน
3 Classic Signals series มีให้เลือกในสี Marsh Grey และ Desert Sand ส่วนรูปลักษณ์จะเน้นความเกี่ยวพันระหว่างรอยัล เอนฟิลด์กับกองทัพ แต่ละคันจะมาพร้อมกับตราสัญลักษณ์และกราฟิก รวมถึงติดหมายเลขเฉพาะที่จะพิมพ์ลายฉลุบนถังน้ำมัน
4 Halcyon series ตามชื่อคือการเฉลิมฉลองมรดกตกทอดของ Classic และสะท้อนถึงรูปลักษณ์คลาสสิกย้อนยุคอันรุ่งโรจน์ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Green, Grey และ Black
5 Classic 350 Redditch series ได้รับแรงบันดาลใจจากความคลาสสิกที่แท้จริงในอดีตและมาพร้อมสีรถถัง ได้แก่ Redditch Grey และ Redditch Sage Green พร้อมชิ้นส่วนที่เป็นสีดำสนิท
Classic 350 ใหม่ จะวางจำหน่ายพร้อมกับชุดอุปกรณ์เสริม Genuine Motorcycle Accessories ที่มีให้เลือกถึง 35 แบบ เพิ่มความสะดวกสบาย ประโยชน์ใช้สอย และเสริมสไตล์ พร้อมการรับประกัน 3 ปีแบบครอบคลุม ขณะที่อุปกรณ์การขี่ทั้งหมวกกันน็อค เสื้อยืด และอุปกรณ์ไลฟ์สไตล์ได้รับการออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Classic 350 ใหม่ เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า
Classic 350 ใหม่ ทุกรุ่นมีให้จอง และทดลองขับแล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายในประเทศอินเดีย ยกเว้น Redditch series ซึ่งจะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
สิทธัตถะ ลาล กรรมการผู้จัดการ ไอเชอร์ มอเตอร์ส กล่าวว่า แบรนด์ รอยัล เอนฟิลด์ (Royal Enfield) ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1901 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รอยัล เอนฟิลด์ มุ่งมั่นในการสร้างรถจักรยานยนต์ที่มีรูปลักษณ์สวยงามคลาสสิกเหนือกาลเวลาและขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลิน
ทั้งนี้เพื่อฉลองครบรอบ 120 ปี การก่อตั้งแบรนด์ รอยัล เอนฟิลด์ จึงได้เปิดตัว All-New Classic 350 โฉมใหม่ ซึ่งรุ่น Classicเปิดตั้งครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2008 มียอดจำหน่ายรวมมากกว่า 3 ล้านคันตลอดอายุการทำตลาด ถือว่าเป็นการสร้างมิติใหม่ให้รถจักรยานยนต์ขนาดกลางพิกัด 250-750 ซีซี.
“Classic ได้รับความนิยมอย่างมากจนทำให้จักรยานยนต์ในระดับกลางของอินเดียมีสัดส่วนการขายที่เติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราเชื่อว่า All-New Classic 350 จะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นรถที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งแชสซีและเครื่องยนต์ J-series” สิทธัตถะ กล่าว
สำหรับ Classic 350 ใหม่ ถูกออกแบบและพัฒนาโดยทีมนักออกแบบและวิศวกรของศูนย์เทคโนโลยีสองแห่งของรอยัล เอนฟิลด์ในประเทศอินเดีย และสหราชอาณาจักร ถังน้ำมันทรงหยดน้ำแบบ Casquette ซิกเนเจอร์สไตล์ของรอยัล เอนฟิลด์ ติดตั้งไฟหน้าและไฟสัญญาณนำร่องแบบใหม่
เบาะนั่งใหม่กว้างขึ้นพร้อมเบาะรองนั่งบุด้วยโฟมนุ่ม แฮนด์แบบใหม่ ตำแหน่งการขี่ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายควบคู่กับความรู้สึกคลาสสิก แผงหน้าปัดแบบ digi-analog ใหม่ มีจอแสดงผล LCDทันสมัย จุดชาร์จ USB อยู่ใต้แฮนด์เพื่อความสะดวกในการชาร์จอย่างรวดเร็วขณะเดินทาง
ระบบนำทาง Tripper แบบ turn-by-turn มีให้ใช้งานเป็นอุปกรณ์เสริม Make It Yours (MiY) ใน Chrome series ทั้งนี้ MiY เป็นเครื่องมือเฉพาะของรอยัล เอนฟิลด์ ที่ส่งเสริมการแสดงออกถึงตัวตนของผู้ขับขี่ ช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับแต่งรถจักรยานยนต์ได้ตามความต้องการเฉพาะของตนเอง
เครื่องยนต์ J-series แบบสูบเดียว ขนาดความจุ 349 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ทันสมัยและเพิ่งเปิดตัวในงาน Meteor เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีกำลังสูงสุด 20.2 แรงม้า ที่ 6100rpm แรงบิด 27 นิวตันเมตร ที่ 4000rpm ส่งผลให้เกิดเสียงดังรบกวนน้อย และได้รับการติดตั้งเพลาบาลานเซอร์หลักลดการสั่นสะเทือน ช่วยทำให้ Classic 350 ใหม่ มีความนุ่มนวลและทรงตัวดีขึ้น
ส่วน ระบบเกียร์เป็นแบบ 5 สปีด ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังได้รับการพัฒนาใหม่ รวมถึงระบบเบรก ที่ทุกรุ่นติดตั้งระบบเบรก ABS แบบ dual channel ABS และ dual disc brakes (ยกเว้นรุ่น Redditch ที่มีระบบเบรก ABS แบบช่องเดี่ยวและดิสก์เบรกด้านหน้า) เพื่อให้การขับขี่มั่นใจมากขึ้น
Royal Enfield Classic 350 ใหม่มีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ได้แก่ (11 โทนสี Redditch series, the Halcyon series, the Classic Signals, the Dark series และ Classic Chrome)
1 Classic Chrome series เป็นรุ่นพรีเมี่ยม สะท้อนถึงรูปลักษณ์และความรู้สึกที่สวยน่ามองทุกรายละเอียดของรถจักรยานยนต์อังกฤษนับตั้งแต่ปี 1950 มีให้เลือกในสีทูโทนในสองคู่สี คือ Chrome Red และ Chrome Bronze โดย Chrome series สื่อสัญลักษณ์ที่แท้จริงของอดีตด้วยตรารถถังที่โดดเด่น
2 Classic Dark series เป็นรุ่นที่สะท้อนความเป็นหนุ่มสาว ทันสมัยในแบบฉบับชีวิตเมือง โดยมาในสี Stealth Black และ Gunmetal Grey และล้ออัลลอยด์พร้อมยางแบบไม่มียางใน
3 Classic Signals series มีให้เลือกในสี Marsh Grey และ Desert Sand ส่วนรูปลักษณ์จะเน้นความเกี่ยวพันระหว่างรอยัล เอนฟิลด์กับกองทัพ แต่ละคันจะมาพร้อมกับตราสัญลักษณ์และกราฟิก รวมถึงติดหมายเลขเฉพาะที่จะพิมพ์ลายฉลุบนถังน้ำมัน
4 Halcyon series ตามชื่อคือการเฉลิมฉลองมรดกตกทอดของ Classic และสะท้อนถึงรูปลักษณ์คลาสสิกย้อนยุคอันรุ่งโรจน์ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Green, Grey และ Black
5 Classic 350 Redditch series ได้รับแรงบันดาลใจจากความคลาสสิกที่แท้จริงในอดีตและมาพร้อมสีรถถัง ได้แก่ Redditch Grey และ Redditch Sage Green พร้อมชิ้นส่วนที่เป็นสีดำสนิท
Classic 350 ใหม่ จะวางจำหน่ายพร้อมกับชุดอุปกรณ์เสริม Genuine Motorcycle Accessories ที่มีให้เลือกถึง 35 แบบ เพิ่มความสะดวกสบาย ประโยชน์ใช้สอย และเสริมสไตล์ พร้อมการรับประกัน 3 ปีแบบครอบคลุม ขณะที่อุปกรณ์การขี่ทั้งหมวกกันน็อค เสื้อยืด และอุปกรณ์ไลฟ์สไตล์ได้รับการออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Classic 350 ใหม่ เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า
Classic 350 ใหม่ ทุกรุ่นมีให้จอง และทดลองขับแล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายในประเทศอินเดีย ยกเว้น Redditch series ซึ่งจะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป