การกลับมาทำตลาดอีกครั้งของ เอ็มจี 5 (MG5) หลังจากที่เมื่อครั้งเปิดตัวแบรนด์ได้เคยทำตลาดมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จดังที่คาดหวังเอาไว้ กลับมาคราวนี้ทีมผู้บริหารของเอ็มจี ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และวางตำแหน่งทางการตลาดของสินค้าใหม่หมด
เอ็มจี 5 ถูกกำหนดให้มาเปรียบเทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม อีโคคาร์และบีคาร์ ซีดาน แม้โดยขนาดตัวถังและเครื่องยนต์แล้ว มีความใกล้เคียงในรถเซกเมนท์ ซี-ซีดาน แต่เอ็มจีเลือกวางตำแหน่งด้วยราคาให้เกาะอยู่กับกลุ่มรถเล็กโดยรุ่นเริ่มต้น C ราคา559,000 บาท, D ราคา 599,000 บาท และ X ราคา 689,000 บาท
หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ยอดจองถึงวันที่ 17 สิงหาคม มีจำนวนราว 3,000 คัน และยอดส่งมอบไปแล้วกว่า 700 คัน นับว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตไวรัสโควิด-19 เช่นนี้ โดยทีมงาน "เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง" เข้าร่วมทดลองขับแบบสั้น ๆ ในสนามทดสอบรถของเอ็มจี ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ติดตามได้
ตัวถังใหญ่ ออปชันล้น
การดีไซน์คือสิ่งแรกที่สร้างความโดดเด่นและสะดุดตาอย่างมาก เรียกว่าฉีกแนวทางเดิมของเอ็มจีไปอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่า ความสวยงาม เราจะไม่วิพากษ์วิจารณ์เพราะถือว่าเป็นเรื่องนานาจิตตัง อย่างที่ย้ำมาโดยตลอด จุดใหญ่ใจความที่เรานำเสนอคงเป็นเรื่องราวของขนาดตัวถังมากกว่า
ตามสเป็กแล้วขนาดของเอ็มจี5 มีความยาว 4,675 มม. เทียบกับฮอนด้าซีวิคใหม่ มีความยาว 4,678 มม. ขณะที่ความกว้างและความสูง เอ็มจี5 มีตัวเลขที่มากกว่า ดังนั้นภาพรวมของขนาดตัวถัง เอ็มจี5 ใหญ่กว่าซีวิค แต่ระยะฐานล้อ ซีวิคยาวกว่า
เหตุผลที่เราเลือกเทียบกับซีวิค เพื่อให้เห็นภาพขนาดของมิติตัวถังที่ชัดเจน รวมถึงมีคำถามเปรียบเทียบระหว่างรถ 2 รุ่นนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรายืนยันว่า อยู่คนละกลุ่มและไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกันในการเลือกคบหา อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถห้ามความคิดในการนำมาเทียบได้ เพราะทั้งคู่เปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน และมีขนาดตัวถังใกล้เคียงกัน แต่จะต่างกันที่ราคาและคุณสมบัติอื่น
เครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร Vti-Tech กำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที 8 สปีด (ชุดเดียวกับเอ็มจี แซดเอส) ช่วงล่างหน้าแบบอิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท และหลังแบบ ทอร์ชันบีม จุดเด่นประการหนึ่งของ เอ็มจี5 คือเป็นรุ่นเดียวของรถซีดานในกลุ่มรถเล็กที่ใช้ ดิสก์เบรก 4 ล้อ
การออกแบบภายใน ขอใช้คำว่าทำได้น่าประทับใจ ปิดจุดอ่อนเดิมได้ด้วยการใช้วัสดุมีคุณภาพดีขึ้นหลากหลายชิ้นส่วน แต่จะมีเรื่องของการใช้สีเบาะแบบทูโทนที่เป็นสีแดง ซึ่งขัดใจเราอยู่มิใช่น้อย แต่หากอยากได้ภายในสีดำ จะต้องเลือกรุ่นย่อย C หรือ D หากอยากเลือกรุ่นท็อปตัว X จะต้องเลือก สีภาพนอกเป็น สีเหลือง เท่านั้น
ด้านอุปกรณ์และออปชันต่างๆ คือจุดเด่นที่สุดของเอ็มจี 5 โดยเราคัดมาเฉพาะไฮไลท์ ที่มีเฉพาะรุ่นท็อปได้แก่ ระบบ i-smart (รวมดิจิทัล คีย์), หลังคาซันรูฟ, หน้าปัดแสดงผลแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว, เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า, ม่านถุงลมและกล้องมองภาพ 3 มิติ
ส่วนระบบเสริมความปลอดภัยมีให้ครบถ้วนเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นคือ ABS, EBD, EBA, TCS, ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง, ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และถุงลมนิรภัยคู่หน้า
ส่วนระบบเสริมความปลอดภัยเฉพาะในรุ่นท็อปได้ระบบ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบเตือนขณะถอยหลัง, ระบบเตือนการชนด้านหลัง, ระบบเตือนการเปลี่ยนเลน และถุงลมนิรภัยเพิ่มขึ้นเป็น 6 ตำแหน่ง (เพิ่มม่านถุงลม) โดยรุ่นกลางจะมีถุงลมนิรภัย 4 จุด
ช่วงล่างหนึบ แรงสมตัว
การขับขี่เป็นการใช้พื้นที่ในสนามทดสอบรถของเอ็มจี โดยมีการวางตำแหน่งกรวยเพื่อความปลอดภัยและจำกัดการใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับพื้นที่ โดยรถที่ใช้ในการทดลองขับจะเป็นรุ่น X ตัวท็อป กำหนดให้ขับกี่รอบก็ได้จนกว่าจะพอใจภายในระยะเวลาในการขับ ไม่เกิน 3 ชั่วโมง
เริ่มต้นด้วยการขับสบายๆ เพื่อหาไลน์การเข้าโค้งและลองทางวิ่ง สิ่งที่รับรู้ได้คือ อัตราเร่งทำได้สมกับค่าตัว ไม่พุ่งมากนัก แรงกำลังดีเหมาะกับการเป็นรถใช้งานในชีวิตประจำวัน หากเทียบกับคู่แข่งในคลาส อัตรเร่ง MG5 ดีกว่าหลายรุ่น จะเป็นรองแค่ ฮอนด้า ซิตี้ สูสีกับ นิสสัน อัลเมร่า แน่นอนว่าเทียบกับซีวิคไม่ได้
หลังทำความคุ้นเคยอยู่หลายรอบ ได้เวลาของการจัดเต็ม กดคันเร่งแบบเต็มสปีด เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างได้ยินชัดเจน จุดแรกเป็นการหักเลี้ยวแบบฉุกเฉิน ตัวรถทรงตัวได้ดี ไม่หลุด พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี (ปรับน้ำหนักได้) ควบคุมแม่นยำ ลองตรงจุดนี้กว่าสิบรอบ ทุกรอบยืนยันว่า ไม่หลุด แสดงให้เห็นว่าช่วงล่างเซ็ตมาดี และระบบเสริมความปลอดภัยที่ใส่มาให้นั้นใช้งานได้จริง
หลังจากนั้นเป็นช่วงทางตรงยาว แล้วเป็นโค้งทันทีตามปกติ จุดนี้สามารถทำความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. แต่ด้วยการวางกรวยเพื่อป้องกันและจำกัดความเร็วโดยแนะนำให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. แต่เราลองใช้ความเร็วได้สูงสุดคือ 80 กม./ชม. การลองอัตราเร่งในจังหวะการแซงถือว่าดี ไม่อืดหรือรอรอบแต่อย่างใด ทั้งที่เป็นเกียร์แบบซีวีที
บางรอบขับด้วยความเร็วทะลุมาที่ 82 กม./ชม. นั่นคือขีดสุดภายใต้เงื่อนไขของสภาพพื้นที่ ทำให้เราได้ลองเบรกฉุกเฉินแบบไม่ตั้งใจ ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ เอาอยู่แบบเข้าโค้งสุดทางตรงได้อย่างพอดี มีอาการท้ายออกเล็กน้อย ส่วนเสียงยางเสียดสีกับถนนดังแบบชัดเจนมาก คือหากขับมาถึงจุดเลี้ยวด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. แตะเบรกเบาๆ จะเข้าโค้งได้เนียนกว่า
ช่วงสุดท้ายของสนามเป็นโค้งซ้ายสลับขวามีครบ กว้าง, แคบและหักศอก ได้ลองระบบช่วงล่างกันแบบเต็มๆ เมื่อเข้าโค้งแรงๆ ไม่มีหลุด มีระยะยุบตัวบ้าง โดยภาพรวมจากการลองขับเกินสิบรอบ แบบอัดเต็มสปีดเท่าที่ขีดความสามารถของรถจะทำได้ เกาะหนึบดีทุกโค้ง แถมยังขับสนุกเหนือกว่าที่คาดไว้มาก โค้งสุดท้ายเป็นโค้งกลับรถแบบยูเทิร์นแคบมาก MG5 มีรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียงพอขับผ่านได้สบาย
กล่าวโดยสรุปจากการลองขับในสนามปิด อัตราเร่งช่วงออกตัวดี ไม่อืด การเร่งแซงในจังหวะความเร็วต่ำพุ่งขึ้นปานกลางไม่มีอาการรอรอบ การเข้าโค้งและระบบช่วงล่างทำได้ประทับใจที่สุด ขณะที่เสียงเครื่องยนต์เวลากดคันเร่งเต็มเท้า มีเข้ามาให้ได้ยินชัดเจน ส่วนเรื่องอัตราการบริโภคน้ำมันและการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ยังต้องรอการทดลองขับบนถนนจริงอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการทดลองใช้งาน ลูกเล่นต่างๆ โดยเฉพาะดิจิทัลคีย์ ที่ถือว่าเป็นรถรุ่นแรกของรถระดับนี้ที่มีฟังก์ชันนี้มาให้ใช้งาน พบว่า ใช้ได้จริงและง่ายต่อการควบคุม ขอให้ทำความคุ้นเคยและเข้าใจคุณสมบัติต่างๆให้ครบถ้วน มีเพียงเงื่อนไขเล็กน้อยบางอย่างที่จำเป็นต้องรู้ เช่น หากเดินเข้าใกล้รถแล้วรถเปิดให้เอง ถือว่าดีมากในแง่ของความสะดวกสบาย หากคุณไม่ได้ตั้งใจจะเข้ารถแต่แค่เดินผ่าน อาจจะเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัย คนอื่นที่ใกล้รถสามารถเปิดประตูได้
อย่างไรก็ดี หากไม่มีการเปิดประตูในช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือเดินห่างออกไปพ้นระยะเชื่อมต่อ ระบบจะล็อกรถโดยอัตโนมัติทันที
ส่วนสิ่งที่น่ากังวลคือ คุณภาพการประกอบ ซึ่งต้องรอดูในระยะยาว เนื่องจากการมีฟังก์ชันอีเล็กทรอนิคส์ล้ำสมัยมากมาย ย่อมส่งผลต่อความเสถียรในการใช้งาน เหมือนเช่นคุณโหลดแอพมาไว้ในโทรศัพท์ เยอะๆ นั่นเอง ขณะที่บริการหลังการขาย เอ็มจี ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิมแล้วในเวลานี้
เหมาะกับใคร
รถคันแรกของบ้าน หรือรถคันเดียว สำหรับคนที่ตั้งโจทย์ในเรื่องของความคุ้มค่ากับราคาค่าตัวระดับอีโคคาร์ แต่ได้ออปชันเฉกเช่นรถหรูราคานับล้านหลายรายการ เรียกว่าคุ้มแบบไม่ต้องคิดมาก
เอ็มจี 5 ถูกกำหนดให้มาเปรียบเทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม อีโคคาร์และบีคาร์ ซีดาน แม้โดยขนาดตัวถังและเครื่องยนต์แล้ว มีความใกล้เคียงในรถเซกเมนท์ ซี-ซีดาน แต่เอ็มจีเลือกวางตำแหน่งด้วยราคาให้เกาะอยู่กับกลุ่มรถเล็กโดยรุ่นเริ่มต้น C ราคา559,000 บาท, D ราคา 599,000 บาท และ X ราคา 689,000 บาท
หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ยอดจองถึงวันที่ 17 สิงหาคม มีจำนวนราว 3,000 คัน และยอดส่งมอบไปแล้วกว่า 700 คัน นับว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตไวรัสโควิด-19 เช่นนี้ โดยทีมงาน "เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง" เข้าร่วมทดลองขับแบบสั้น ๆ ในสนามทดสอบรถของเอ็มจี ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ติดตามได้
ตัวถังใหญ่ ออปชันล้น
การดีไซน์คือสิ่งแรกที่สร้างความโดดเด่นและสะดุดตาอย่างมาก เรียกว่าฉีกแนวทางเดิมของเอ็มจีไปอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่า ความสวยงาม เราจะไม่วิพากษ์วิจารณ์เพราะถือว่าเป็นเรื่องนานาจิตตัง อย่างที่ย้ำมาโดยตลอด จุดใหญ่ใจความที่เรานำเสนอคงเป็นเรื่องราวของขนาดตัวถังมากกว่า
ตามสเป็กแล้วขนาดของเอ็มจี5 มีความยาว 4,675 มม. เทียบกับฮอนด้าซีวิคใหม่ มีความยาว 4,678 มม. ขณะที่ความกว้างและความสูง เอ็มจี5 มีตัวเลขที่มากกว่า ดังนั้นภาพรวมของขนาดตัวถัง เอ็มจี5 ใหญ่กว่าซีวิค แต่ระยะฐานล้อ ซีวิคยาวกว่า
เหตุผลที่เราเลือกเทียบกับซีวิค เพื่อให้เห็นภาพขนาดของมิติตัวถังที่ชัดเจน รวมถึงมีคำถามเปรียบเทียบระหว่างรถ 2 รุ่นนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรายืนยันว่า อยู่คนละกลุ่มและไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกันในการเลือกคบหา อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถห้ามความคิดในการนำมาเทียบได้ เพราะทั้งคู่เปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน และมีขนาดตัวถังใกล้เคียงกัน แต่จะต่างกันที่ราคาและคุณสมบัติอื่น
เครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร Vti-Tech กำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที 8 สปีด (ชุดเดียวกับเอ็มจี แซดเอส) ช่วงล่างหน้าแบบอิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท และหลังแบบ ทอร์ชันบีม จุดเด่นประการหนึ่งของ เอ็มจี5 คือเป็นรุ่นเดียวของรถซีดานในกลุ่มรถเล็กที่ใช้ ดิสก์เบรก 4 ล้อ
การออกแบบภายใน ขอใช้คำว่าทำได้น่าประทับใจ ปิดจุดอ่อนเดิมได้ด้วยการใช้วัสดุมีคุณภาพดีขึ้นหลากหลายชิ้นส่วน แต่จะมีเรื่องของการใช้สีเบาะแบบทูโทนที่เป็นสีแดง ซึ่งขัดใจเราอยู่มิใช่น้อย แต่หากอยากได้ภายในสีดำ จะต้องเลือกรุ่นย่อย C หรือ D หากอยากเลือกรุ่นท็อปตัว X จะต้องเลือก สีภาพนอกเป็น สีเหลือง เท่านั้น
ด้านอุปกรณ์และออปชันต่างๆ คือจุดเด่นที่สุดของเอ็มจี 5 โดยเราคัดมาเฉพาะไฮไลท์ ที่มีเฉพาะรุ่นท็อปได้แก่ ระบบ i-smart (รวมดิจิทัล คีย์), หลังคาซันรูฟ, หน้าปัดแสดงผลแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว, เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า, ม่านถุงลมและกล้องมองภาพ 3 มิติ
ส่วนระบบเสริมความปลอดภัยมีให้ครบถ้วนเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นคือ ABS, EBD, EBA, TCS, ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง, ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และถุงลมนิรภัยคู่หน้า
ส่วนระบบเสริมความปลอดภัยเฉพาะในรุ่นท็อปได้ระบบ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบเตือนขณะถอยหลัง, ระบบเตือนการชนด้านหลัง, ระบบเตือนการเปลี่ยนเลน และถุงลมนิรภัยเพิ่มขึ้นเป็น 6 ตำแหน่ง (เพิ่มม่านถุงลม) โดยรุ่นกลางจะมีถุงลมนิรภัย 4 จุด
ช่วงล่างหนึบ แรงสมตัว
การขับขี่เป็นการใช้พื้นที่ในสนามทดสอบรถของเอ็มจี โดยมีการวางตำแหน่งกรวยเพื่อความปลอดภัยและจำกัดการใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับพื้นที่ โดยรถที่ใช้ในการทดลองขับจะเป็นรุ่น X ตัวท็อป กำหนดให้ขับกี่รอบก็ได้จนกว่าจะพอใจภายในระยะเวลาในการขับ ไม่เกิน 3 ชั่วโมง
เริ่มต้นด้วยการขับสบายๆ เพื่อหาไลน์การเข้าโค้งและลองทางวิ่ง สิ่งที่รับรู้ได้คือ อัตราเร่งทำได้สมกับค่าตัว ไม่พุ่งมากนัก แรงกำลังดีเหมาะกับการเป็นรถใช้งานในชีวิตประจำวัน หากเทียบกับคู่แข่งในคลาส อัตรเร่ง MG5 ดีกว่าหลายรุ่น จะเป็นรองแค่ ฮอนด้า ซิตี้ สูสีกับ นิสสัน อัลเมร่า แน่นอนว่าเทียบกับซีวิคไม่ได้
หลังทำความคุ้นเคยอยู่หลายรอบ ได้เวลาของการจัดเต็ม กดคันเร่งแบบเต็มสปีด เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างได้ยินชัดเจน จุดแรกเป็นการหักเลี้ยวแบบฉุกเฉิน ตัวรถทรงตัวได้ดี ไม่หลุด พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี (ปรับน้ำหนักได้) ควบคุมแม่นยำ ลองตรงจุดนี้กว่าสิบรอบ ทุกรอบยืนยันว่า ไม่หลุด แสดงให้เห็นว่าช่วงล่างเซ็ตมาดี และระบบเสริมความปลอดภัยที่ใส่มาให้นั้นใช้งานได้จริง
หลังจากนั้นเป็นช่วงทางตรงยาว แล้วเป็นโค้งทันทีตามปกติ จุดนี้สามารถทำความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. แต่ด้วยการวางกรวยเพื่อป้องกันและจำกัดความเร็วโดยแนะนำให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. แต่เราลองใช้ความเร็วได้สูงสุดคือ 80 กม./ชม. การลองอัตราเร่งในจังหวะการแซงถือว่าดี ไม่อืดหรือรอรอบแต่อย่างใด ทั้งที่เป็นเกียร์แบบซีวีที
บางรอบขับด้วยความเร็วทะลุมาที่ 82 กม./ชม. นั่นคือขีดสุดภายใต้เงื่อนไขของสภาพพื้นที่ ทำให้เราได้ลองเบรกฉุกเฉินแบบไม่ตั้งใจ ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ เอาอยู่แบบเข้าโค้งสุดทางตรงได้อย่างพอดี มีอาการท้ายออกเล็กน้อย ส่วนเสียงยางเสียดสีกับถนนดังแบบชัดเจนมาก คือหากขับมาถึงจุดเลี้ยวด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. แตะเบรกเบาๆ จะเข้าโค้งได้เนียนกว่า
ช่วงสุดท้ายของสนามเป็นโค้งซ้ายสลับขวามีครบ กว้าง, แคบและหักศอก ได้ลองระบบช่วงล่างกันแบบเต็มๆ เมื่อเข้าโค้งแรงๆ ไม่มีหลุด มีระยะยุบตัวบ้าง โดยภาพรวมจากการลองขับเกินสิบรอบ แบบอัดเต็มสปีดเท่าที่ขีดความสามารถของรถจะทำได้ เกาะหนึบดีทุกโค้ง แถมยังขับสนุกเหนือกว่าที่คาดไว้มาก โค้งสุดท้ายเป็นโค้งกลับรถแบบยูเทิร์นแคบมาก MG5 มีรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียงพอขับผ่านได้สบาย
กล่าวโดยสรุปจากการลองขับในสนามปิด อัตราเร่งช่วงออกตัวดี ไม่อืด การเร่งแซงในจังหวะความเร็วต่ำพุ่งขึ้นปานกลางไม่มีอาการรอรอบ การเข้าโค้งและระบบช่วงล่างทำได้ประทับใจที่สุด ขณะที่เสียงเครื่องยนต์เวลากดคันเร่งเต็มเท้า มีเข้ามาให้ได้ยินชัดเจน ส่วนเรื่องอัตราการบริโภคน้ำมันและการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ยังต้องรอการทดลองขับบนถนนจริงอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการทดลองใช้งาน ลูกเล่นต่างๆ โดยเฉพาะดิจิทัลคีย์ ที่ถือว่าเป็นรถรุ่นแรกของรถระดับนี้ที่มีฟังก์ชันนี้มาให้ใช้งาน พบว่า ใช้ได้จริงและง่ายต่อการควบคุม ขอให้ทำความคุ้นเคยและเข้าใจคุณสมบัติต่างๆให้ครบถ้วน มีเพียงเงื่อนไขเล็กน้อยบางอย่างที่จำเป็นต้องรู้ เช่น หากเดินเข้าใกล้รถแล้วรถเปิดให้เอง ถือว่าดีมากในแง่ของความสะดวกสบาย หากคุณไม่ได้ตั้งใจจะเข้ารถแต่แค่เดินผ่าน อาจจะเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัย คนอื่นที่ใกล้รถสามารถเปิดประตูได้
อย่างไรก็ดี หากไม่มีการเปิดประตูในช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือเดินห่างออกไปพ้นระยะเชื่อมต่อ ระบบจะล็อกรถโดยอัตโนมัติทันที
ส่วนสิ่งที่น่ากังวลคือ คุณภาพการประกอบ ซึ่งต้องรอดูในระยะยาว เนื่องจากการมีฟังก์ชันอีเล็กทรอนิคส์ล้ำสมัยมากมาย ย่อมส่งผลต่อความเสถียรในการใช้งาน เหมือนเช่นคุณโหลดแอพมาไว้ในโทรศัพท์ เยอะๆ นั่นเอง ขณะที่บริการหลังการขาย เอ็มจี ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิมแล้วในเวลานี้
เหมาะกับใคร
รถคันแรกของบ้าน หรือรถคันเดียว สำหรับคนที่ตั้งโจทย์ในเรื่องของความคุ้มค่ากับราคาค่าตัวระดับอีโคคาร์ แต่ได้ออปชันเฉกเช่นรถหรูราคานับล้านหลายรายการ เรียกว่าคุ้มแบบไม่ต้องคิดมาก
