สิ่งแรกที่เรานึกเมื่อเอ่ยคำว่า “รถยนต์ไฮบริด” แน่นอนว่า ทุกคนจะต้องนึกถึง “ความประหยัด” ด้วยการปลูกฝังความเชื่อมั่นจากค่ายรถยนต์ต่างๆ แต่แล้วเมื่อ เฟอร์รารี่จะทำรถไฮบริด หลายท่านเกิดความงุนงงและสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น เหตุใดค่ายรถที่เน้นในเรื่องของความแรงมาโดยตลอดอยู่ดีดี หันมาทำรถไฮบริด เพื่อความประหยัด อย่างนั้นหรือ...???
คำตอบ คือสิ่งที่หลายคนลืมหรือมองข้ามไป การแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่งหรือ F1 ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ปัจจุบันเครื่องยนต์ที่ใช้จะต้องเป็นระบบไฮบริดเท่านั้น โดยเฟอร์รารี่คือ หนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขันดังกล่าว และมีชื่อเสียงระดับตำนาน ฉะนั้น เฟอร์รารี่จึงมีเทคโนโลยีไฮบริดขั้นสูงสุดของโลกวิศวกรรมอยู่ในมือ ซึ่งผลลัพธ์คันแรกของการพัฒนาจากสนามแข่งดังกล่าว “SF90 Stradale”
SF90 Stradale ตัวย่อ 2 อักษรแรกมาจากชื่อทีมแข่ง Scuderia Ferrari และเลข 90 มาจากการครบรอบ 90 ปีของทีมแข่งดังกล่าวในปีที่ SF90 Stradale ออกจำหน่าย และคำว่า Stradale หมายถึง สร้างเพื่อวิ่งบนถนน โดยมีนัยยะคือ การเป็นรถแข่งที่สามารถใช้งานได้จริงบนท้องถนนทั่วไป
สำหรับเมืองไทย คาวาลลิโน มอเตอร์ เฟอร์รารี่ ได้เปิดตัวและเคาะราคาจำหน่าย SF90 Stradale เริ่มต้นที่ 40,900,000 บาท โดยมีการเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมทดลองขับแบบสั้นๆ เพื่อให้รับรู้ว่าเจ้ารถลูกผสมผลงานจากสนามแข่งคันนี้มีความแรงเพียงใด
ปลั๊กอินไฮบริด - 1,000 แรงม้า
ด้านการออกแบบภายนอกคือ ความภาคภูมิใจของทีมวิศวกรดีไซน์ ที่มุ่งเน้นในเรื่องของอากาศพลศาสตร์เป็นหัวใจสำคัญโดยออกแบบให้มีความลู่ลมอากาศไหลผ่านได้ง่าย และมีช่องดักลมซึ่งสามารถสร้างแรงกดรวมได้มากถึง 390 กิโลกรัม ขณะวิ่งด้วยความเร็ว 250 กม./ชม. รวมถึงการคว้ารางวัล Red Dot Design Award ด้านการออกแบบได้อีกด้วย
SF90 Stradale ถูกจัดให้เป็นรถในคลาสเดียวกับรถระดับตำนานของเฟอร์รารี่ไม่ว่าจะเป็น F50, Enzo และ LaFerrari เป็นต้น ซึ่งมีทั้งความหรูหรา พละกำลังมหาศาล และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่เฟอร์รารี่ใส่มาให้ โดยถือว่าเป็นรุ่นสูงสุดของไลน์การขายทั้งหมดของเฟอร์รารี่ในปัจจุบัน
หัวใจมากับระบบปลั๊กอินไฮบริด ที่เป็นผลพวงจากสนามแข่ง F1 ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าใช้งานร่วมกับเครื่องยนต์ V8 ตัวเก่งที่ได้รับรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมถึง 4 ปีซ้อน ซึ่งมีการปรับปรุงหลายส่วนทำให้ได้กำลังสูงสุดจากเครื่องยนต์ 780 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 220 แรงม้า เมื่อทำงานร่วมกันแล้วจะได้กำลังรวมสูงสุด 1,000 แรงม้า ระดับเดียวกับรถไฮเปอร์คาร์ และถือว่าเป็นรถยนต์เฟอร์รารี่รุ่นแรกแบบผลิตออกจำหน่ายปกติที่มีพละกำลังถึง 1,000 แรงม้า
ระบบช่วยควบคุมเฟอร์รารี่จัดให้เต็มชุดใหญ่ เช่น ระบบกระจายแรงบิด eSSC: E4WD (eTC, eDiff3) เพื่อให้รถมีสเถียรภาพการทรงตัวที่ดีที่สุดในทุกย่านความเร็ว, SCME-Frs, FDE2.0, EPS และ ระบบชาร์จพลังงานกลับเมื่อเบรก high performance ABS/EBD with energy recovery เป็นต้น
หัวใจสำคัญของระบบขับเคลื่อนคือการเลือกใช้ มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดย 2 ตัวแรกติดตั้งที่ล้อหน้าแบบอิสระ ทำให้ SF90 Stradale กลายเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นแรกของเฟอร์รารี่อีกด้วย ขณะที่มอเตอร์อีกหนึ่งตัว ติดตั้งระหว่างเครื่องยนต์และชุดเกียร์ ทำให้ไม่สูญเสียกำลังเมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ทำงานพร้อมกัน
แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 7.9 kWh เพียงพอต่อการวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางสูงสุด 25 กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วสูงสุดในโหมด EV ได้ 135 กม./ชม. ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ F1 คลัทช์คู่ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลา 6.7 วินาที
ขณะที่โครงสร้างตัวถังเป็นการใช้วัสดุที่หลากหลายทั้งคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมินัมอัลลอยเพื่อลดน้ำหนักรวม เนื่องจากเฉพาะระบบไฮบริดที่ใส่เพิ่มเข้ามานั้นมีมากถึง 270 กิโลกรัมแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือ น้ำหนักรวมของ SF90 Stradale อยู่ที่ 1,570 กิโลกรัม ทำให้มีแรงม้าต่อน้ำหนักเพียง 1.57 กิโลกรัม/แรงม้าเท่านั้น
การออกแบบภายในเป็นแนวคิดใหม่ทั้งหมด อุปกรณ์ทันสมัยถูกใส่เข้ามามากมายทั้ง หน้าจอแสดงระบบดิจิทัล ขนาด 16 นิ้ว และ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสัมผัสเช่นเดียวกับรถแข่ง F1 ซึ่งดีไซน์ใหม่จะถูกนำมาใช้ในรถรุ่นต่อๆ ไปของเฟอร์รารี่อีกด้วย
แรงสุด ควบคุมอยู่มือ
การให้ทดลองขับในคราวนี้ รอบแรกจะเป็นการขับสาธิตโดยทีมงานของเฟอร์รารี่และเรานั่งเป็นผู้โดยสาร 2 รอบสนาม หลังจากนั้นเป็นการให้เราลองขับอีก 2 รอบสนาม เรียกว่า เป็นประสบการณ์สั้นๆ อาจจะไม่สามารถบ่งชี้อะไรได้มากมายแต่เพียงพอต่อการตัดสินใจซื้อได้อย่างไม่ต้องสงสัย
การขับของทีมงานเพื่อดูไลน์และความเร็วที่จะใช้ ณ จุดต่างๆ เริ่มต้นด้วยการกดคันเร่งแบบหนักหน่วงของทีมงานตั้งแต่จุดออกตัว แรงดึงชนิดไม่เคยเจอจากรถคันใดมาก่อนในชีวิต อาการมวลท้องมาทันทีเมื่อหลังติดเบาะ โดยความเร็วสูงสุดที่ทีมงานขับให้เรานั่งราว 200 กม./ชม. ในระยะทางวิ่งตรงยาวสุดเท่าที่ขนาดของสนามปทุมธานี สปีดเวย์มี ก่อนจะต้องเบรกอย่างแรงเพื่อเข้าโค้ง ต่อจากนั้นเป็นการขับตามไลน์ของสนาม เรียกว่าใครไม่เคยนั่งรถซูเปอร์คาร์มาก่อน ถ้ามานั่ง SF90 Stradale เป็นคันแรกจะต้องเหวออย่างแน่นอน
ถัดมาเป็นการขับของเรา รอบแรกขับแบบเบาๆ เพื่อลองดูการทำงานและจับความรู้สึกพร้อมทำความคุ้นเคยกับทั้งพวงมาลัย,คันเร่งและน้ำหนักเบรกก่อน เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งเหมือนเป็นการขับแบบใช้งานในชีวิตประจำวันที่ SF90 Stradale ให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากรถปกติทั่วไป นั่งสบาย บังคับควบคุมง่ายมือ
รอบสุดท้ายของจริงมาเต็ม เพียงคุณกดคันเร่งเต็มเท้าตอนออกตัว แรงดึงหลังติดเบาะตามตัวเลข 0-200 กม./ชม. ในเวลา 6.7 วินาทีนั้น คือความจริงแท้แบบสิ้นข้อสงสัย ตัวรถพุ่งทะยานแบบไม่เคยเจอมาก่อน แต่การควบคุมกับง่ายดาย เพียงแค่จับพวงมาลัยให้มั่น รถไม่มีเสียการทรงตัว ทั้งที่ปกติแล้ว เฟอร์รารี่ในอดีตแค่เพียงแตะคันเร่งหนักเท้านิดเดียวตัวรถพร้อมเสียอาการทันที
เราขับด้วยความเร็วสูงสุดแอบเห็นเลข 200 กม./ชม. จากนั้นกระทืบเบรกเต็มแรง เรายังสามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ เรียกว่าเป็น ม้าลำพองยุคใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะในการขับรถแข่งมาควบคุมรถ ระบบต่างๆ สามารถช่วยให้คุณใช้งานเฟอร์รารี่ได้อย่างง่ายดายกว่าเดิมมาก
การขับเข้าโค้ง และการควบคุมพวงมาลัย เป็นไปอย่างแม่นยำ ขับสนุก ไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดขอเพียงอย่างขับเกินขีดความสามารถของตัวรถตามหลักฟิสิกซ์ ช่วงท้ายก่อนจากลาได้ลองกดคันเร่งแบบกระแทกอีกครั้ง ตัวรถพุ่งเร้าใจมาก ปิดฉากการขับแบบสั้นๆ ด้วยคำว่า “ถ้าเงินพอ ก็ซื้อเถอะ”
เหมาะกับใคร
ด้วยราคาค่าตัวเริ่มต้น 40,900,000 บาท และสามารถขยับเพิ่มออพชันต่างๆ ได้อีกกว่า 20 ล้านบาท หลายคนอาจจะมองว่าแพงมาก แต่หากนึกถึงพละกำลังระดับ 1,000 แรงม้า รวมถึงชื่อชั้นของการเป็นที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นรถแบบ PHEV ซึ่งได้ลดภาษีสรรพสามิตรับรองได้ว่าคันนี้ทะลุ 100,000,000 บาท แน่นอน
คำตอบ คือสิ่งที่หลายคนลืมหรือมองข้ามไป การแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่งหรือ F1 ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ปัจจุบันเครื่องยนต์ที่ใช้จะต้องเป็นระบบไฮบริดเท่านั้น โดยเฟอร์รารี่คือ หนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขันดังกล่าว และมีชื่อเสียงระดับตำนาน ฉะนั้น เฟอร์รารี่จึงมีเทคโนโลยีไฮบริดขั้นสูงสุดของโลกวิศวกรรมอยู่ในมือ ซึ่งผลลัพธ์คันแรกของการพัฒนาจากสนามแข่งดังกล่าว “SF90 Stradale”
SF90 Stradale ตัวย่อ 2 อักษรแรกมาจากชื่อทีมแข่ง Scuderia Ferrari และเลข 90 มาจากการครบรอบ 90 ปีของทีมแข่งดังกล่าวในปีที่ SF90 Stradale ออกจำหน่าย และคำว่า Stradale หมายถึง สร้างเพื่อวิ่งบนถนน โดยมีนัยยะคือ การเป็นรถแข่งที่สามารถใช้งานได้จริงบนท้องถนนทั่วไป
สำหรับเมืองไทย คาวาลลิโน มอเตอร์ เฟอร์รารี่ ได้เปิดตัวและเคาะราคาจำหน่าย SF90 Stradale เริ่มต้นที่ 40,900,000 บาท โดยมีการเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมทดลองขับแบบสั้นๆ เพื่อให้รับรู้ว่าเจ้ารถลูกผสมผลงานจากสนามแข่งคันนี้มีความแรงเพียงใด
ปลั๊กอินไฮบริด - 1,000 แรงม้า
ด้านการออกแบบภายนอกคือ ความภาคภูมิใจของทีมวิศวกรดีไซน์ ที่มุ่งเน้นในเรื่องของอากาศพลศาสตร์เป็นหัวใจสำคัญโดยออกแบบให้มีความลู่ลมอากาศไหลผ่านได้ง่าย และมีช่องดักลมซึ่งสามารถสร้างแรงกดรวมได้มากถึง 390 กิโลกรัม ขณะวิ่งด้วยความเร็ว 250 กม./ชม. รวมถึงการคว้ารางวัล Red Dot Design Award ด้านการออกแบบได้อีกด้วย
SF90 Stradale ถูกจัดให้เป็นรถในคลาสเดียวกับรถระดับตำนานของเฟอร์รารี่ไม่ว่าจะเป็น F50, Enzo และ LaFerrari เป็นต้น ซึ่งมีทั้งความหรูหรา พละกำลังมหาศาล และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่เฟอร์รารี่ใส่มาให้ โดยถือว่าเป็นรุ่นสูงสุดของไลน์การขายทั้งหมดของเฟอร์รารี่ในปัจจุบัน
หัวใจมากับระบบปลั๊กอินไฮบริด ที่เป็นผลพวงจากสนามแข่ง F1 ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าใช้งานร่วมกับเครื่องยนต์ V8 ตัวเก่งที่ได้รับรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมถึง 4 ปีซ้อน ซึ่งมีการปรับปรุงหลายส่วนทำให้ได้กำลังสูงสุดจากเครื่องยนต์ 780 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 220 แรงม้า เมื่อทำงานร่วมกันแล้วจะได้กำลังรวมสูงสุด 1,000 แรงม้า ระดับเดียวกับรถไฮเปอร์คาร์ และถือว่าเป็นรถยนต์เฟอร์รารี่รุ่นแรกแบบผลิตออกจำหน่ายปกติที่มีพละกำลังถึง 1,000 แรงม้า
ระบบช่วยควบคุมเฟอร์รารี่จัดให้เต็มชุดใหญ่ เช่น ระบบกระจายแรงบิด eSSC: E4WD (eTC, eDiff3) เพื่อให้รถมีสเถียรภาพการทรงตัวที่ดีที่สุดในทุกย่านความเร็ว, SCME-Frs, FDE2.0, EPS และ ระบบชาร์จพลังงานกลับเมื่อเบรก high performance ABS/EBD with energy recovery เป็นต้น
หัวใจสำคัญของระบบขับเคลื่อนคือการเลือกใช้ มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดย 2 ตัวแรกติดตั้งที่ล้อหน้าแบบอิสระ ทำให้ SF90 Stradale กลายเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นแรกของเฟอร์รารี่อีกด้วย ขณะที่มอเตอร์อีกหนึ่งตัว ติดตั้งระหว่างเครื่องยนต์และชุดเกียร์ ทำให้ไม่สูญเสียกำลังเมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ทำงานพร้อมกัน
แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 7.9 kWh เพียงพอต่อการวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางสูงสุด 25 กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วสูงสุดในโหมด EV ได้ 135 กม./ชม. ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ F1 คลัทช์คู่ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลา 6.7 วินาที
ขณะที่โครงสร้างตัวถังเป็นการใช้วัสดุที่หลากหลายทั้งคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมินัมอัลลอยเพื่อลดน้ำหนักรวม เนื่องจากเฉพาะระบบไฮบริดที่ใส่เพิ่มเข้ามานั้นมีมากถึง 270 กิโลกรัมแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือ น้ำหนักรวมของ SF90 Stradale อยู่ที่ 1,570 กิโลกรัม ทำให้มีแรงม้าต่อน้ำหนักเพียง 1.57 กิโลกรัม/แรงม้าเท่านั้น
การออกแบบภายในเป็นแนวคิดใหม่ทั้งหมด อุปกรณ์ทันสมัยถูกใส่เข้ามามากมายทั้ง หน้าจอแสดงระบบดิจิทัล ขนาด 16 นิ้ว และ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสัมผัสเช่นเดียวกับรถแข่ง F1 ซึ่งดีไซน์ใหม่จะถูกนำมาใช้ในรถรุ่นต่อๆ ไปของเฟอร์รารี่อีกด้วย
แรงสุด ควบคุมอยู่มือ
การให้ทดลองขับในคราวนี้ รอบแรกจะเป็นการขับสาธิตโดยทีมงานของเฟอร์รารี่และเรานั่งเป็นผู้โดยสาร 2 รอบสนาม หลังจากนั้นเป็นการให้เราลองขับอีก 2 รอบสนาม เรียกว่า เป็นประสบการณ์สั้นๆ อาจจะไม่สามารถบ่งชี้อะไรได้มากมายแต่เพียงพอต่อการตัดสินใจซื้อได้อย่างไม่ต้องสงสัย
การขับของทีมงานเพื่อดูไลน์และความเร็วที่จะใช้ ณ จุดต่างๆ เริ่มต้นด้วยการกดคันเร่งแบบหนักหน่วงของทีมงานตั้งแต่จุดออกตัว แรงดึงชนิดไม่เคยเจอจากรถคันใดมาก่อนในชีวิต อาการมวลท้องมาทันทีเมื่อหลังติดเบาะ โดยความเร็วสูงสุดที่ทีมงานขับให้เรานั่งราว 200 กม./ชม. ในระยะทางวิ่งตรงยาวสุดเท่าที่ขนาดของสนามปทุมธานี สปีดเวย์มี ก่อนจะต้องเบรกอย่างแรงเพื่อเข้าโค้ง ต่อจากนั้นเป็นการขับตามไลน์ของสนาม เรียกว่าใครไม่เคยนั่งรถซูเปอร์คาร์มาก่อน ถ้ามานั่ง SF90 Stradale เป็นคันแรกจะต้องเหวออย่างแน่นอน
ถัดมาเป็นการขับของเรา รอบแรกขับแบบเบาๆ เพื่อลองดูการทำงานและจับความรู้สึกพร้อมทำความคุ้นเคยกับทั้งพวงมาลัย,คันเร่งและน้ำหนักเบรกก่อน เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งเหมือนเป็นการขับแบบใช้งานในชีวิตประจำวันที่ SF90 Stradale ให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากรถปกติทั่วไป นั่งสบาย บังคับควบคุมง่ายมือ
รอบสุดท้ายของจริงมาเต็ม เพียงคุณกดคันเร่งเต็มเท้าตอนออกตัว แรงดึงหลังติดเบาะตามตัวเลข 0-200 กม./ชม. ในเวลา 6.7 วินาทีนั้น คือความจริงแท้แบบสิ้นข้อสงสัย ตัวรถพุ่งทะยานแบบไม่เคยเจอมาก่อน แต่การควบคุมกับง่ายดาย เพียงแค่จับพวงมาลัยให้มั่น รถไม่มีเสียการทรงตัว ทั้งที่ปกติแล้ว เฟอร์รารี่ในอดีตแค่เพียงแตะคันเร่งหนักเท้านิดเดียวตัวรถพร้อมเสียอาการทันที
เราขับด้วยความเร็วสูงสุดแอบเห็นเลข 200 กม./ชม. จากนั้นกระทืบเบรกเต็มแรง เรายังสามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ เรียกว่าเป็น ม้าลำพองยุคใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะในการขับรถแข่งมาควบคุมรถ ระบบต่างๆ สามารถช่วยให้คุณใช้งานเฟอร์รารี่ได้อย่างง่ายดายกว่าเดิมมาก
การขับเข้าโค้ง และการควบคุมพวงมาลัย เป็นไปอย่างแม่นยำ ขับสนุก ไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดขอเพียงอย่างขับเกินขีดความสามารถของตัวรถตามหลักฟิสิกซ์ ช่วงท้ายก่อนจากลาได้ลองกดคันเร่งแบบกระแทกอีกครั้ง ตัวรถพุ่งเร้าใจมาก ปิดฉากการขับแบบสั้นๆ ด้วยคำว่า “ถ้าเงินพอ ก็ซื้อเถอะ”
เหมาะกับใคร
ด้วยราคาค่าตัวเริ่มต้น 40,900,000 บาท และสามารถขยับเพิ่มออพชันต่างๆ ได้อีกกว่า 20 ล้านบาท หลายคนอาจจะมองว่าแพงมาก แต่หากนึกถึงพละกำลังระดับ 1,000 แรงม้า รวมถึงชื่อชั้นของการเป็นที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นรถแบบ PHEV ซึ่งได้ลดภาษีสรรพสามิตรับรองได้ว่าคันนี้ทะลุ 100,000,000 บาท แน่นอน