Nissan และ Premcar เผยโฉม Navara PRO-4X Warrior ใหม่ กระบะออฟโรดตัวโหดเทียบชั้น Ranger Raptor ในออสเตรเลีย ตั้งเป้ายอดผลิต 1,500 คันต่อปี
Nissan Navara PRO-4X Warrior ถูกพัฒนาร่วมกันระหว่างนิสสันและ Premcar ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ถูกทำตลาดต่อจาก N-Trek Warrior เดิม โดยนำเอา Navara PRO-4X ที่ผลิตจากประเทศไทย นำไปดัดแปลงในโรงงานประกอบของ Premcar ในรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลียอีกครั้ง
Nissan Navara PRO-4X Warrior เป็นการนำเอา ดีไซน์ภายนอกของ Navara PRO-4X Warrior ติดตั้งกันชนหน้าแบบ Bullbar สีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟบาร์แบบ LED ในตัว ซึ่งไม่รบกวนการทำงานของระบบช่วยเหลือการขับขี่ เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ฯลฯ เสริมด้วยแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์สีแดงทำจากวัสดุเหล็กที่มีความหนา 3 มม. ประดับด้วยสัญลักษณ์ NAVARA
ในรุ่น Warrior ยังมีการติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วดีไซน์เฉพาะจาก Premcar หุ้มด้วยยางแบบ All-terrain ขนาด 32.2 นิ้ว ช่วยเพิ่มระยะห่างระหว่างล้อขึ้นอีก 30 มม. เสริมความสปอร์ตด้วยสติ๊กเกอร์ตกแต่งเฉพาะรุ่น, สปริงล้อสีแดง Red Warrior และล้ออะไหล่ขนาดเท่าล้อจริง เป็นต้น
นอกจากนี้ ช่วงล่างของ Navara PRO-4X Warrior ยังสูงขึ้นกว่ารุ่นปกติอีก 40 มม. อันเป็นผลจากการเปลี่ยนสปริงที่ช่วยให้สูงขึ้น 15 มม. และเปลี่ยนล้อและยางอีก 25 มม. จึงทำให้มีประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเปลี่ยนไปใช้โช้กอัพที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ให้ระยะยืดยุบเพิ่มขึ้นอีก 11-20% เพื่อเพิ่มการยึดเกาะขณะออฟโรด อีกทั้งกระบะท้ายยังสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ 1,004 กิโลกรัม เทียบกับ Ranger Raptor ที่บรรทุกได้ 748 กิโลกรัม
ภายในห้องโดยสารยังคงติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเทียบเท่ากับ PRO-4X รุ่นปกติ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7.0 นิ้ว Advanced Drive-Assist, หน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto และระบบความปลอดภัยขั้นสูงต่างๆ เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้า Intelligent Forward Collision Warning, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน Intelligent Emergency Braking, ระบบเตือนรถออกนอกเลน Lane Departure Warning และกล้องมองภาพรอบคัน Intelligent Around View Monitor เป็นต้น
ส่วนราคาจำหน่ายของ Nissan Navara PRO-4X Warrior คาดว่าจะใกล้เคียงกับรุ่นเดิมที่มีราคาจำหน่าย 66,290 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 1,590,000 บาท โดยปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนแสดงความสนใจแล้วประมาณ 400 คัน