xs
xsm
sm
md
lg

รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ อนาคตที่อยู่บนพื้นฐานของความ "ไว้ใจ"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เช่นเดียวกับหลายๆ เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นเพื่อเข้ามาทดแทนของเดิมที่มีอยู่ กำแพงสูงที่เป็นตัวขวางกั้นในการทำให้เทคโนโลยีนั้น ๆ สามารถแจ้งเกิดได้หรือไม่ นอกเหนือจากการทำให้ราคาอยู่ในช่วงของการผลิตเชิงพาณิชย์ได้แล้ว อีกสิ่งคือ การตอบรับจากผู้บริโภคที่ยังมีความเคลือบแคลง ความกังวลใจ และที่สำคัญคือ ความกลัวที่จะต้องใช้งานสิ่งเหล่านั้น และดูเหมือนว่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือ Autonomous ที่บรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และบริษัทรถยนต์เฝ้าพัฒนากันมานานหลายปี และวางแผนที่จะนำมาใช้ช่วงปลายทศวรรษที่ 2020 ก็เจอกับปัญหานี้เข้าเต็ม ๆ


ปัญหาหลัก คือ ความไว้ใจ

แน่นอนว่า โลกยานยนต์พูดถึงระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบที่มนุษย์ไม่ต้องมานั่งขับ หรือ Autonomous กันมานานหลายปี และนี่คือ สิ่งที่เรียกว่าเป็นตัวแทนในการเดินทางภาคพื้นดินของโลกอนาคต (โดยที่มีบริบทของภาพยนตร์ Sci-Fi แบบต่าง ๆ จาก Hollywood เป็นตัวอ้างอิง) ซึ่งหลายบริษัทรถยนต์มองเห็นถึงความสำคัญของระบบนี้ เพราะนอกจากจะมีความสะดวกสบายแล้ว สิ่งสำคัญคือ ระบบนี้สามารถจัดการปัญหาเรื่อง Human Error หรือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคนขับ (ที่เป็นมนุษย์) ได้อย่างแท้จริง

สิ่งที่ตามมาคือ การช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียของชีวิตประมาณปีละ 1.35 ล้านคน และบาดเจ็บมากกว่า 4 ล้านคน หรือพูดง่ายๆ คือ มีคนเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนเฉลี่ย 3,700 คนต่อวันเรียกว่า แนวคิดนี้ให้ความเชื่อมั่นระบบมากกว่ามนุษย์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่สุดท้ายดูเหมือนว่า อุปสรรคสำคัญของการปิดกั้นไม่ให้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติก็คือ ความกลัวและความไม่มั่นใจในระบบของมนุษย์นี่แหละ

เว็บไซต์ autonews.com เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติยังไม่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวก็เพราะมนุษย์ยังไม่ไว้ใจเทคโนโลยีในการตัดสินใจอะไรก็ตามที่อยู่ในลักษณะที่เต็มรูปแบบ เรียกว่าพวกเขายังไม่มั่นใจกับการที่จะโอนมอบสิทธิ์ในการตัดสินใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังพวงมาลัยจากเดิมที่อยู่กับตัวเองแบบ 100% ไปให้กับระบบที่พวกเขามองไม่เห็นและยังไม่มีความเชื่อมั่น โดยเฉพาะเรื่องที่ตัดสินใจนั้นจะส่งผลต่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง

สิ่งเหล่านี้มักจะถูกตอกย้ำโดยข่าวอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างทดสอบของบรรดาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่มีให้เห็นตามหน้าอินเตอร์เน็ตอยู่เสมอๆ

นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญคือ สิ่งที่เป็นส่วนประกอบในการทำงานของระบบอัตโนมัตินั้นไม่ได้มีแค่ฮาร์ดแวร์ หรือซอฟต์แวร์ที่อยู่บนตัวรถเท่านั้น แต่ยังอยู่บนระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น ความเสถียรของระบบสัญญาณ สภาพอากาศ ที่สำคัญคือ ถนนที่จะถือเป็นเวทีสำคัญในการส่งข้อมูลเข้ามาให้กับตัวรถใช้ในการประมวลผล เช่นเดียวกับปัจจัยต่าง ๆ รอบด้านที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ไซค์ จักรยาน หรือคนเดินถนน เรียกว่า ณ เวลาเดียวกัน พื้นที่เดียวกัน แต่ต่างกันแค่ช่องทางเดินรถ สิ่งที่เกิดขึ้นข้างหน้าอาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้


ดังนั้น การแสดงออกให้เห็นถึงความฉลาดและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของระบบถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ผู้ใช้งานมีความมั่นใจในตัวระบบ และถือเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะกระตุ้นให้ระบบนี้ได้รับความสนใจและได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ใช้งาน โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในระดับ Level 3-5 ที่ระบบจะควบคุมการขับขี่ทั้งหมด และผู้โดยสารที่อยู่ข้างในจะต้องเชื่อมั่นอย่างมาก


ความคาดหวังที่สูงขึ้นคือสิ่งสำคัญ


รายงานชิ้นเดียวกันที่เว็บไซต์ autonews.com นำเสนอยังระบุถึงสิ่งสำคัญที่จะมีส่วนช่วยให้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสามารถได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานได้กว้างและรวดเร็วขึ้น นั่นคือ การที่ผู้ผลิตและผู้พัฒนาระบบจะต้องทำให้ตัวระบบมีสิ่งที่เรียกว่ามาตรฐานที่สูง และตอบสนองต่อความคาดหวังที่มากกว่าที่เป็นอยู่ในปกติ

นั่นหมายความว่า การสร้างความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญ และความเชื่อมั่นก็จะตามมาจากการทำงานที่เสถียรของระบบ ตามปกติแล้วเรายอมรับได้กับความผิดพลาดหรือความบกพร่องที่เกิดขึ้นกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น Laptop สัญญาณอินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยแบบเร่งด่วน และเป็นแค่เรื่องของการอำนวยความสะดวก แต่สำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติคือ การตอบสนองทั้ง 2 แบบรวมกัน

ดังนั้น สิ่งที่ผู้ผลิตและผู้พัฒนาจะต้องทำให้ได้คือ การทำให้ตัวระบบที่ต้องพึ่งพิงเทคโนโลยีมีมาตรฐานในระดับที่สูงขึ้น ทั้งในส่วนของระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ และตราบใดที่ความเชื่อมั่นในการใช้งานยังไม่เกิด การใช้งานและความแพร่หลายก็จะไม่มีทางตามมาอย่างแน่นอน

ในการที่จะเป็นถึงจุดนี้ให้ได้บริษัทผู้ผลิตชิป และเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหลายคืออีกตัวแปรสำคัญในการทำงานร่วมกับบริษัทรถยนต์อย่างใกล้ชิดในฐานะที่เป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่จะต้องส่งผ่านทั้งประสิทธิภาพและความมั่นใจ เช่นเดียวกับบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงแรกของการนำมาใช้งานการที่จะพลิกโฉมหน้าในลักษณะปฏิวัติวงการถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากและทุกอย่างจะต้องเป็นการสร้างความมั่นใจผ่านความคุ้นเคยในการใช้งาน

ตรงนี้สำคัญ เพราะการทำให้ผู้ใช้รถยนต์สามารถเกิดความคุ้นเคยกับระบบเหล่านี้แบบบางส่วน คือ กุญแจสำคัญในการนำไปสู่ความเชื่อมั่น เช่นเดียวกับการทำงานแบบคู่ขนานในการพัฒนาระบบให้สามารถตอบสนองการทำงานและความต้องการใช้งานของผู้ขับเช่นเดียวกับที่มนุษย์พึงสามารถตอบสนองได้ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ เช่น ในเรื่องของการที่ระบบมองเห็นสัญญาณไฟแดงสว่างขึ้น การตอบสนองของระบบจะต้องทำงานในแบบเดียวกับที่มนุษย์มองเห็นและตอบสนองออกมา ทั้งการลดความเร็วก่อนเป็นอันดับแรก จนกระทั่งหยุดสนิท

การทำให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารเกิดความสบายและมั่นใจจึงไม่ใช่เรื่องของการที่ระบบสามารถจดจำรูปแบบของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้าเท่านั้น แต่อยู่ที่การตัดสินใจและตอบสนองออกมาว่าจะต้องทำเช่นไรเหมือนกับที่เวลาที่มีมนุษย์นั่งขับอยู่หลังพวงมาลัย

นอกจากนั้น มีการระบุออกมาในรายงานด้วยว่า สิ่งที่ผู้ผลิตรถยนต์ในปัจจุบันกำลังทำอยู่กับระบบความปลอดภัยที่เป็นพื้นฐานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เช่น การใช้เสียงเตือนเวลาที่รถยนต์แล่นออกนอกช่องทางนั้น ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะถือเป็นสิ่งที่รบกวนประสบการณ์ในการนั่งอยู่ในห้องโดยสาร ผู้ผลิตจะต้องหาวิธีในการจัดการเรื่องลักษณะนี้ได้โดยที่ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญ


ความต้องการที่ระบบจะต้องตอบสนองให้ได้

สิ่งสำคัญที่สมองกลของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะต้องทำให้ได้คือ การตอบสนองต่อสิ่งที่อยู่ข้างหน้าในรูปแบบที่ไม่ใช่ตามแพทเทิร์นที่ถูกกำหนดเอาไว้ นี่คืองานที่ยากและท้าทายอย่างมาก

เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าการทำงานของระบบจะถูกกำหนดด้วยชุดคำสั่งที่จำเป็นจะต้องปฏิบัติย่างเข้มงวด และมีการทำงานตามอัลกอริทึม (Algorithm)ที่เป็นรูปแบบชัดเจนตายตัว ซึ่งจะแตกต่างจากสิ่งที่สมองของมนุษย์ตอบสนองและตัดสินใจออกมาจนเป็นการกระทำที่มีความยืนหยุดและแปรผันตามสถานการณ์

นั่นหมายความว่า แม้แต่คนขับที่ดีที่สุดก็ยังมีโอกาสที่จะทำผิดกฎจราจร หรือการเปลี่ยนเลนกะทันหันเมื่อเห็นช่องว่างที่เหมาะสมและทำให้ตัวเองไปได้เร็วขึ้น ขณะที่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะถูกตั้งและเซ็ตโปรแกรมให้มีการควบคุมการปฏิบัติที่เข้มงวดและไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร

สิ่งที่มีการระบุถึงปัญหาที่จะตามมาคือ ถ้าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะต้องอยู่ร่วมกับรถยนต์ที่ถูกควบคุมโดยคนปกติบนท้องถนน ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุนั้นมีสูงมาก เพราะในขณะที่รถยนต์บางคันอาจจะรีบเร่งเครื่องเมื่อเห็นไฟเหลือง และคันที่ตามหลังก็จะรับทราบแบบที่ไม่ต้องบอกว่าเขาจะต้องเร่งเครื่องตามแบบไหลตาม แต่ถ้ารถยนต์คันหน้าเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ พวกมันอาจจะหยุดทันทีเมื่อเห็นไฟเหลือง ในขณะที่คันที่ตามมาด้านหลัง ถ้าเป็นรถยนต์ที่ขับโดยคน พวกเขาอาจจะตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหน้าไม่ทัน เช่น เบรกเพื่อหยุด จนนำไปสู่การชนท้ายได้

นี่คือตัวอย่างคร่าวๆ แต่ทว่าบนท้องถนนยังมีชุดตัวอย่างมากมายหลายแบบที่บางครั้ง อาจจะไม่ได้ถูกบันทึกเข้าไปสู่สมองกลของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม นี่คือเทรนด์แห่งการเดินทางที่ปฏิเสธไม่ได้ เพียงแต่รอวันที่จะเข้ามาอย่างเต็มตัว ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่จะต้องรอการพิสูจน์ถึงจุดเด่นและข้อได้เปรียบที่มีอยู่ว่าเหนือกว่า และสมควรที่จะเข้ามาทดแทนระบบการขับเคลื่อนแบบเดิมๆ

แต่ถ้าสามารถสร้างความเชื่อมั่นและได้รับความไว้วางใจแล้ว เชื่อว่าอัตราการเติบโตและการขยายตัวคงไม่ต่างจากที่เป็นอยู่ของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น