โรลส์-รอยซ์ แบรนด์รถยนต์ระดับสุดหรู สัญชาติอังกฤษ ที่ถือว่ามีตำนานอย่างยาวนาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 110 ปีแล้ว ปัจจุบันอยู่ภายใต้ปีกของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป สำหรับผู้ครอบครองรถยนต์แบรนด์นี้จัดอยู่ในระดับบุคคล VVIP พิเศษที่สุด สามารถแสดงถึงสถานะทางสังคมผ่านแบรนด์โรลส์-รอยซ์ ได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของไลน์อัพรุ่นรถที่ออกจำหน่าย หลังการมาอยู่ในเครือใบพัดฟ้าขาว มีการปรับเปลี่ยนหลายสิ่งเป็นไปในทิศทางดีขึ้นอย่างมาก ทั้งส่วนของโรงงานและการผลิตอันทันสมัย โดยยังคงเอกลักษณ์การประกอบด้วยมือเอาไว้ได้ พร้อมกับการออกรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ตรงใจมากที่สุด ล่าสุดกับการเปิดตัว “โกสต์” โฉมใหม่ เจเนอเรชันที่สอง
โกสต์ เปิดตัวด้วยการเป็นรถรุ่นเริ่มต้นของผู้ที่จะครอบครองโรลส์-รอยซ์ ด้วยรูปแบบ 4 ประตู ซีดาน โดยเจเนอเรชันสองเปิดตัวบนเวทีโลกเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ในรุ่นตัวถังมาตฐาน และแนะนำรุ่น ตัวถังยาว (Extended) ในวันที่ 24 กันยายน 2563 ซึ่งตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเปิดตัวตามกันมาแบบไม่ห่างนัก ล่าสุดจัดให้มีการทดลองขับในรุ่นตัวถังยาว ทีมงานเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ไม่พลาดภารกิจนี้
ทรงเดิม แต่ใหม่หมดหัวจรดท้าย
การเปลี่ยนแปลงของ โกสต์ ทีมวิศวกรบอกว่า มีเพียง 2 สิ่งเท่านั้นที่เหมือนกันระหว่างเจเนอเรชันแรกกับเจเนอเรชันสอง นั่นคือ โลโก้นางฟ้า(Spirit of Ecstasy) และร่ม ส่วนอื่นๆ ถือว่าเป็นของใหม่ทั้งหมด หากให้ไล่เรียงทุกสิ่งคาดว่าบทความจะยาวมาก ฉะนั้นจึงรวบรัดตัวความเจาะรายละเอียดเฉพาะส่วนที่สำคัญต่อการตัดสินใจจับจอง
เริ่มกันด้วย โครงสร้างตัวถังออกแบบใหม่ทั้งหมด ใช้วัสดุอลูมิเนียม สเปซเฟรม เกือบ 100% จุดเด่นคือความแข็งแรงและน้ำหนักเบา มีชิ้นส่วนที่เป็นเหล็กเพียง 2 จุดเท่านั้น ส่วนตัวถังภายนอกออกแบบให้ดูหรูหราและมีความสปอร์ต ฝากระโปรงหน้าเรียบ เพื่อให้รู้สึกเหมือนนางฟ้าโลดแล่นอยู่กลางทะเลสาบเงียบสงบ ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ เทคโนโลยี เลเซอร์ไลท์ ส่องสว่างได้ไกลถึง 600 เมตร พร้อมไฟในกระจังหน้า ดูหรูหรายามค่ำคืน
สำหรับความแตกต่างระหว่างรุ่นมาตรฐานและรุ่น Extended คือระยะฐานล้อที่มีความยาวต่างกัน 17 เซนติเมตร ความยาวที่เพิ่มขึ้นเป็นส่วนของห้องโดยสารทางด้านหลัง จ่ายเพิ่ม 4.1 ล้านบาท ไม่ใช่ประเด็นของความคุ้มค่า แต่เป็นเรื่องที่คุณต้องการจ่ายเพิ่มเพื่อความสบายของผู้โดยสารตอนหลัง
ระบบช่วงล่างออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยยังคงเป็นแบบถุงลม แต่เพิ่มความแข็งแกร่งและการดูดซับแรงสะเทือนดีขึ้นด้วยการเสริมปีกนกบนของช่วงล่างหน้า พร้อมติดตั้งซอฟแวร์ใหม่ (Planar) และกล้องหน้า ช่วยแสกนพื้นผิวถนนก่อนปรับช่วงล่างให้มีความนุ่มนวลเหมาะกับสภาพถนนและการขับขี่
หัวใจสำคัญมีการเครื่องยนต์เปลี่ยนใหม่เป็น V12 สูบ ขนาด 6.75 ลิตร เทอร์โบคู่ ตัวเดียวกับที่ใช้ในรุ่นแฟนธอม พละกำลังสูงสุด 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและเลี้ยวสี่ล้อเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ภายในห้องโดยสารปรับปรุงใหม่ เน้นการออกแบบให้สอดรับกับการใช้งานด้วยการจัดวางตำแหน่งจอเหมาะสมกับระดับสายตา โดยเป็นจอแบบเรืองแสง ขณะที่ เบาะหลังแบบปรับเอนได้เป็น ออพชันพิเศษเลือกตามต้องการ เช่นเดียวกับเพดานแบบดาวตก และฟังก์ชันอื่น ๆ เลือกได้ตามใจชอบ
นุ่ม เงียบ แรงเกินคาด
การทดลองขับของเราขอแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การขับและการนั่งโดยสารทางด้านหลัง เริ่มกันที่การทดลองขับ เป็นการขับด้วยเส้นทางคุ้นเคยขับอยู่เป็นประจำคือ จากโชว์รูมโรลส์-รอยซ์ พระราม3 มุ่งหน้าข้ามสะพานภูมิพลแล้ววนกลับมาจุดเดิม ระยะทางไม่ไกลนักใช้เวลาอยู่กับรถเกือบหนึ่งชั่วโมง เพียงพอต่อการตัดสินใจได้ หากคุณคือลูกค้าผู้มุ่งหวัง
ประจำตำแหน่งผู้ขับขี่เรียบร้อย สิ่งแรกรู้สึกแตกต่างมากคือ ขนาดของพวงมาลัยใหญ่กว่ารถอื่นๆ ที่เคยขับมา ผิวสัมผัสละเอียดแสดงถึงความใส่ใจในการเลือกวัสดุคุณภาพดีที่สุด ตำแหน่งคันเกียร์อาจจะทำให้หลายคนสับสนได้เพราะอยู่หลังพวงมาลัยฝั่งขวา ตำแหน่งเดียวกับไฟเลี้ยวของรถญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย
เดินคันเร่งออกตัวไปเบา ๆ รับรู้ได้ถึงความนุ่มนวลของระบบช่วงล่างและการขับขี่ไร้เสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ อันเนื่องมาจากการติดตั้งฉนวนดูดซับและป้องกันเสียงมีน้ำหนักรวมกว่า 100 กิโลกรัม ความเงียบภายในห้องโดยสารจึงกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่ง ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้แก่โรลส์-รอยซ์ได้เป็นอย่างดี
ทีมงานโรลส์-รอยซ์ให้นิยามความรู้สึกของการเดินทางว่า “นุ่มดุจพรมวิเศษ” (Magic Carpet Ride) แน่นอนว่า มันคือคำเปรียบเปรย เพื่อให้ทุกท่านจินตนาการได้อย่างเห็นภาพ ส่วนความจริงนั้นความรู้สึกของการขับขี่คือ นุ่มนวลเป็นหลักตามสไตล์ของรถใช้โช้คอัพแบบถุงลม หลายท่านจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีหากเคยใช้รถหรูแบรนด์เยอรมัน ซึ่ง โกสต์ นุ่มขึ้นกว่าเดิม และยังแน่นขึ้นอีกด้วย ไม่ย้วย สามารถดูดซับแรงสะเทือนได้อย่างยอดเยี่ยม
อัตราเร่ง ลองกดคิกดาวน์ ตัวรถพุ่งแรงเกินคาด ไม่นึกมาก่อนว่าจะสัมผัสความรู้สึกแบบหลังติดเบาะจากโกสต์ได้ เรียกว่าเป็นรถขับสนุกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว จากนั้นจึงลองขับแบบเน้นสมรรถนะ เปลี่ยนเลนรวดเร็ว เข้าโค้งความเร็วสูงทำได้อย่างน่าทึ่ง เกาะถนนดีขึ้นมาก ผิดจากรุ่นอื่นของโรลส์-รอยซ์ที่เราเคยขับ ต้นเหตุสำคัญมาจากการใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและเลี้ยวสี่ล้อเข้ามาช่วยอย่างแน่นอน
สำหรับการนั่งเป็นผู้โดยสารทางด้านหลัง ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น VVIP อย่างแท้จริง และหากคุณตั้งใจซื้อโกสต์เพื่อใช้สำหรับการนั่งทางด้านหลังเป็นหลักแล้ว เราแนะนำให้เลือกรุ่น Extended เหตุผลมีเพียงข้อเดียวคือ ความสบาย เปรียบดั่งการตบรางวัลชีวิตให้กับตัวเอง ฉะนั้นส่วนต่างราคา 4.1 ล้านบาทดูเหมือนเยอะ แต่คุ้มเพราะนอกจากพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้ออพชันมาตรฐานเพิ่มอีก 2 รายการมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท
การใช้งานทางด้านหลังครบถ้วนทั้ง ที่วางของหลังเบาะหน้า พร้อมระบบหน้าจอความบันเทิงแบบสัมผัสหรือสามารถสั่งการผ่านปุ่มคอนโทรลซึ่งซ่อนอยู่ที่ท้าวแขนระหว่างเบาะได้ ส่วนความรู้สึกคือ สบายและนุ่มนวล การเก็บเสียงทำได้อย่างเยี่ยมยอด มีบ้างที่ได้ยินเสียงรบกวนจากภายนอก แต่รับประกันได้ว่าน้อยกว่าแบรนด์อื่นอย่างชัดเจน
ด้านอัตราการบริโภคเชื้อเพลิง อ้างอิงจากตัวเลขของโรลส์-รอยซ์ระบุราว 6.5 กม./ลิตร ซึ่งคงไม่ใช่ปัจจัยในการนำมาพิจารณาเลือกคบหาโรลส์-รอยซ์ แต่อย่างใด ส่วนสิ่งน่ารู้คือ โกสต์ ระบุว่าสามารถใช้เชื้อเพลิงชนิด ออกเทน 91 ได้ส่วนค่าออกเทนที่แนะนำคือ 95 ขึ้นไป
ภาพรวมของโกสต์ รุ่นตัวถังยาว โดดเด่นในเรื่องความนุ่มนวล พร้อมสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยมกว่าเดิมในทุกมิติ เทคโนโลยีล้ำสมัยถูกติดตั้งมาให้ครบถ้วน ด้วยความละเอียดประณีตในการสร้างสรรค์ เพื่อตอบโจทย์ให้เจ้าของเป็นได้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างไม่เคอะเขิน
เหมาะกับใคร
การเลือกคบหาโรลส์-รอยซ์นั้น ประเด็นสำคัญคงไม่ใช่เรื่องของ สมรรถนะ โดยต้องยอมรับว่า การได้อยู่ในรถยนต์ที่มีนางฟ้านำทาง คือหนึ่งในการแสดงสถานะทางสังคม ที่เปรียบเสมือนการประกาศให้ทุกคนทราบว่า คุณคือหนึ่งในผู้ประสบความสำเร็จแบบขีดสุด โดยไม่ต้องบรรยายใด ๆ เพิ่มเติม
ในส่วนของไลน์อัพรุ่นรถที่ออกจำหน่าย หลังการมาอยู่ในเครือใบพัดฟ้าขาว มีการปรับเปลี่ยนหลายสิ่งเป็นไปในทิศทางดีขึ้นอย่างมาก ทั้งส่วนของโรงงานและการผลิตอันทันสมัย โดยยังคงเอกลักษณ์การประกอบด้วยมือเอาไว้ได้ พร้อมกับการออกรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ตรงใจมากที่สุด ล่าสุดกับการเปิดตัว “โกสต์” โฉมใหม่ เจเนอเรชันที่สอง
โกสต์ เปิดตัวด้วยการเป็นรถรุ่นเริ่มต้นของผู้ที่จะครอบครองโรลส์-รอยซ์ ด้วยรูปแบบ 4 ประตู ซีดาน โดยเจเนอเรชันสองเปิดตัวบนเวทีโลกเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ในรุ่นตัวถังมาตฐาน และแนะนำรุ่น ตัวถังยาว (Extended) ในวันที่ 24 กันยายน 2563 ซึ่งตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเปิดตัวตามกันมาแบบไม่ห่างนัก ล่าสุดจัดให้มีการทดลองขับในรุ่นตัวถังยาว ทีมงานเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ไม่พลาดภารกิจนี้
ทรงเดิม แต่ใหม่หมดหัวจรดท้าย
การเปลี่ยนแปลงของ โกสต์ ทีมวิศวกรบอกว่า มีเพียง 2 สิ่งเท่านั้นที่เหมือนกันระหว่างเจเนอเรชันแรกกับเจเนอเรชันสอง นั่นคือ โลโก้นางฟ้า(Spirit of Ecstasy) และร่ม ส่วนอื่นๆ ถือว่าเป็นของใหม่ทั้งหมด หากให้ไล่เรียงทุกสิ่งคาดว่าบทความจะยาวมาก ฉะนั้นจึงรวบรัดตัวความเจาะรายละเอียดเฉพาะส่วนที่สำคัญต่อการตัดสินใจจับจอง
เริ่มกันด้วย โครงสร้างตัวถังออกแบบใหม่ทั้งหมด ใช้วัสดุอลูมิเนียม สเปซเฟรม เกือบ 100% จุดเด่นคือความแข็งแรงและน้ำหนักเบา มีชิ้นส่วนที่เป็นเหล็กเพียง 2 จุดเท่านั้น ส่วนตัวถังภายนอกออกแบบให้ดูหรูหราและมีความสปอร์ต ฝากระโปรงหน้าเรียบ เพื่อให้รู้สึกเหมือนนางฟ้าโลดแล่นอยู่กลางทะเลสาบเงียบสงบ ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ เทคโนโลยี เลเซอร์ไลท์ ส่องสว่างได้ไกลถึง 600 เมตร พร้อมไฟในกระจังหน้า ดูหรูหรายามค่ำคืน
สำหรับความแตกต่างระหว่างรุ่นมาตรฐานและรุ่น Extended คือระยะฐานล้อที่มีความยาวต่างกัน 17 เซนติเมตร ความยาวที่เพิ่มขึ้นเป็นส่วนของห้องโดยสารทางด้านหลัง จ่ายเพิ่ม 4.1 ล้านบาท ไม่ใช่ประเด็นของความคุ้มค่า แต่เป็นเรื่องที่คุณต้องการจ่ายเพิ่มเพื่อความสบายของผู้โดยสารตอนหลัง
ระบบช่วงล่างออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยยังคงเป็นแบบถุงลม แต่เพิ่มความแข็งแกร่งและการดูดซับแรงสะเทือนดีขึ้นด้วยการเสริมปีกนกบนของช่วงล่างหน้า พร้อมติดตั้งซอฟแวร์ใหม่ (Planar) และกล้องหน้า ช่วยแสกนพื้นผิวถนนก่อนปรับช่วงล่างให้มีความนุ่มนวลเหมาะกับสภาพถนนและการขับขี่
หัวใจสำคัญมีการเครื่องยนต์เปลี่ยนใหม่เป็น V12 สูบ ขนาด 6.75 ลิตร เทอร์โบคู่ ตัวเดียวกับที่ใช้ในรุ่นแฟนธอม พละกำลังสูงสุด 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและเลี้ยวสี่ล้อเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ภายในห้องโดยสารปรับปรุงใหม่ เน้นการออกแบบให้สอดรับกับการใช้งานด้วยการจัดวางตำแหน่งจอเหมาะสมกับระดับสายตา โดยเป็นจอแบบเรืองแสง ขณะที่ เบาะหลังแบบปรับเอนได้เป็น ออพชันพิเศษเลือกตามต้องการ เช่นเดียวกับเพดานแบบดาวตก และฟังก์ชันอื่น ๆ เลือกได้ตามใจชอบ
นุ่ม เงียบ แรงเกินคาด
การทดลองขับของเราขอแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การขับและการนั่งโดยสารทางด้านหลัง เริ่มกันที่การทดลองขับ เป็นการขับด้วยเส้นทางคุ้นเคยขับอยู่เป็นประจำคือ จากโชว์รูมโรลส์-รอยซ์ พระราม3 มุ่งหน้าข้ามสะพานภูมิพลแล้ววนกลับมาจุดเดิม ระยะทางไม่ไกลนักใช้เวลาอยู่กับรถเกือบหนึ่งชั่วโมง เพียงพอต่อการตัดสินใจได้ หากคุณคือลูกค้าผู้มุ่งหวัง
ประจำตำแหน่งผู้ขับขี่เรียบร้อย สิ่งแรกรู้สึกแตกต่างมากคือ ขนาดของพวงมาลัยใหญ่กว่ารถอื่นๆ ที่เคยขับมา ผิวสัมผัสละเอียดแสดงถึงความใส่ใจในการเลือกวัสดุคุณภาพดีที่สุด ตำแหน่งคันเกียร์อาจจะทำให้หลายคนสับสนได้เพราะอยู่หลังพวงมาลัยฝั่งขวา ตำแหน่งเดียวกับไฟเลี้ยวของรถญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย
เดินคันเร่งออกตัวไปเบา ๆ รับรู้ได้ถึงความนุ่มนวลของระบบช่วงล่างและการขับขี่ไร้เสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ อันเนื่องมาจากการติดตั้งฉนวนดูดซับและป้องกันเสียงมีน้ำหนักรวมกว่า 100 กิโลกรัม ความเงียบภายในห้องโดยสารจึงกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่ง ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้แก่โรลส์-รอยซ์ได้เป็นอย่างดี
ทีมงานโรลส์-รอยซ์ให้นิยามความรู้สึกของการเดินทางว่า “นุ่มดุจพรมวิเศษ” (Magic Carpet Ride) แน่นอนว่า มันคือคำเปรียบเปรย เพื่อให้ทุกท่านจินตนาการได้อย่างเห็นภาพ ส่วนความจริงนั้นความรู้สึกของการขับขี่คือ นุ่มนวลเป็นหลักตามสไตล์ของรถใช้โช้คอัพแบบถุงลม หลายท่านจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีหากเคยใช้รถหรูแบรนด์เยอรมัน ซึ่ง โกสต์ นุ่มขึ้นกว่าเดิม และยังแน่นขึ้นอีกด้วย ไม่ย้วย สามารถดูดซับแรงสะเทือนได้อย่างยอดเยี่ยม
อัตราเร่ง ลองกดคิกดาวน์ ตัวรถพุ่งแรงเกินคาด ไม่นึกมาก่อนว่าจะสัมผัสความรู้สึกแบบหลังติดเบาะจากโกสต์ได้ เรียกว่าเป็นรถขับสนุกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว จากนั้นจึงลองขับแบบเน้นสมรรถนะ เปลี่ยนเลนรวดเร็ว เข้าโค้งความเร็วสูงทำได้อย่างน่าทึ่ง เกาะถนนดีขึ้นมาก ผิดจากรุ่นอื่นของโรลส์-รอยซ์ที่เราเคยขับ ต้นเหตุสำคัญมาจากการใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและเลี้ยวสี่ล้อเข้ามาช่วยอย่างแน่นอน
สำหรับการนั่งเป็นผู้โดยสารทางด้านหลัง ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น VVIP อย่างแท้จริง และหากคุณตั้งใจซื้อโกสต์เพื่อใช้สำหรับการนั่งทางด้านหลังเป็นหลักแล้ว เราแนะนำให้เลือกรุ่น Extended เหตุผลมีเพียงข้อเดียวคือ ความสบาย เปรียบดั่งการตบรางวัลชีวิตให้กับตัวเอง ฉะนั้นส่วนต่างราคา 4.1 ล้านบาทดูเหมือนเยอะ แต่คุ้มเพราะนอกจากพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้ออพชันมาตรฐานเพิ่มอีก 2 รายการมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท
การใช้งานทางด้านหลังครบถ้วนทั้ง ที่วางของหลังเบาะหน้า พร้อมระบบหน้าจอความบันเทิงแบบสัมผัสหรือสามารถสั่งการผ่านปุ่มคอนโทรลซึ่งซ่อนอยู่ที่ท้าวแขนระหว่างเบาะได้ ส่วนความรู้สึกคือ สบายและนุ่มนวล การเก็บเสียงทำได้อย่างเยี่ยมยอด มีบ้างที่ได้ยินเสียงรบกวนจากภายนอก แต่รับประกันได้ว่าน้อยกว่าแบรนด์อื่นอย่างชัดเจน
ด้านอัตราการบริโภคเชื้อเพลิง อ้างอิงจากตัวเลขของโรลส์-รอยซ์ระบุราว 6.5 กม./ลิตร ซึ่งคงไม่ใช่ปัจจัยในการนำมาพิจารณาเลือกคบหาโรลส์-รอยซ์ แต่อย่างใด ส่วนสิ่งน่ารู้คือ โกสต์ ระบุว่าสามารถใช้เชื้อเพลิงชนิด ออกเทน 91 ได้ส่วนค่าออกเทนที่แนะนำคือ 95 ขึ้นไป
ภาพรวมของโกสต์ รุ่นตัวถังยาว โดดเด่นในเรื่องความนุ่มนวล พร้อมสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยมกว่าเดิมในทุกมิติ เทคโนโลยีล้ำสมัยถูกติดตั้งมาให้ครบถ้วน ด้วยความละเอียดประณีตในการสร้างสรรค์ เพื่อตอบโจทย์ให้เจ้าของเป็นได้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างไม่เคอะเขิน
เหมาะกับใคร
การเลือกคบหาโรลส์-รอยซ์นั้น ประเด็นสำคัญคงไม่ใช่เรื่องของ สมรรถนะ โดยต้องยอมรับว่า การได้อยู่ในรถยนต์ที่มีนางฟ้านำทาง คือหนึ่งในการแสดงสถานะทางสังคม ที่เปรียบเสมือนการประกาศให้ทุกคนทราบว่า คุณคือหนึ่งในผู้ประสบความสำเร็จแบบขีดสุด โดยไม่ต้องบรรยายใด ๆ เพิ่มเติม
