รู้ว่ายาก ... สำหรับคำถามสำคัญท่ามกลางยุคดิจิทัลที่เร่งรีบ หลายคนโหยหา “Work Life Balance” แต่ใครคนนี้เอาอยู่ ทั้งในฐานะพนักงานบริษัท ฐานะสามี ควบตำแหน่งคุณพ่อ โดยไม่ขาดกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมที่ตัวเองรัก ไม่ว่าจะวิ่ง ปั่นจักรยาน ดำน้ำ ปีนเขา หรือจะขี่บิ๊กไบค์ ใครคนนั้นคือ เก้ง - พัทธนันท์ อัศวรางกูร กับตัวอย่างจุดสมดุลในชีวิต ที่ทุก ๆ คนสามารถจัดการได้ไม่ต่างกัน
“ผมได้ยินคนพูดเสมอว่าไม่มีเวลาหรอก แต่ต้องยอมรับว่าทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันหมด โฟกัสสำหรับผมคือเรื่องงาน ในฐานะหัวหน้าครอบครัว ในฐานะพ่อของลูก ดังนั้นไลฟ์สไตล์ความชอบกีฬาต่าง ๆ มอเตอร์ไซค์ ก็ต้องตามหลัง ผมจะมาเล่นอย่างเดียว แข่งอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อน คงไม่ได้ ต้องให้เวลากับครอบครัวเป็นหลักไว้ก่อน ส่วนเวลาที่เหลือก็พยายามบริหารไว้สำหรับทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ”
ชายหนุ่มน้ำเสียงนุ่ม อบอุ่น ตอบผ่านท่าทีกระฉับกระเฉง เมื่อถามถึงการบริหารเวลาชีวิตในปัจจุบัน
“จริง ๆ แล้วผมเป็นพนักงานประจำ เข้างานแปดโมงครึ่งเลิกห้าโมงเย็นเหมือนใครหลาย ๆ คน เพราะฉะนั้นหลังเลิกงานอาจเหนื่อยนิดหนึ่ง ในการอยู่กับลูกตอนเย็นถึงเกือบสองทุ่มกว่าเขาจะเข้านอน ถึงจะเป็นเวลาของผม บางครั้งเลยต้องมาปั่นจักรยานบนเทรนเนอร์ หรือออกไปวิ่งแถวบ้านในซอยหลังจากเวลานั้น
อย่างก่อนไป “BMW Berlin Marathon” เสาร์-อาทิตย์จะมีเวลาไปซ้อมวิ่งตามสวนสาธารณะ แต่ถ้าจะให้ซ้อมแค่สองวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่พอแน่ ๆ ก็ต้องใช้เวลาหลังเด็ก ๆ หลับแล้ว ไปวิ่งในซอยให้ได้สิบโลก็ยังดี หรือตอนเช้า ปกติลูกสาวจะตื่นหกโมงครึ่ง เราก็จะตื่นพร้อมเขาแล้วออกไปทำงานเลย เพื่อไปเข้ายิมแถว ๆ ออฟฟิศเจ็ดโมงถึงแปดโมง เสร็จแล้วอาบน้ำแปดโมงครึ่ง เก้าโมงก็เริ่มงาน
เพราะฉะนั้นเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วงเช้า ช่วงเย็น เราสามารถเก็บเล็กผสมน้อยตรงนี้ได้ ผมจึงเชื่อว่าทุกคนก็น่าจะทำได้เหมือนกัน” เจ้าตัวเล่าให้ฟังพร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ก่อนหน้านั้นช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่ม ผู้ชายคนนี้คือเจ้าพ่อสายโหดกีฬาเอ็กซ์ตรีม ความชอบเริ่มจากวิ่งทางเรียบ ตามติดด้วยการปั่นจักรยานทั้งเสือหมอบเสือภูเขา ลามถึงไตรกีฬา และดูเหมือนว่า สิ่งที่ท้าทายสุด ๆ สำหรับคุณเก้งชั่วโมงนี้ คือ การวิ่งเทรล ด้วยพื้นฐานความชอบธรรมชาติ และการผจญภัย
“การวิ่งอัลตราเทรล เป็นการพาร่างกายไปในที่ที่ไม่เคยไป พาจิตใจไปไหนที่ที่ไม่เคยหยั่งถึง แล้วเป็นอย่างนั้นจริง ๆ”
ประโยคกินใจ กระตุ้นต่อมความกล้าให้คนที่ฟังได้ลุกขึ้นมาชาเลนจ์ตัวเองดูบ้าง หลังจากที่คุณพ่อไปสัมผัสกับการวิ่งเทรล ข้ามวัน ข้ามคืน รายการล่าสุดแห่งหนึ่งบริเวณป่าทางภาคเหนือ ซึ่งคุณเก้งบอกว่า เป็นประสบการณ์ที่สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ สำคัญสุด ได้รู้จักจิตใจตัวเองอย่างที่ไม่เคยค้นพบมาก่อน
นอกเหนือจากการวิ่งเทรลแล้ว อีกสิ่งที่ตัวเขาโปรดปรานเป็นที่สุดมานานไม่แพ้กันนั่นคือ การขี่มอเตอร์ไซค์ เรียกได้ว่าจับมาหมดทุกสายตั้งแต่วัยรุ่น ก่อนสุดท้ายมาลงตัวกับการขี่แบบทัวริ่งสมวัย โดยมีคันโปรดจอมลุยระดับโลกอย่าง “BMW R 1200 GS” เป็นเพื่อนรู้ใจทะยานไปในทุกเส้นทาง
“ตรงนี้ต้องแชร์ให้ฟังเลยว่า ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะเริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ผมซื้อหมวกกันน็อคมาวางไว้ที่บ้านก่อนเลย เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็น จนท่านถามว่าซื้อหมวกกันน็อคมาทำไม ผมตอบเลยว่าผมอยากขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ให้เขามั่นใจได้ว่าผมไม่ได้เป็นแนวไปซิ่ง ผมรู้จักดูแลตัวเองด้วย เรียกว่าไม่ให้เขาเป็นห่วงแล้วกัน”
สำหรับผู้ชาย หรือเด็กผู้ชายที่โตขึ้นมาแล้วจุดหนึ่ง อยากมีอิสระที่สามารถไปไหนมาไหนได้ แล้วก็อารมณ์ที่เรียกว่า “ลมปะทะหน้า” กับการขี่มอเตอร์ไซค์ อยากให้ลองนึกถึงสุนัขที่นั่งในรถแล้วเอาหน้าโผล่ออกมานอกหน้าต่าง คนเขาบอกว่ามีเฉพาะสุนัขและคนขี่มอเตอร์ไซค์เท่านั้นที่จะรู้สึกถึงความสุขแบบนี้ บางทีอากาศเย็น ๆ แล้วเราได้แง้มหน้ากากหมวกกันน็อคให้ลมเข้า มันก็เป็นอะไรที่ เออ...นี่แหละอิสรภาพ เป็นอิสระ ที่ทำให้เราอยากออกไปบนท้องถนน”
พร้อมเล่าถึงสาเหตุที่ชอบ “BMW R 1200 GS” ว่า
“แน่นอนว่า ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์สายทัวริ่งท่องเที่ยว GS เป็นหนึ่งในตองอู เป็นที่หนึ่งของโลก เพราะ BMW กับการพัฒนา GS สามารถตอบโจทย์นักเดินทางหรือว่าการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์มาโดยตลอด เพราะฉะนั้นในเรื่องการดีไซน์ช่วงล่าง การขับเคลื่อน ไม่ว่าจะรุ่นที่ทำด้วยเพลา หรือด้วยโซ่ก็แล้วแต่ ทำให้การเดินทางนุ่มนวลขึ้น หลายคนจะทราบว่า ถ้ามาสายนี้ สุดท้ายแล้วจบที่ GS ทุกคน แต่ว่าจะเป็นรุ่นไหน คันใหญ่คันเล็กเท่านั้น”
จากนั้นเรื่องเล่าความประทับใจในการเดินทางไกลไปกับ GS ในความทรงจำ ก็พรั่งพรูออกมามากมาย โดยฉพาะกับทริประยะเกือบสองสัปดาห์ ในการขี่ข้ามประเทศจุดหมายปลายทางไกลถึงเวียดนาม หรือการแบกสองล้อคู่ใจขึ้นรถไฟจากหัวลำโพง เพื่อไปสตาร์ทอิสรภาพแห่งการเดินทางที่จังหวัดแพร่ ซึ่งทุกคำพูด สีหน้า แววตา นั้น บ่งบอกถึงความสุข จากความชอบอย่างไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ
ท้ายสุดก่อนจบบทสนทนา เราจึงถามถึงคำแนะนำจากคุณเก้ง หากอยากจะลองขับขี่มอเตอร์ไซค์แนวนี้ดูบ้าง ต้องเริ่มอย่างไร
“สำคัญที่สุดคือเรื่องของความปลอดภัย อย่าให้คนที่บ้านเป็นห่วง พ่อแม่ครอบครัว เพราะฉะนั้นอุปกรณ์สำคัญ และการเข้าคอร์สฝึกฝนการขับขี่อย่างถูกกิจลักษณะ เป็นสิ่งที่ควรทำ
อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ทัศนคติในการขี่รถมอเตอร์ไซค์ อย่าทำให้สังคมเขาเห็นว่า คนขี่มอเตอร์ไซค์ คนขี่บิ๊กไบค์ เป็นอันธพาลหรือต้องการขี่เป็นเจ้าถนน
อยากให้ทำให้สังคมได้เห็นว่า กลุ่มคนขี่บิ๊กไบค์ ก็เป็นกลุ่มคนที่ดีในสังคมเหมือนกัน คือการขับขี่เป็นระเบียบเรียบร้อย เราต้องการขี่ไปเที่ยว ไม่ได้ต้องการจะไปป่วนใครครับ”
สิ้นสุดการพูดคุยกับชายหนุ่มคนนี้ ประโยคที่ผุดขึ้นมาในหัวสะเทือนถึงแก่นหัวใจของเราคือประโยคที่ว่า “บางครั้งฮีโร่ในโลกความเป็นจริง อาจเป็นคนธรรมดา ที่ทำอะไรด้วยความรักและความตั้งใจเท่านั้นเอง”
#BMWMotorrad #BMWMotorradTH #MakeLifeARideTH #MakeLifeARideStories #SpiritofGS #BMWR1200GS