"อีทราน" ได้ผู้ร่วมทุนใหม่ "เอ็น.ดี.รับเบอร์" หรือ NDR พร้อมทุ่ม 100 ล้านบาท เตรียมส่งจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ETRAN MYRA เจาะตลาดขนส่ง ตั้งเป้าขายกว่า 1,000 คัน พร้อมเตรียมตั้งจุดเปลี่ยนแบตเตอรี่ แก้ปัญหาไม่ต้องเสียเวลารอชาร์จ
นายสรณัญช์ ชูฉัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด (ETRAN) เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเดินหน้าผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2 รุ่น ได้แก่ MYRA โฉมใหม่ ที่ออกแบบเพื่อการเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสำหรับขนส่งโดยเฉพาะ ในสัดส่วนราว 70% และอีก 30% จะผลิตรุ่น KRAF สำหรับทำตลาดในกลุ่มผู้ใช้รถมอเตอร์ไซด์ทั่วไป ซึ่งมีการเปิดตัวและทำการขายมาระยะหนึ่งแล้ว
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้เตรียมพัฒนาและขยายระบบเปลี่ยนแบตเตอรี่ในชื่อ ETRAN Power Station ที่จะติดตั้งทั่วกรุงเทพฯ ตั้งเป้าจำนวน 100 จุดบริเวณพื้นที่กลางเมือง จำนวน 50 เขต แบ่งเป็นเขตละ 2 จุด ภายใน 3 ปี โดยระยะแรกจะเริ่มที่ใจกลางกรุงเทพมหานครก่อน 3 จุด
“อีทราน MYRA รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ทำความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ออกแบบโดยเน้นการปรับเปลี่ยนให้สามารถรองรับอุปกรณ์พิเศษ เช่น กล่องขนส่ง ตู้เย็น อุปกรณ์ติดตาม และระบบบริหารจัดการเครือข่ายขนส่งขนาดใหญ่แบบครบวงจร โดยจะเปิดให้เช่าใช้ก่อนในช่วงแรก ตั้งราคาค่าเช่าวันละประมาณ 100 กว่าบาท” นายสรณัญช์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ อีทรานตั้งเป้ายอดขาย 1,000 คัน รายได้ประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดหมายรายได้ประมาณ 400-500 ล้านบาท และในปี 2566 คาดว่ารายได้จะเติบโตก้าวกระโดดแตะ 1,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการขายเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารวม
อนึ่ง อีทราน ยัง ประสบความสำเร็จในการระดมทุน Series A มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จาก 2 นักลงทุนรายใหญ่ ได้แก่ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายยางล้อรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติไทยและ Angle investor
ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยให้อีทราน สามารถทำการตลาดถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อาทิ เทคโนโลยีมอเตอร์และแบตเตอรี่สมรรถนะสูง เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย และเทคโนโลยีการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ด้าน นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญในบริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด จำนวน 157,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 100 บาท ในราคา 382.22 บาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 35% ของทุนจดทะเบียนของ อีทราน ด้วยมูลค่ารวม 60.20 ล้านบาท ซึ่งจะชำระค่าหุ้น สามัญของ ETRAN โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในลักษณะ การเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) แทนการชำระด้วยเงินสด จำนวนไม่เกิน 31.5 ล้านหุ้น มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.72 บาท คิดเป็นมูลค่า 60.20 ล้านบาท (Share Swap) โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนหุ้นเท่ากับ 1 หุ้นใหม่ของ อีทราน ต่อ 140.52 หุ้น ใหม่ของบริษัท
ทั้งนี้ การเข้าลงทุนในอีทรานสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ ในการมองหาธุรกิจที่มีศักยภาพ ในการเติบโตเพื่อสร้าง New S-curve ซึ่งเล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่ กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการ Growth Cycle ซึ่งการร่วมลงทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น เป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจและต่อยอดจากธุรกิจเดิม อีกทั้งจะช่วย สนับสนุนให้ผลดำเนินการของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องและก้าวกระโดด ได้ในอนาคต โดยคาดว่าอีทรานจะสามารถสร้างรายได้และผลกำไรได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
นายสรณัญช์ ชูฉัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด (ETRAN) เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเดินหน้าผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2 รุ่น ได้แก่ MYRA โฉมใหม่ ที่ออกแบบเพื่อการเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสำหรับขนส่งโดยเฉพาะ ในสัดส่วนราว 70% และอีก 30% จะผลิตรุ่น KRAF สำหรับทำตลาดในกลุ่มผู้ใช้รถมอเตอร์ไซด์ทั่วไป ซึ่งมีการเปิดตัวและทำการขายมาระยะหนึ่งแล้ว
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้เตรียมพัฒนาและขยายระบบเปลี่ยนแบตเตอรี่ในชื่อ ETRAN Power Station ที่จะติดตั้งทั่วกรุงเทพฯ ตั้งเป้าจำนวน 100 จุดบริเวณพื้นที่กลางเมือง จำนวน 50 เขต แบ่งเป็นเขตละ 2 จุด ภายใน 3 ปี โดยระยะแรกจะเริ่มที่ใจกลางกรุงเทพมหานครก่อน 3 จุด
“อีทราน MYRA รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ทำความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ออกแบบโดยเน้นการปรับเปลี่ยนให้สามารถรองรับอุปกรณ์พิเศษ เช่น กล่องขนส่ง ตู้เย็น อุปกรณ์ติดตาม และระบบบริหารจัดการเครือข่ายขนส่งขนาดใหญ่แบบครบวงจร โดยจะเปิดให้เช่าใช้ก่อนในช่วงแรก ตั้งราคาค่าเช่าวันละประมาณ 100 กว่าบาท” นายสรณัญช์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ อีทรานตั้งเป้ายอดขาย 1,000 คัน รายได้ประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดหมายรายได้ประมาณ 400-500 ล้านบาท และในปี 2566 คาดว่ารายได้จะเติบโตก้าวกระโดดแตะ 1,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการขายเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารวม
อนึ่ง อีทราน ยัง ประสบความสำเร็จในการระดมทุน Series A มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จาก 2 นักลงทุนรายใหญ่ ได้แก่ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายยางล้อรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติไทยและ Angle investor
ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยให้อีทราน สามารถทำการตลาดถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อาทิ เทคโนโลยีมอเตอร์และแบตเตอรี่สมรรถนะสูง เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย และเทคโนโลยีการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ด้าน นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญในบริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด จำนวน 157,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 100 บาท ในราคา 382.22 บาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 35% ของทุนจดทะเบียนของ อีทราน ด้วยมูลค่ารวม 60.20 ล้านบาท ซึ่งจะชำระค่าหุ้น สามัญของ ETRAN โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในลักษณะ การเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) แทนการชำระด้วยเงินสด จำนวนไม่เกิน 31.5 ล้านหุ้น มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.72 บาท คิดเป็นมูลค่า 60.20 ล้านบาท (Share Swap) โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนหุ้นเท่ากับ 1 หุ้นใหม่ของ อีทราน ต่อ 140.52 หุ้น ใหม่ของบริษัท
ทั้งนี้ การเข้าลงทุนในอีทรานสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ ในการมองหาธุรกิจที่มีศักยภาพ ในการเติบโตเพื่อสร้าง New S-curve ซึ่งเล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่ กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการ Growth Cycle ซึ่งการร่วมลงทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น เป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจและต่อยอดจากธุรกิจเดิม อีกทั้งจะช่วย สนับสนุนให้ผลดำเนินการของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องและก้าวกระโดด ได้ในอนาคต โดยคาดว่าอีทรานจะสามารถสร้างรายได้และผลกำไรได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป