ถ้าเอ่ยชื่อรถในตระกูล RS ของอาวดี้ เชื่อว่าสาวกแบรนด์สี่ห่วงทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี แต่สำหรับคนอื่นๆ ทั่วไปอาจจะยังไม่คุ้นเคย หรือไม่ทราบว่า RS ของอาวดี้ นั้นมีความแตกต่างจากรถรุ่นอื่นในไลน์การขายอย่างไร เล่าให้เข้าใจแบบง่ายๆ นึกภาพ AMG ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ M ของ บีเอ็มดับเบิลยู รถที่ใช้ชื่อรุ่นว่า RS ของอาวดี้ เป็นแบบเดียวกันคือ มีความแรงเป็นหัวใจใหญ่
สำหรับ RS ปัจจุบันเป็นฝีมือการพัฒนาของทีม Audi Sport ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำทีมแข่งมีผลงานการคว้าแชมป์รายการใหญ่มากมาย รวมถึงรายการที่สร้างชื่อให้ทีม Audi Sport มากที่สุดอย่างเลอมังส์ 24 ชั่วโมง เรียกว่ารถในตระกูล RS ทั้งหมดของอาวดี้ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ส่วนพระเอกในการทดลองขับของเราคราวนี้คือ อาวดี้ RS4 Avant เจ้าของฉายา ตำนานพ่อบ้านสายซิ่ง ที่เราขอตั้งให้ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นแบบรถครอบครัว แต่หัวใจแรงดุจดั่งซูเปอร์คาร์ เมื่อได้ลองขับขี่แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร เชิญติดตามกันได้
ขับสี่ V6 เทอร์โบคู่
พื้นฐานของตัวรถนั้นเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า หยิบยกมาจากรุ่น A4 Avant แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้สอดรับอย่างลงตัวกับเครื่องยนต์ใหม่ที่พัฒนาโดยทีมงาน Audi Sport ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของช่วงล่างและความสูงของตัวรถที่ลดต่ำลงมากว่ารุ่นปกติ
สำหรับหัวใจเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 2.9 ลิตร twin-turbo TFSI ระบบฉีดตรง (Direct injection) กำลังสูงสุด 450 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ระบบช่วงล่างได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เพื่อให้รองรับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นมา โดยเป็นแบบ RS Sport 5-Links supports มีระบบ Dynamic Ride Control เป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมระบบช่วงล่างทั้งหมด เพื่อช่วยสร้างความแตกต่างอย่างสมดุลเวลาที่ผู้ขับปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่
การตกแต่งภายนอก มากับดีไซน์ที่เป็นสปอร์ต ชุดแต่ง RS ดูดุดันในทุกมุมมอง ด้านหน้ากระจังหน้าแบบรังผึ้งสามมิติ โลโก้อาวดี้สีดำเงาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 275/30R20 ใหญ่เต็มซุ้ม ชุดไฟหน้า แบบ Matrix LED และหลังแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยว Sequential Light
อุปกรณ์ตกแต่งภายใน เบาะนั่งหนัง Fine Nappa โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบ RS Sports ลายรังผึ้ง พร้อมฟังก์ชันนวดและปรับดันหลังได้ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังอัลคัลทาร่า เช่นเดียวกับหัวเกียร์ หน้าจอความบันเทิงระบบสัมผัส MMI Touch ใหม่ล่าสุด ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบ เครื่องเสียงเป็น Bang&Olufsenแบบ 3 มิติ พร้อมหลังคาพาโนรามิคแก้ว เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
ระบบความปลอดภัยใส่มาให้ครบ โดยมีระบบโดดเด่น เช่น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุพื้นฐาน (Audi Pre sense basic), ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ ด้านหลัง (Audi Pre sense Rear), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist), ระบบเตือนสภาพแวดล้อมก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ(Exit Warning) และกล้องแสดงภาพด้านหลัง เป็นต้น
แรงจริง หนึบเหมือนตุ๊กแก
การทดลองขับรอบนี้ พุ่งเป้าไปที่การหาสมรรถนะสูงสุดพร้อมกับการลองใช้งานแบบชีวิตจริงในเมือง ขอเล่าเริ่มต้นกันที่การใช้งานแบบปกติกันก่อนเป็นลำดับแรก สิ่งสำคัญที่สุดคือ โหมดการขับขี่ ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพของการขับเพราะมีผลอย่างยิ่งต่อความรู้สึกทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร
การใช้งานในเมืองเราขอแนะนำให้เลือกใช้โหมด Auto หรือ Comfort โดย Auto จะยังรับรู้ได้ถึงความแข็งกระด้างของช่วงล่างอยู่บ้างพอสมควร ส่วนโหมด Comfort จะดูซับแรงสะเทือนได้ดีกว่า ถ้ามีคนในครอบครัวนั่งมาด้วยให้ใช้โหมด Comfort จะเหมาะสมที่สุด
ด้านอัตราเร่งและการตอบสนองในสองโหมดนี้จะค่อนข้างนุ่มนวลค่อยๆ มา ไม่กระชากจนเหวอ แต่ยังรับรู้ได้ถึงความแรงแบบหลังติดเบาะ โดยมีข้อดีคือ ไม่มวนท้องแม้จะกดคันเร่งคิกดาวน์ ตรงจุดนี้ต้องขอชมการปรับช่วงล่างและการตัดต่อกำลังทำงานผสานกันได้อย่างดี
แม้ตัวรถจะยาวในแบบอเนกประสงค์ แต่เมื่อใช้งานในเมืองยังให้ความรู้สึกที่คล่องตัว กอปรกับพวงมาลัยแบบไฟฟ้า ช่วยให้การควบคุมเบามือ แม่นยำ รัศมีวงเลี้ยวแคบ ไม่ต้องกังวลเวลาเข้าที่จอดในห้างหรือขับทะลุซอยแคบๆ จะเป็นคุณพ่อบ้านหรือคุณนายขับ ไม่มีปัญหาในเรื่องความคล่องตัวอย่างแน่นอน
พวงมาลัยหุ้มหนังอัลคันทาร่าแบบนี้เหมาะมากสำหรับคนที่เหงื่อออกมือเยอะ เพราะจะจับได้พวงมาลัยอย่างกระชับและไม่ลื่นมือ แต่มีจุดที่ต้องระวังคือ หนังแบบนี้จะเปื้อนง่ายมาก และทำความสะอาดยาก ต้องใช้น้ำยาพิเศษในการดูแล ฉะนั้นแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานอาหารในรถ เพราะอาจจะพลาดทำให้พวงมาลัยเปื้อนได้โดยง่าย
ด้านการหาสมรรถนะสูงสุด เราเลือกหาพื้นที่ปิด(ส่วนบุคคล) ในการทดลองขับเพื่อหาความเร็วสูงสุด เท่าที่พื้นที่จะเอื้ออำนวย โดยเป็นการเร่งจากจุดหยุดนิ่งสลับกับลองเร่งแซงหลายรอบที่ขับจะเห็นตัวเลขจะวิ่งอยู่ราว 180-200 กม./ชม. อัตราเร่งดีมาก ความเร็วขึ้นไว การทรงตัวเหนือกว่าคำว่าหนึบ รถวิ่งนิ่ง ไม่ได้รู้สึกว่าขับเร็ว พวงมาลัยหนักมือเมื่อใช้ความเร็วสูง การควบคุมแม่นยำ
ส่วนตัวเลขความเร็วสูงสุดที่เราทำได้คือ 230 กม./ชม. โดยผู้เชี่ยวชาญการนั่งทางด้านหลัง 2 ท่านที่มากับเราในครั้งนี้ได้ให้ความเห็นว่า “ที่ความเร็ว 230 กม./ชม. รู้สึกสะเทือนน้อยกว่ารถของเรา(รถส่วนตัวของผู้เขียน) ที่วิ่ง 130 กม./ชม.อีก แถมยังไม่มวนท้องด้วย รู้สึกหลังติดเบาะนะ เหมือนซูเปอร์คาร์ที่เคยมาลองกัน แต่คันนี้ไม่คลื่นใส้หรือเวียนหัว”
อีกหนึ่งสมรรถนะที่โดดเด่นอย่างมากคือ การเข้าโค้ง เกาะหนึบชนิดที่ใช้รูปตุ๊กแกแทนความหมายนั้นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เข้าโค้งแรงๆ ยังมั่นใจว่าเอาอยู่ สะท้อนภาพของการเป็นรถซึ่งพัฒนามาจากสนามแข่งได้อย่างยอดเยี่ยม เรียกว่า ถ้าลงสนามพร้อมกับซูเปอร์คาร์ รับประกันได้ว่า สนุกอย่างแน่นอน
สำหรับโหมด Dynamic และ RS Mode (ปรับเลือกบันทึกรูปแบบได้ 2 แบบตามใจชอบ) แนะนำให้ใช้เวลาขับไปคนเดียว หรือต้องการทำเวลา เพราะจะแตกต่างจากโหมดอื่นอย่างมาก ทั้งเสียงเครื่องยนต์ เสียงท่อไอเสียที่คำรามพร้อมรบตลอดเวลา การตอบสนองของคันเร่งจะไว รอบเครื่องสูง และช่วงล่างจะแข็งกระด้างกว่า
ช่วงล่างของ RS 4 Avant ผมขอใช้คำว่า มหัศจรรย์ เพราะเป็นรถที่หากขับช้า ขับย่องๆ ไม่เกิน 50 กม./ชม. คุณจะรับรู้ถึงแรงสะเทือนค่อนข้างชัด แต่หากขับด้วยความเร็วที่เกินกว่านั้น กลับกลายเป็นไม่สะเทือน ให้ความรู้สึกที่เรียบเนียน เรียกว่า ยิ่งขับเร็วยิ่งดีงาม อย่างไรก็ตามเราไม่สนับสนุนการขับด้วยความเร็วเกินกฎหมายกำหนดเอาไว้รวมถึงการแข่งรถบนถนนหลวง
อัตราการบริโภคเชื้อเพลิง ดูจากจอแสดงผล ด้วยการขับแบบครบทุกรูปแบบดังที่กล่าวมาข้างต้น ตัวเลขระบุค่าเฉลี่ยอยู่ราว 9 กม./ลิตร ถือว่า ประทับใจ เพราะคุณได้ขับด้วยความแรงระดับเดียวกับซูเปอร์คาร์ แต่จ่ายค่าน้ำมันพอๆ กับรถยุโรปทั่วไป
เหมาะกับใคร
พ่อบ้านที่มองหารถครอบครัวสายยุโรป แต่แอบซ่อนความแรงไว้ใต้ฝากระโปรง ดุจดั่งคมในฝัก กับราคาค่าตัว 5,899,000 บาท ได้ความแรงในระดับน้องๆ ซูเปอร์คาร์ แถมยังได้อรรถประโยชน์ในการใช้งาน คุ้มค่าหรือไม่ เราคงไม่ต้องบอก เพราะหากจอง RS4 Avant จะไม่มีเสียงบ่นจากคนในบ้านอย่างแน่นอน
สำหรับ RS ปัจจุบันเป็นฝีมือการพัฒนาของทีม Audi Sport ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำทีมแข่งมีผลงานการคว้าแชมป์รายการใหญ่มากมาย รวมถึงรายการที่สร้างชื่อให้ทีม Audi Sport มากที่สุดอย่างเลอมังส์ 24 ชั่วโมง เรียกว่ารถในตระกูล RS ทั้งหมดของอาวดี้ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ส่วนพระเอกในการทดลองขับของเราคราวนี้คือ อาวดี้ RS4 Avant เจ้าของฉายา ตำนานพ่อบ้านสายซิ่ง ที่เราขอตั้งให้ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นแบบรถครอบครัว แต่หัวใจแรงดุจดั่งซูเปอร์คาร์ เมื่อได้ลองขับขี่แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร เชิญติดตามกันได้
ขับสี่ V6 เทอร์โบคู่
พื้นฐานของตัวรถนั้นเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า หยิบยกมาจากรุ่น A4 Avant แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้สอดรับอย่างลงตัวกับเครื่องยนต์ใหม่ที่พัฒนาโดยทีมงาน Audi Sport ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของช่วงล่างและความสูงของตัวรถที่ลดต่ำลงมากว่ารุ่นปกติ
สำหรับหัวใจเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 2.9 ลิตร twin-turbo TFSI ระบบฉีดตรง (Direct injection) กำลังสูงสุด 450 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ระบบช่วงล่างได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เพื่อให้รองรับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นมา โดยเป็นแบบ RS Sport 5-Links supports มีระบบ Dynamic Ride Control เป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมระบบช่วงล่างทั้งหมด เพื่อช่วยสร้างความแตกต่างอย่างสมดุลเวลาที่ผู้ขับปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่
การตกแต่งภายนอก มากับดีไซน์ที่เป็นสปอร์ต ชุดแต่ง RS ดูดุดันในทุกมุมมอง ด้านหน้ากระจังหน้าแบบรังผึ้งสามมิติ โลโก้อาวดี้สีดำเงาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 275/30R20 ใหญ่เต็มซุ้ม ชุดไฟหน้า แบบ Matrix LED และหลังแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยว Sequential Light
อุปกรณ์ตกแต่งภายใน เบาะนั่งหนัง Fine Nappa โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบ RS Sports ลายรังผึ้ง พร้อมฟังก์ชันนวดและปรับดันหลังได้ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังอัลคัลทาร่า เช่นเดียวกับหัวเกียร์ หน้าจอความบันเทิงระบบสัมผัส MMI Touch ใหม่ล่าสุด ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบ เครื่องเสียงเป็น Bang&Olufsenแบบ 3 มิติ พร้อมหลังคาพาโนรามิคแก้ว เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
ระบบความปลอดภัยใส่มาให้ครบ โดยมีระบบโดดเด่น เช่น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุพื้นฐาน (Audi Pre sense basic), ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ ด้านหลัง (Audi Pre sense Rear), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist), ระบบเตือนสภาพแวดล้อมก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ(Exit Warning) และกล้องแสดงภาพด้านหลัง เป็นต้น
แรงจริง หนึบเหมือนตุ๊กแก
การทดลองขับรอบนี้ พุ่งเป้าไปที่การหาสมรรถนะสูงสุดพร้อมกับการลองใช้งานแบบชีวิตจริงในเมือง ขอเล่าเริ่มต้นกันที่การใช้งานแบบปกติกันก่อนเป็นลำดับแรก สิ่งสำคัญที่สุดคือ โหมดการขับขี่ ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพของการขับเพราะมีผลอย่างยิ่งต่อความรู้สึกทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร
การใช้งานในเมืองเราขอแนะนำให้เลือกใช้โหมด Auto หรือ Comfort โดย Auto จะยังรับรู้ได้ถึงความแข็งกระด้างของช่วงล่างอยู่บ้างพอสมควร ส่วนโหมด Comfort จะดูซับแรงสะเทือนได้ดีกว่า ถ้ามีคนในครอบครัวนั่งมาด้วยให้ใช้โหมด Comfort จะเหมาะสมที่สุด
ด้านอัตราเร่งและการตอบสนองในสองโหมดนี้จะค่อนข้างนุ่มนวลค่อยๆ มา ไม่กระชากจนเหวอ แต่ยังรับรู้ได้ถึงความแรงแบบหลังติดเบาะ โดยมีข้อดีคือ ไม่มวนท้องแม้จะกดคันเร่งคิกดาวน์ ตรงจุดนี้ต้องขอชมการปรับช่วงล่างและการตัดต่อกำลังทำงานผสานกันได้อย่างดี
แม้ตัวรถจะยาวในแบบอเนกประสงค์ แต่เมื่อใช้งานในเมืองยังให้ความรู้สึกที่คล่องตัว กอปรกับพวงมาลัยแบบไฟฟ้า ช่วยให้การควบคุมเบามือ แม่นยำ รัศมีวงเลี้ยวแคบ ไม่ต้องกังวลเวลาเข้าที่จอดในห้างหรือขับทะลุซอยแคบๆ จะเป็นคุณพ่อบ้านหรือคุณนายขับ ไม่มีปัญหาในเรื่องความคล่องตัวอย่างแน่นอน
พวงมาลัยหุ้มหนังอัลคันทาร่าแบบนี้เหมาะมากสำหรับคนที่เหงื่อออกมือเยอะ เพราะจะจับได้พวงมาลัยอย่างกระชับและไม่ลื่นมือ แต่มีจุดที่ต้องระวังคือ หนังแบบนี้จะเปื้อนง่ายมาก และทำความสะอาดยาก ต้องใช้น้ำยาพิเศษในการดูแล ฉะนั้นแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานอาหารในรถ เพราะอาจจะพลาดทำให้พวงมาลัยเปื้อนได้โดยง่าย
ด้านการหาสมรรถนะสูงสุด เราเลือกหาพื้นที่ปิด(ส่วนบุคคล) ในการทดลองขับเพื่อหาความเร็วสูงสุด เท่าที่พื้นที่จะเอื้ออำนวย โดยเป็นการเร่งจากจุดหยุดนิ่งสลับกับลองเร่งแซงหลายรอบที่ขับจะเห็นตัวเลขจะวิ่งอยู่ราว 180-200 กม./ชม. อัตราเร่งดีมาก ความเร็วขึ้นไว การทรงตัวเหนือกว่าคำว่าหนึบ รถวิ่งนิ่ง ไม่ได้รู้สึกว่าขับเร็ว พวงมาลัยหนักมือเมื่อใช้ความเร็วสูง การควบคุมแม่นยำ
ส่วนตัวเลขความเร็วสูงสุดที่เราทำได้คือ 230 กม./ชม. โดยผู้เชี่ยวชาญการนั่งทางด้านหลัง 2 ท่านที่มากับเราในครั้งนี้ได้ให้ความเห็นว่า “ที่ความเร็ว 230 กม./ชม. รู้สึกสะเทือนน้อยกว่ารถของเรา(รถส่วนตัวของผู้เขียน) ที่วิ่ง 130 กม./ชม.อีก แถมยังไม่มวนท้องด้วย รู้สึกหลังติดเบาะนะ เหมือนซูเปอร์คาร์ที่เคยมาลองกัน แต่คันนี้ไม่คลื่นใส้หรือเวียนหัว”
อีกหนึ่งสมรรถนะที่โดดเด่นอย่างมากคือ การเข้าโค้ง เกาะหนึบชนิดที่ใช้รูปตุ๊กแกแทนความหมายนั้นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เข้าโค้งแรงๆ ยังมั่นใจว่าเอาอยู่ สะท้อนภาพของการเป็นรถซึ่งพัฒนามาจากสนามแข่งได้อย่างยอดเยี่ยม เรียกว่า ถ้าลงสนามพร้อมกับซูเปอร์คาร์ รับประกันได้ว่า สนุกอย่างแน่นอน
สำหรับโหมด Dynamic และ RS Mode (ปรับเลือกบันทึกรูปแบบได้ 2 แบบตามใจชอบ) แนะนำให้ใช้เวลาขับไปคนเดียว หรือต้องการทำเวลา เพราะจะแตกต่างจากโหมดอื่นอย่างมาก ทั้งเสียงเครื่องยนต์ เสียงท่อไอเสียที่คำรามพร้อมรบตลอดเวลา การตอบสนองของคันเร่งจะไว รอบเครื่องสูง และช่วงล่างจะแข็งกระด้างกว่า
ช่วงล่างของ RS 4 Avant ผมขอใช้คำว่า มหัศจรรย์ เพราะเป็นรถที่หากขับช้า ขับย่องๆ ไม่เกิน 50 กม./ชม. คุณจะรับรู้ถึงแรงสะเทือนค่อนข้างชัด แต่หากขับด้วยความเร็วที่เกินกว่านั้น กลับกลายเป็นไม่สะเทือน ให้ความรู้สึกที่เรียบเนียน เรียกว่า ยิ่งขับเร็วยิ่งดีงาม อย่างไรก็ตามเราไม่สนับสนุนการขับด้วยความเร็วเกินกฎหมายกำหนดเอาไว้รวมถึงการแข่งรถบนถนนหลวง
อัตราการบริโภคเชื้อเพลิง ดูจากจอแสดงผล ด้วยการขับแบบครบทุกรูปแบบดังที่กล่าวมาข้างต้น ตัวเลขระบุค่าเฉลี่ยอยู่ราว 9 กม./ลิตร ถือว่า ประทับใจ เพราะคุณได้ขับด้วยความแรงระดับเดียวกับซูเปอร์คาร์ แต่จ่ายค่าน้ำมันพอๆ กับรถยุโรปทั่วไป
เหมาะกับใคร
พ่อบ้านที่มองหารถครอบครัวสายยุโรป แต่แอบซ่อนความแรงไว้ใต้ฝากระโปรง ดุจดั่งคมในฝัก กับราคาค่าตัว 5,899,000 บาท ได้ความแรงในระดับน้องๆ ซูเปอร์คาร์ แถมยังได้อรรถประโยชน์ในการใช้งาน คุ้มค่าหรือไม่ เราคงไม่ต้องบอก เพราะหากจอง RS4 Avant จะไม่มีเสียงบ่นจากคนในบ้านอย่างแน่นอน
