ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือเราทำอะไรได้มากกว่าที่คิด รวมถึงเป็นเครื่องมือชั้นดีที่ช่วยให้การขับรถมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมบางครั้งยังช่วยให้เรารู้จักรถของเรามากขึ้นด้วย เพราะสมาร์ทโฟนในปัจจุบันมาพร้อมเซ็นเซอร์ประสิทธิภาพสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Accelerometer หรือแม้แต่กล้องความละเอียดสูง ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาอย่างดีแล้ว ทริปนั้นจะกลายเป็นความประทับใจที่ยากจะลืมเลือนเลยทีเดียว
ส่วนมีแอปพลิเคชันไหนที่น่าสนใจบ้างนั้น BMW.com มีคำแนะนำมาฝากกัน
1. PerfExpert แอปสุดเจ๋งสำหรับทดสอบสมรรถนะรถ
คนรักรถทุกคนต่างอยากรู้จักรถของตัวเองให้ดีมากขึ้นอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการวัดสมรรถนะและประสิทธิภาพของเครื่องยนต์แบบเจาะลึกละก็ แอป PerfExpert ช่วยคุณได้
สำหรับแอปพลิเคชัน PerfExpert เราไม่ต้องเชื่อมสมาร์ทโฟนเข้ากับรถแต่อย่างใด การทำงานของแอปเริ่มจากการหาถนนที่เหมาะสมสำหรับทดสอบ (เรียบ ตรง และยาวพอสมควร) ยึดสมาร์ทโฟนเข้ากับคอนโซลหน้ารถให้แน่น จากนั้นกดปุ่ม START บนแอปพลิเคชัน PerfExpert แล้วรอจนกว่าจะแสดงคำว่า GO ขึ้นมา
เมื่อขึ้นคำว่า GO ให้เริ่มออกสตาร์ทจากหยุดนิ่ง เร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงรอบเครื่องยนต์สูงสุด จากนั้นถอนคันเร่ง ปล่อยให้รถไหลโดยไม่ต้องแตะเบรก ระหว่างนี้แอปพลิเคชัน PerfExpert จะคำนวณและแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ออกมา เช่น แรงม้า และแรงบิด เป็นต้น
PerfExpert มีราคาอยู่ที่ 14.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 500 บาท) ใช้ได้กับทั้ง iOS และแอนดรอยด์
2. Driversnote ตัวช่วยบันทึกการเดินทางผ่าน GPS
ใครที่ไม่ชอบจด มองว่าการจดบันทึกข้อมูลการเดินทางเป็นเรื่องไม่สนุก ลอง Drivernote ดู แอปตัวนี้จะบันทึกการเดินทางให้เราโดยอัตโนมัติ ผ่านอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ ในสมาร์ทโฟนอย่าง GPS แถมยังช่วยคำนวณระยะทางออกมาได้อย่างแม่นยำ
ต้องถือว่าการทำงานของ Drivernote ฉลาดมาก เพราะสามารถแยกได้ด้วยว่า การเดินทางที่เกิดขึ้นเป็นเส้นทางปกติที่เราใช้อยู่เป็นประจำ (Business Trip) หรือเป็นทริปท่องเที่ยว (ตรวจจับจากสถานที่ที่เราเดินทางไป) ทำให้เราสามารถจัดหมวดหมู่การเดินทาง และประเมินค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ข้อมูลที่ตัวแอปเก็บเอาไว้ยังสามารถ Export ออกมาเป็นไฟล์ PDF หรือไฟล์ Excel เพื่อนำไปใช้งานอย่างอื่นได้ด้วย
Drivernote มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันเสียเงิน ซึ่งเวอร์ชันฟรีจะบันทึกการเดินทางให้เราได้สูงสุด 20 ทริปต่อเดือน แต่ถ้าจ่ายเงินเดือนละ 9.50 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 300 บาท) จะสามารถบันทึกทริปการเดินทางได้ไม่จำกัด และสามารถเข้าถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ในแอปเพิ่มเติมได้ด้วย ที่สำคัญ Drivernote รองรับทั้ง iOS และแอนดรอยด์
3. RiiiDE โซเชียลมีเดียเพื่อคนรักรถโดยเฉพาะ
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่รักรถ คุณย่อมต้องการเข้ากลุ่มคนที่รักรถเหมือน ๆ กับคุณ หรืออย่างน้อยก็กลุ่มคนที่ใช้รถรุ่นเดียวกัน ซึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบเดิม ๆ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนรักรถได้ทั้งหมด กระทั่งมีบริษัทสัญชาติเยอรมันแห่งหนึ่งเห็นช่องว่างตรงนี้ จึงพัฒนาแอปพลิเคชัน Riiide ขึ้นมาเพื่อเป็นโซเชียลมีเดียสำหรับคนรักรถโดยตรง
บน Riiide เราสามารถอัปโหลดรูปรถ ทริปการเดินทางที่ประทับใจ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับรถและเราอยากจะแชร์ หรือจะจัดอีเวนต์ก็ยังได้ แถมยังติดตั้งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้งานได้ทั้ง iOS และแอนดรอยด์
4. CAR SCANNER ELM OBD2 ตัวช่วยสแกนรถอย่างละเอียด
CAR SCANNER ELM OBD2 อาจจะเหมาะกับคนรักรถสายเนิร์ดสักหน่อย เพราะมันสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกมาก ๆ เกี่ยวกับรถยนต์ได้ เช่น ค่าออกซิเจนในระบบไอเสีย ไปจนถึงการทำงานที่ผิดปกติของระบบในรถยนต์ ซึ่งการจะทำให้ CAR SCANNER ELM OBD2 แสดงผลข้อมูลเชิงลึกได้ เราต้องเชื่อมสมาร์ทโฟนเข้ากับรถผ่านอะแดปเตอร์ที่รองรับเสียก่อน โดยทางเว็บไซต์แนะนำว่าไม่ควรใช้อะแดปเตอร์ราคาต่ำกว่า 15 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 500 บาท) เนื่องจากมีคุณภาพต่ำเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ข้อมูลมีความผิดพลาดได้
5. RoadTrippers ชุมชนนักวางแผนการเดินทาง
การวางแผนการเดินทางอาจสนุกสำหรับบางคน แต่บางคนก็ชอบถามเพื่อนหรือคนที่เคยไปมาแล้วมากกว่า ซึ่งถ้าคุณเป็นอย่างหลัง แอป RoadTrippers น่าจะตอบโจทย์ได้ดี เพราะเป็นแอปที่เอาไว้ให้คนขับรถมาแชร์ข้อมูลกัน ช่วยให้เราวางแผนการเดินทางได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน นอกจากนั้นตัวแอปยังแนะนำเส้นทางใหม่ ๆ ให้เราได้ ไว้เป็นตัวเลือกเผื่ออยากเปิดประสบการณ์ โดย RoadTrippers มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันเสียเงิน ซึ่งในเวอร์ชันเสียเงิน ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ไม่อั้น ในราคา 29.90 เหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 900 บาท)
6. My BMW ทุกอย่างที่คนรัก BMW ต้องการ
สำหรับเจ้าของรถ BMW หนึ่งในแอปห้ามพลาดที่ต้องติดตั้งเอาไว้ในสมาร์ทโฟนก็คือ My BMW แอปพลิเคชันนี้จะช่วยให้ชีวิตคุณสะดวกสบาย ทั้งยามที่อยู่บนท้องถนนและขณะที่ไม่ได้ขับรถ
อย่างแรกเลยที่สะดุดตา คือการออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะผู้พัฒนาแอปได้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานเป็นพิเศษ ถ้าคุณเลือกดูข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถ คุณจะเห็นข้อมูลสำคัญ ๆ เช่น ปริมาณเชื้อเพลิง, สถานะการชาร์จรถยนต์, ตำแหน่งของรถยนต์ และเลขไมล์ (แบบเรียลไทม์)
ที่หลายๆ คนน่าจะชอบมาก คือการตรวจสอบและสั่งการรถยนต์จากระยะไกล เช่น ตรวจสอบว่าล็อกประตูรถหรือยัง, สั่งสตาร์ทรถ, ปรับอุณหภูมิในห้องโดยสาร, เปิดไฟหน้า, ตั้งค่าการชาร์จไฟได้ และถ้าสมาร์ทโฟนของเราเป็นระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชัน 7 ขึ้นไป ก็ยังสามารถใช้ไอโฟนเป็น Digital Key ได้ด้วย
ส่วนใครที่ใช้รถยนต์ BMW Plug-In Hybrid ก็สามารถเก็บแต้มรีวอร์ด BMW Point ผ่านทางแอปพลิเคชันได้ (จะได้รับแต้มจากการใช้พลังงานไฟฟ้าในการเดินทาง) และสามารถนำแต้มนี้ไปแลกรับบริการ BMW Charging ได้ นอกจากนั้นในหน้า Rewards เรายังสามารถเข้าไปตรวจสอบกิจกรรม หรือยอดคงเหลือได้ตลอดเวลา
นอกจากนั้น ตัวแอปยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ BMW Plug-in Hybrid โดยเฉพาะ นั่นคือการแสดงผล Charging Profile, ประวัติการชาร์จ, แจ้งเตือนให้ชาร์จไฟ รวมถึงสถานะโดยรวมในการชาร์จ ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้รถไฮบริด หรืออีวี บริหารจัดการรถของตัวเองได้อย่างสะดวกและง่ายดายขึ้นมาก
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เรายังสามารถใช้แอปพลิเคชัน My BMW ในการนัดหมายเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ BMW ได้ด้วย โดยมีการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน และสามารถเลือกกำหนดวันเวลาที่สะดวกเข้ารับบริการเองได้ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมความสะดวกอื่น ๆ เช่น การค้นหาที่จอดรถรอบ ๆ ตัวเรา การขอความช่วยเหลือพิเศษกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือการซื้อบริการ Connected Drive เพิ่ม เช่น BMW Drive Recorder ฯลฯ ผ่านแอปพลิเคชันโดยตรง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทั้งหมดนี้คือความสะดวกสบายที่ My BMW App เตรียมเอาไว้ สำหรับเจ้าของรถยนต์ BMW นั่นเอง
สามารถดาวน์โหลด My BMW App ได้แล้ววันนี้
ระบบ iOS คลิก https://apple.co/2Pg1eLg
ระบบ Android คลิก https://bit.ly/3rGtF2h
ส่วนมีแอปพลิเคชันไหนที่น่าสนใจบ้างนั้น BMW.com มีคำแนะนำมาฝากกัน
1. PerfExpert แอปสุดเจ๋งสำหรับทดสอบสมรรถนะรถ
คนรักรถทุกคนต่างอยากรู้จักรถของตัวเองให้ดีมากขึ้นอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการวัดสมรรถนะและประสิทธิภาพของเครื่องยนต์แบบเจาะลึกละก็ แอป PerfExpert ช่วยคุณได้
สำหรับแอปพลิเคชัน PerfExpert เราไม่ต้องเชื่อมสมาร์ทโฟนเข้ากับรถแต่อย่างใด การทำงานของแอปเริ่มจากการหาถนนที่เหมาะสมสำหรับทดสอบ (เรียบ ตรง และยาวพอสมควร) ยึดสมาร์ทโฟนเข้ากับคอนโซลหน้ารถให้แน่น จากนั้นกดปุ่ม START บนแอปพลิเคชัน PerfExpert แล้วรอจนกว่าจะแสดงคำว่า GO ขึ้นมา
เมื่อขึ้นคำว่า GO ให้เริ่มออกสตาร์ทจากหยุดนิ่ง เร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงรอบเครื่องยนต์สูงสุด จากนั้นถอนคันเร่ง ปล่อยให้รถไหลโดยไม่ต้องแตะเบรก ระหว่างนี้แอปพลิเคชัน PerfExpert จะคำนวณและแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ออกมา เช่น แรงม้า และแรงบิด เป็นต้น
PerfExpert มีราคาอยู่ที่ 14.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 500 บาท) ใช้ได้กับทั้ง iOS และแอนดรอยด์
2. Driversnote ตัวช่วยบันทึกการเดินทางผ่าน GPS
ใครที่ไม่ชอบจด มองว่าการจดบันทึกข้อมูลการเดินทางเป็นเรื่องไม่สนุก ลอง Drivernote ดู แอปตัวนี้จะบันทึกการเดินทางให้เราโดยอัตโนมัติ ผ่านอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ ในสมาร์ทโฟนอย่าง GPS แถมยังช่วยคำนวณระยะทางออกมาได้อย่างแม่นยำ
ต้องถือว่าการทำงานของ Drivernote ฉลาดมาก เพราะสามารถแยกได้ด้วยว่า การเดินทางที่เกิดขึ้นเป็นเส้นทางปกติที่เราใช้อยู่เป็นประจำ (Business Trip) หรือเป็นทริปท่องเที่ยว (ตรวจจับจากสถานที่ที่เราเดินทางไป) ทำให้เราสามารถจัดหมวดหมู่การเดินทาง และประเมินค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ข้อมูลที่ตัวแอปเก็บเอาไว้ยังสามารถ Export ออกมาเป็นไฟล์ PDF หรือไฟล์ Excel เพื่อนำไปใช้งานอย่างอื่นได้ด้วย
Drivernote มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันเสียเงิน ซึ่งเวอร์ชันฟรีจะบันทึกการเดินทางให้เราได้สูงสุด 20 ทริปต่อเดือน แต่ถ้าจ่ายเงินเดือนละ 9.50 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 300 บาท) จะสามารถบันทึกทริปการเดินทางได้ไม่จำกัด และสามารถเข้าถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ในแอปเพิ่มเติมได้ด้วย ที่สำคัญ Drivernote รองรับทั้ง iOS และแอนดรอยด์
3. RiiiDE โซเชียลมีเดียเพื่อคนรักรถโดยเฉพาะ
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่รักรถ คุณย่อมต้องการเข้ากลุ่มคนที่รักรถเหมือน ๆ กับคุณ หรืออย่างน้อยก็กลุ่มคนที่ใช้รถรุ่นเดียวกัน ซึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบเดิม ๆ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนรักรถได้ทั้งหมด กระทั่งมีบริษัทสัญชาติเยอรมันแห่งหนึ่งเห็นช่องว่างตรงนี้ จึงพัฒนาแอปพลิเคชัน Riiide ขึ้นมาเพื่อเป็นโซเชียลมีเดียสำหรับคนรักรถโดยตรง
บน Riiide เราสามารถอัปโหลดรูปรถ ทริปการเดินทางที่ประทับใจ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับรถและเราอยากจะแชร์ หรือจะจัดอีเวนต์ก็ยังได้ แถมยังติดตั้งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้งานได้ทั้ง iOS และแอนดรอยด์
4. CAR SCANNER ELM OBD2 ตัวช่วยสแกนรถอย่างละเอียด
CAR SCANNER ELM OBD2 อาจจะเหมาะกับคนรักรถสายเนิร์ดสักหน่อย เพราะมันสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกมาก ๆ เกี่ยวกับรถยนต์ได้ เช่น ค่าออกซิเจนในระบบไอเสีย ไปจนถึงการทำงานที่ผิดปกติของระบบในรถยนต์ ซึ่งการจะทำให้ CAR SCANNER ELM OBD2 แสดงผลข้อมูลเชิงลึกได้ เราต้องเชื่อมสมาร์ทโฟนเข้ากับรถผ่านอะแดปเตอร์ที่รองรับเสียก่อน โดยทางเว็บไซต์แนะนำว่าไม่ควรใช้อะแดปเตอร์ราคาต่ำกว่า 15 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 500 บาท) เนื่องจากมีคุณภาพต่ำเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ข้อมูลมีความผิดพลาดได้
5. RoadTrippers ชุมชนนักวางแผนการเดินทาง
การวางแผนการเดินทางอาจสนุกสำหรับบางคน แต่บางคนก็ชอบถามเพื่อนหรือคนที่เคยไปมาแล้วมากกว่า ซึ่งถ้าคุณเป็นอย่างหลัง แอป RoadTrippers น่าจะตอบโจทย์ได้ดี เพราะเป็นแอปที่เอาไว้ให้คนขับรถมาแชร์ข้อมูลกัน ช่วยให้เราวางแผนการเดินทางได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน นอกจากนั้นตัวแอปยังแนะนำเส้นทางใหม่ ๆ ให้เราได้ ไว้เป็นตัวเลือกเผื่ออยากเปิดประสบการณ์ โดย RoadTrippers มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันเสียเงิน ซึ่งในเวอร์ชันเสียเงิน ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ไม่อั้น ในราคา 29.90 เหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 900 บาท)
6. My BMW ทุกอย่างที่คนรัก BMW ต้องการ
สำหรับเจ้าของรถ BMW หนึ่งในแอปห้ามพลาดที่ต้องติดตั้งเอาไว้ในสมาร์ทโฟนก็คือ My BMW แอปพลิเคชันนี้จะช่วยให้ชีวิตคุณสะดวกสบาย ทั้งยามที่อยู่บนท้องถนนและขณะที่ไม่ได้ขับรถ
อย่างแรกเลยที่สะดุดตา คือการออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะผู้พัฒนาแอปได้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานเป็นพิเศษ ถ้าคุณเลือกดูข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถ คุณจะเห็นข้อมูลสำคัญ ๆ เช่น ปริมาณเชื้อเพลิง, สถานะการชาร์จรถยนต์, ตำแหน่งของรถยนต์ และเลขไมล์ (แบบเรียลไทม์)
ที่หลายๆ คนน่าจะชอบมาก คือการตรวจสอบและสั่งการรถยนต์จากระยะไกล เช่น ตรวจสอบว่าล็อกประตูรถหรือยัง, สั่งสตาร์ทรถ, ปรับอุณหภูมิในห้องโดยสาร, เปิดไฟหน้า, ตั้งค่าการชาร์จไฟได้ และถ้าสมาร์ทโฟนของเราเป็นระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชัน 7 ขึ้นไป ก็ยังสามารถใช้ไอโฟนเป็น Digital Key ได้ด้วย
ส่วนใครที่ใช้รถยนต์ BMW Plug-In Hybrid ก็สามารถเก็บแต้มรีวอร์ด BMW Point ผ่านทางแอปพลิเคชันได้ (จะได้รับแต้มจากการใช้พลังงานไฟฟ้าในการเดินทาง) และสามารถนำแต้มนี้ไปแลกรับบริการ BMW Charging ได้ นอกจากนั้นในหน้า Rewards เรายังสามารถเข้าไปตรวจสอบกิจกรรม หรือยอดคงเหลือได้ตลอดเวลา
นอกจากนั้น ตัวแอปยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ BMW Plug-in Hybrid โดยเฉพาะ นั่นคือการแสดงผล Charging Profile, ประวัติการชาร์จ, แจ้งเตือนให้ชาร์จไฟ รวมถึงสถานะโดยรวมในการชาร์จ ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้รถไฮบริด หรืออีวี บริหารจัดการรถของตัวเองได้อย่างสะดวกและง่ายดายขึ้นมาก
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เรายังสามารถใช้แอปพลิเคชัน My BMW ในการนัดหมายเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ BMW ได้ด้วย โดยมีการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน และสามารถเลือกกำหนดวันเวลาที่สะดวกเข้ารับบริการเองได้ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมความสะดวกอื่น ๆ เช่น การค้นหาที่จอดรถรอบ ๆ ตัวเรา การขอความช่วยเหลือพิเศษกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือการซื้อบริการ Connected Drive เพิ่ม เช่น BMW Drive Recorder ฯลฯ ผ่านแอปพลิเคชันโดยตรง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทั้งหมดนี้คือความสะดวกสบายที่ My BMW App เตรียมเอาไว้ สำหรับเจ้าของรถยนต์ BMW นั่นเอง
สามารถดาวน์โหลด My BMW App ได้แล้ววันนี้
ระบบ iOS คลิก https://apple.co/2Pg1eLg
ระบบ Android คลิก https://bit.ly/3rGtF2h