xs
xsm
sm
md
lg

Suzuki Swift ตัวเล็กน่าคบ จบด้วยความสนุก-ประหยัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

หลังจากที่ซูซูกิ เปิดตัว สวิฟท์ รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ตามทิศทางของตลาดโลก ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเพียงไม่กี่รายการ โดยหัวใจสำคัญยังคงเหมือนเดิมทั้งโครงสร้างตัวถังและเครื่องยนต์ แต่ประเทศไทยจะแตกต่างจากตลาดอื่นๆ เนื่องจากอยู่ภายใต้เงื่อนไขของโครงการอีโคคาร์เฟสสอง ที่ยกระดับมาตรฐานทั้งความปลอดภัยและอัตราการบริโภคน้ำมันให้ดีขึ้น
 
สำหรับการเปลี่ยนแปลงมีสิ่งใดบ้างนั้น ทีมงาน "เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง"  ขอรวบรวมมาเล่าสู่กันฟังแบบกระชับ พร้อมกับบททดลองขับเต็มรูปแบบทั้งการใช้งานในเมืองและวิ่งออกต่างจังหวัด หาตัวเลขการบริโภคเชื้อเพลิงแบบจริงจัง มาชมกันว่า สวิฟท์ ไมเนอร์เชนจ์ เป็นอย่างไร น่าคบหาแค่ไหน

 


เพิ่มออปชัน ขยับราคา 20,000 บาท

หัวใจสำคัญของการปรับเปลี่ยนรอบนี้คือการปรับรุ่นย่อยใหม่ จากเดิม 4 รุ่น เหลือเพียง 2 รุ่นเท่านั้น คือ GL ราคา 557,000 บาท และ GLX ราคา 629,000 บาท โดยปรับราคาเมื่อเทียบกับโฉมก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 21,000 บาท และ 20,000 บาท ตามลำดับ ขณะที่ออพชันและสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละรุ่นจะมีดังต่อไปนี้

รุ่น GL เปลี่ยนกระจังหน้าใหม่เสริมด้วยโครเมียม, กระจกมองข้างพับไฟฟ้า, ระบบเปิดปิดประตูอัตโนมัติ/ Keyless entry, ปุ่ม Keyless Push Start , สัญญาณเตือนเมื่อลืมกุญแจ และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ


ขณะที่รุ่น GLX เปลี่ยนกระจังหน้าใหม่เสริมด้วยโครเมี่ยม, ล้ออัลลอยปัดเงาขนาด 16 นิ้ว, วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าและแผงประตูภายในสีเงิน, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว เครื่องเล่นวิทยุ MP3 WMA พร้อมระบบเชื่อมต่อ บลูทูธ และรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

ส่วนเครื่องยนต์ยังคงเหมือนเดิม มากับรหัส K12M ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ Dual Jet (มีหัวฉีด 2 หัว ช่วยกันทำงาน) กำลังสูงสุด 83 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงชนิด E20 ได้ โดยรุ่น GLX จะเป็นรถเพียงรุ่นเดียวในคลาสนี้ที่ติดตั้งระบบดิสก์เบรกที่ล้อหลัง นอกนั้นเป็น ดรัมเบรก


แพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิ คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วยให้โครงสร้างรถมีน้ำหนักลดลงเหลือเพียง 875-910 กิโลกรัม โดยใช้การออกแบบจัดวางตำแหน่งของเครื่องยนต์ ถังน้ำมัน ระบบส่งกำลัง ให้เหมาะสม และเสริมความแข็งแกร่งพิเศษตามจุดเชื่อมต่อต่างๆ

อีกสิ่งหนึ่งที่จะนำเสนอในคราวนี้คือ เรื่องของการบำรุง ดูแล รักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ ระยะทางวิ่ง 100,000 กม. ที่ทางซูซูกิ ระบุว่ามีค่าใช้จ่ายต่ำมากเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน โดยรวมแล้วลูกค้าจ่ายประมาณ 25,000 บาท หรือเฉลี่ยคิดเป็นค่าใช้จ่ายปีละประมาณ 5,000 บาท


สนุก-ประหยัด

การขับขี่ ซูซูกิ สวิฟท์ เราประทับใจในทุกๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการลองขับรุ่นย่อยไหนก็ตาม และยิ่งคราวนี้ได้ขับตัว GLX ซึ่งมีจุดเด่นที่สุดในเรื่องของ ดิสก์เบรกที่ล้อหลัง สร้างความอุ่นใจในการขับขี่ให้มากที่สุดหากจำเป็นต้องมีการเบรกฉุกเฉิน

การขับในรอบนี้เราเน้นเรื่องของการขับขี่ในเมือง ตัวรถมีขนาดเล็ก บวกกับพวงมาลัยเบามือ รัศมีวงเลี้ยวแคบมาก ทำให้มีความคล่องตัวสูงที่สุด เราได้ทดลองขับรถเข้าซอยบ้านของผู้เขียนซึ่งจะมีบางแยกแคบมาก ชนิดที่ขับฟอร์ด มัสแตง มาต้องตีวงข้ามไปอีกเลน หรือต้องถอยหลังเพื่อให้เลี้ยวแล้วไม่เบียดกับมุมกำแพง แต่สวิฟท์เลี้ยวได้ทันทีโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเบียดแต่อย่างใด


นอกจากนั้นความคล่องตัวเวลาขับขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่น ยังเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้เราชื่นชอบเช่นเดียวกับเวลาหาที่จอดรถ สะดวกและง่าย ไม่ว่าจะเป็นการถอยจอดเข้าซองปกติหรือถอยจอดขนาดไปตามแนวของถนน เรียกว่าเป็นรถที่เหมาะมากกับการใช้งานในเมือง

เหนือสิ่งอื่นใด คือความสนุกสนานของการขับขี่จากคันเร่งที่ค่อนข้างเบา เหยียบเร่งทันใจ เกินกว่าที่ตัวเลขกำลังระบุเอาไว้ อันเป็นผลลัพธ์ของการใช้เทคโนโลยีหัวฉีดแบบคู่ ซึ่งทำให้การตอบสนองของคันเร่งทำได้อย่างรวดเร็วและไม่สูญเสียกำลัง ส่วนเบรกอุ่นใจได้เต็มร้อยว่าเอาอยู่


จังหวะในการเข้าโค้ง หากเข้าด้วยความเร็วตามปกติ รับประกันว่าเกาะถนนดี แต่ถ้าเข้าโค้งมาแรงสักหน่อย สิ่งที่คุณจะรับรู้คือ การเสียการทรงตัวแบบเบาๆ และสามารถแก้อาการได้โดยไม่ต้องกังวล เรียกว่าเป็นรถที่เอาไว้ฝึกทักษะการควบคุมรถแบบจิมคาน่าได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้น การลองขับแบบทางยาว ระยะทางไปกลับราว 300 กม. บนเส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี ทำได้แบบสบาย ไม่เหนื่อยล้า เสียงลมปะทะและเสียงยางบดพื้นถนนคือสิ่งที่คุณจะได้ยินตลอดการเดินทาง รวมถึงความนุ่มนวลจะไม่เท่ากับรถที่มีขนาดใหญ่กว่า ส่วนการทรงตัวเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงประมาณ 100-120 กม./ชม. มั่นใจในการเกาะถนน ทำได้ดีเท่าที่รถพิกัดนี้ควรจะทำได้


จังหวะเร่งแซง มีรอบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับน่ากังวล โดยส่วนใหญ่แล้วเรียกว่าทันใจดีในทุกย่านความเร็วที่ไม่เกินกฎหมายกำหนด ความเร็วสูงสุดเราลองขับในคราวนี้แตะที่ 150 กม./ชม. ในพื้นที่ปิด การทรงตัวคือสิ่งที่ทำให้เราประทับใจ ส่วนเสียงรบกวนและแรงสะเทือน เราต้องยอมรับ เพื่อแลกกับความมั่นใจในการขับขี่

อัตราการบริโภคน้ำมันลองวัดแบบตั้งใจ การขับในเมืองระยะทางราว 100 กว่ากม. ถนนโล่งสลับหนาแน่น ตัวเลขอยู่ระหว่าง 14-15 กม./ลิตร ส่วนการขับทางยาว ออกต่างจังหวัดนั้นเห็นตัวเลขระหว่าง 22-24 กม./ลิตร สรุปแบบไม่ต้องลังเลว่า ประหยัดสมกับคำว่า อีโคคาร์ ส่วนสิ่งที่สวิฟท์ดูจะเป็นรองคู่แข่ง เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันคงเป็นเรื่องของคุณภาพของวัสดุภายใน และความแพร่หลายของศูนย์บริการ


เหมาะกับใคร

คนที่กำลังมองหารถเล็กใช้งานในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ชอบขับขี่ด้วยความสนุก และยังอยากได้ความประหยัด ภายใต้รูปลักษณ์ที่สะดุดตา ราคาคบหาได้เมื่อเทียบกับสิ่งที่ใส่เพิ่มเข้ามาให้ ซูซูกิ สวิฟท์ ไมเนอร์เชนจ์ คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ตรงสุด


















กำลังโหลดความคิดเห็น