น้อยค่ายหนักที่จะนำรถหรูหรา ราคาแพง มาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบขับกันแบบลุยน้ำ ลุยโคลน ชนิดไม่ห่วงหวงรถกันเลย และหนึ่งในค่ายนั้นคือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ล่าสุดเชิญสื่อมวลชนหญิงสายยานยนต์ ร่วมกิจกรรม Mercedes-Benz SUV Driving Events 2021 การขับสไตล์ออฟโรด ณ สนาม Spirit Adventure Ground จังหวัดนครนายก
กิจกรรมครั้งนี้มีสื่อมวลชนหญิงกว่า 10 สื่อต่างร่วมสัมผัสรถตระกูล GL กันทุกคน เพราะรถที่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ นำมาให้ทดสอบขับ ประกอบไปด้วยเมอร์เซเดส-เบนซ์ GLE 350 de 4MATIC Exclusive / เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC-Class 300 e 4MATIC Coupe AMG Dynamic / เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC 43 4MATIC Coupe / เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC300e 4Matic AMG Dynamic / เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLB 200 Progressive / เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLS 350 d 4MATIC AMG Premium และ เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC-Class GLC 220 d 4MATIC Coupe AMG Dynamic
เมื่อนั่งประจำทีในรถแต่ละคัน พวกเราเริ่มขับออกจากรุงเทพฯมู่งสู่จังหวัดนครนายก เพื่อมาสนามทดสอบ Spirit Adventure Ground โดยช่วงแรกของการขับรถแบรนด์หรูระดับพรีเมียม คงไม่ต้องพูดมาก ด้วยสมรรถนะที่ล้นเหลือ เครื่องยนต์ระดับเทพ ทำให้การขับง่าย อัตราเร่งทันใจตั้งแต่ออกตัว ขับแล้วมั่นใจแม้บ้างช่วงใช้ความเร็วสูง พวงมาลัยคม ช่วงล่างนุ่มนิ่ม ระบบต่าง ๆ ที่มีอยู่ในรถทันสมัยมาก จนบางที่ก็ไม่รู้ปุ่มอะไรบ้าง หากมีเวลาคงต้องนั่งเรียนรู้กันสักพักหนึ่ง ภายในหรูหรา นั่งสบาย สมกับเป็นรถแบรนด์ลักชัวรี่คาร์
ส่วนรถที่จะให้พวกเราลุย เริ่มจากตัวที่เป็นไฮไลน์ของงานคือรถยนต์ดีเซลปลั๊กอินไฮบริด เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLE 350 de 4MATIC Exclusive (เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี 350 ดีอี 4 เมทิค เอกซ์คลูซีฟ )ขุมพลังดีเซล คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน เทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร มาตรฐานยูโร 6 ให้กำลัง 194 แรงม้า ที่ 3,800 รตน. แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่ 1,600-2,800 รตน. ทำงานร่วมกับกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 44.9 กก.-ม. โดยให้กำลังสุทธิ 320 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 71.4 กก.-ม. ส่งกำลังผ่านเป็นเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC สำหรับแบทเตอรีที่ใช้เป็นลิเธียม-ไอออน ความจุ 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่สามารถวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนได้ไกล 106 กม. และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ชม. โดยตัวเลขโรงงานระบุอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6.8 วินาที
ภายในห้องโดยสารของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLE 350 de 4MATIC Exclusive มาพร้อมระบบมัลทิมีเดีย MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่ใช้งานง่ายเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวขณะขับขี่ พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงที่สามารถจดจำข้อมูล และเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานต่างๆ ของผู้ขับขี่เพื่อแจ้งเตือน หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้ง่าย และเหมาะสมที่สุด โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อให้การตอบสนองได้เต็มประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital Widescreen Cockpit ขนาด 12.3 นิ้วจำนวน 2 จอ โดยสามารถเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผล เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการขับขี่ที่หลากหลาย และสะดวกสบายด้วยระบบสัมผัส รวมถึงมี Head-up Display พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันแบบสปอร์ทหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control และแพดเดิล ชิฟท์พร้อมสรรพ ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบปรับไฟฟ้า มีหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง ที่คู่หน้า โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งทำได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสราคาเริ่มต้น 4,699,000 บาท
ด้านของ GLS นำเสนอ Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium รุ่นประกอบในประเทศเป็นเอสยูวีแบบฟูลไซส์ 7 ที่นั่งเช่นเดียวกัน ออกแบบให้มีความกว้างขวางและสะดวกสบายในแบบเดียวกับ S-Class พละกำลังมาจากเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง ความจุ 2.9 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีไมล์ไฮบริด 48V EQ Boost เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC กำลังสูงสุด 286 แรงม้า (PS) อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7 วินาที ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม. อีกทั้งยังรองรับการขับทั้งแบบ ออนโรด ออฟโรด ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full time 4MATIC ราคาประมาณ 6,499,000 บาท
อีกคันเป็น เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLB 200 Progressive ด้วยตัวถังขนาดใหญ่แบบ 7 ที่นั่ง กับเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งรหัส GLB ถือเป็นรหัสใหม่ที่สร้างมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่าง GLA และ GLC ในราคาที่ 2 ล้านปลายๆ เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่มากับอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ (7G-DCT) อัตราเร่ง 0-100 กม.-ชม. ใน 9.1 วินาที ขับเคลื่อนแบบล้อหน้าราคาประมาณ 2,860,000 บาท
พอมาถึงสนาม พี่ป้อม หรือ สุกานดา ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการSpirit of the 4x4 Driving School กล่าวให้การต้อนรับ พร้อมอธิบายสนามที่เราจะใช้รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลงไปลุยว่าสนามแห่งนี้มีพื้นที่ 17 ไร่ 16 สถานี แต่วันนี้คงใช้ไม่หมด เหลือแค่ 10 สถานี พอให้ผู้สื่อข่าวสาว สาว ได้ตื่นเต้นกันเล็กน้อย สำหรับสนามที่นี้ เป็นสนามฝึกของโรงเรียนพัฒนาทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ประกอบด้วย สนามฝึกและอาคารขนาดใหญ่ ผู้อบรมจะได้เรียนรู้เทคนิคทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติขับจริงจากครูฝึกที่เชี่ยวชาญการขับขี่โดยเฉพาะ
การทดสอบแบ่งออกเป็น 10 สถานีย่อย เริ่มตั้งแต่ 1 เนินสลับ 2 เนินชัน 3 ทางทราย 4 เนินสลับในโค้งขวา 5 ทางลื่น 6 ทางลื่นเอียง 7เนินสลับยาว 8 เนินเอียง 9 บ่อโคลน 10 บ่อน้ำ เหตุที่เลือกเหลือแค่ 10 สถานี เพราะว่ารถที่จะใช้ทดสอบ 3 คัน เป็นรถเอสยูวี ทั้ง 10 สถานีเหมาะกับรถประเภทนี้
แน่นอนเมื่อพร้อมที่จะลุย โดยตอนแรกจะมีเจ้าหน้าที่มาขับให้เราดูว่าควรขับแต่ละสถานีอย่างไรให้ผ่านพ้นไปด้วยดี หลังจากนั้นนักข่าวสาว ก็ลุยกันเอง ช่วยกันดู ช่วยกันลุ้นว่าจะรอดหรือไม่ ซึ่งมันก็ไม่ยาก เพราะด้วยสมรรถนะของรถ แรงบิดและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC สามารถขับผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้อย่างสบาย บางจุดที่เป็นเนินชัน ต้องวางตำแหน่งล้อหน้า และล้อหลังไว้บนสันเนินในแนวทแยง เพื่อไม่ให้ชิ้นส่วนใต้ท้องรถที่ระยะห่างจากพื้นไม่มากนักครูดกับพื้น ช่วงลุยในบ่อน้ำก็ไม่ยากเย็นเท่าไร ต้องค่อย ๆ ขับ อย่าเร่งไม่เช่นนั้นล้ออาจติดล่มได้ เพราะใต้น้ำเป็นพื้นดินไม่ใช่ปูน และจาการลองขับในครั้งแรกของแต่ละคน ก็เริ่มมีการขับครั้งที่สอง ครั้งที่สาม สลับรถไป-มา ให้ครบทุกรุ่น กันอย่างสนุกสนาน เพราะหากเรารู้หลักในการขับแล้ว ความมั่นใจมาเต็มร้อย ทีนี้ก็ขับกันไม่เลิกรา จนล่วงเลยเวลาที่เราต้องกลับโรงแรม และฝนกำลังมาจึงต้องยุติ
สรุปง่าย ๆ ระบบการทำงานในรูปแบบการขับเคลื่อน 4 ล้อของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำหน้าที่ของมันได้ดีแบบไม่มีปัญหา แทบไม่ต้องใช้ทักษะในการขับขี่ ออฟโรด อะไรมากมาย รถมันคิดและทำงานแทนเราได้ทุกอย่าง ขอแค่เราควบคุมพวงมาลัย ,คันเร่ง และเบรกให้ทำงานอย่างเหมาะสมกับสภาพเส้นทาง เราก็จะสามารถตะกายผ่านอุปสรรคต่าง ๆ บนทางออฟโรดได้ อย่างสบายพร้อมความสนุกสนาน ตื่นเต้น ตลอดเวลาในการขับ
ถึงบรรทัดนี้อยากจะบอกว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ใจถึงมาก ที่เอารถหรูราคาระดับหลายล้านบาท มาให้สื่อมวลชนสุภาพสตรีได้ลองลุยบนสนามออฟโรด และสุภาพสตรีทุกท่านก็สามารถขับผ่านทุกอุปสรรคอย่างฉลุย งานนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่รถดีอย่างเดียว มันรวมถึงฝีมือของสุภาพสตรีกลุ่มนี้ด้วย