xs
xsm
sm
md
lg

Ford Mustang 2.3 EcoBoost แรงแบบใช้งานได้ทุกวัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ฟอร์ด ทำตลาด “มัสแตง” อย่างเป็นทางการในเมืองไทย เข้าสู่ปีที่ 3 พร้อมการขยับปรับเพิ่มความสดใหม่ ให้กับโมเดลระดับตำนานด้วยรุ่น ฉลองครบรอบ 55 ปี เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีการเพิ่มออปชันต่างๆ หลายรายการ โดยเฉพาะในรุ่น 2.3 EcoBoost ที่เรายังไม่ได้ลองขับแบบเต็มๆ มีเพียงการลองในสนามพีระ เซอร์กิต เมื่อครั้งเปิดตัวเท่านั้น


ฉะนั้นเมื่อมีการปรับเพิ่มออปชัน ทีมงาน "เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง"  จึงถึงโอกาสในการทดลองขับเจ้า มัสแตง รุ่น 2.3 EcoBoost อีกสักครั้งในรูปแบบของการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เพราะครั้งที่ได้ลองนั้นเป็นการขับในสนามแข่งและเปรียบเทียบกับรุ่น V8 อีกด้วย มาดูกันว่า การลองขับแบบจริงจังของรุ่น 2.3 EcoBoost 55th anniversary เป็นอย่างไรบ้าง


ได้เบาะRecaro ราคาเพิ่ม 100,000 บาท

ฟอร์ด มัสแตง รุ่น 2.3 EcoBoost 55th anniversary จุดใหญ่ที่เพิ่มเข้ามาอย่างเห็นได้ชัดที่สุดคือ เบาะนั่งเป็น Recaro ที่ต้องบอกว่า โอบกระชับให้ความรู้สึกสบายและดูแข็งแรง ได้อารมณ์สปอร์ตขึ้นอีกระดับหนึ่ง แม้จะไม่เกี่ยวกับพละกำลังใต้ฝากระโปรง แต่ได้พลังทางจิตใจเพิ่มอย่างแน่นอน โดยมาพร้อมกับป้ายเพลทในรถ Fifty Five Years

หัวใจสำคัญคือ เครื่องยนต์ขนาด 2.3 ลิตร โดยคำว่า EcoBoost ที่พ่วงต่อท้ายคือชื่อเรียกของเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์ของฟอร์ด ที่ประกอบไปด้วยระบบ หัวฉีดเบนซินแบบฉีดตรง Direct injection พร้อมเทอร์โบ ที่มีพลังกำลังสูงสุด 290 แรงม้า ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากรุ่นเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อนที่มีกำลัง 300 แรงม้า ขณะที่แรงบิดถือว่าใกล้เคียงกับของเดิมคือปรับจาก 440 มาเป็น 441 นิวตันเมตร


ระบบส่งกำลังยังคงคบหากับเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 สปีด ผลงานการพัฒนาของฟอร์ด มอเตอร์เอง ที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีในการส่งกำลังให้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังที่มีเฟืองท้ายแบบ Limited Slip Differential ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของเจ้ามัสแตงตัวนี้ โดยมีโหมดการขับให้เลือกใช้งานที่หลากหลายถึง 6 แบบด้วยกัน

ขณะที่อีกหนึ่งออปชันที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัวมากเป็นพิเศษคือ ระบบเครื่องเสียงจาก B&O ซึ่งแค่การเปิดฟังวิทยุ เรายังมีความอิ่มเอมคุณภาพของเสียงดนตรี ซึ่งเดิมไม่ทราบว่าเป็นยี่ห้ออะไร ยังสงสัยว่า ทำไมเสียงดีมากขนาดนี้จนกระทั่งได้เห็นโลโก้ที่ติดอยู่บนคอนโซลหน้า จึงไม่แปลกใจ


นอกนั้นจะเป็นออปชันที่มีมาให้เหมือนเดิม ทั้งระบบความปลอดภัยที่ใส่มาให้แบบเต็มๆ เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System, ระบบเบรกอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน AEB with Pedestrian Detection และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control ที่เราได้ทดลองใช้งานแล้วบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ชอบมาก










ขับสนุก แรง ดิบ

การขับขี่ในรอบนี้เป็นการใช้งานชนิดเต็มรูปแบบเหมือนเช่นเคย โดยแบ่งเป็นการขับขี่ในเมืองกว่า 100 กม. และขับออกนอกเมืองไปต่างจังหวัดกว่า 300 กม. ขับขี่แบบคนปกติทั่วไป แน่นอนว่ามีบางช่วงบางตอนจะต้องหาพื้นที่ว่างเพื่อทดลองความเร็วสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

การขับขี่เริ่มด้วยการใช้งานในเมืองแบบวิ่งฝ่าใจกลางเมือง บอกตามตรงว่า พวงมาลัยหนืดมือสักหน่อย ค่อนข้างเสียวเพราะหน้ารถยาวมาก กะระยะลำบาก รัศมีวงเลี้ยวกว้าง เวลาเข้าซอยหรือที่จอดรถแคบๆ จะต้องตั้งสติให้ดี และใจเย็น บางครั้งตีวงไม่พอจำเป็นต้องถอยหลังเพื่อให้มั่นใจว่าเลี้ยวพ้นอย่างแน่นอนดีกว่า 


การตอบสนองของเครื่องยนต์คือความดีงามเกินกว่าที่คาดเอาไว้มาก โหมด Normal เสียงเบา คันเร่งหนักเท้า ไม่พุ่งมาก เว้นแต่กดหนักๆ เรียกว่า ถ้าเทียบกับรุ่น V8 แล้วเจ้า 2.3 EcoBoost ถูกสร้างมาเพื่อใช้งานได้ทุกวัน และใช้งานในเมืองได้อย่างเหมาะสมกว่า

แต่หากคุณเปลี่ยนมาใช้โหมด S หรือ Sport+ จะได้อารมณ์การขับขี่ที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน คันเร่งเบา แตะเพียงนิดเดียวรถพร้อมจะพุ่งทะยานไปข้างหน้าทันที รอบเครื่องสูงกว่าโหมดปกติ ขับสนุกเร้าใจได้ในทุกย่านความเร็ว ยิ่งถ้ามีจังหวะเร่งแซงจะยิ่งสนุกสนาน ขอเพียงทำความคุ้นเคยกับตัวรถสักหน่อยคุณจะไม่เสียดายเงินที่จ่ายไป


ระบบเบรกแม้จะไม่เทียบเท่ากับรุ่นเครื่องยนต์ V8 แต่ฟอร์ดจัดมาให้เต็มเพียงพอต่อการใช้งานและหยุดยั้งมัสแตงได้ในทุกย่านความเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องตะหนักไว้เสมอ คือระบบช่วงล่างที่หากคุณเข้าโค้งแรงเกินสักหน่อย ท้ายรถพร้อมที่ออก หรือหากแตะเบรกในโค้ง อาการเสียการทรงตัวจะมาให้รู้สึกได้ทันที แต่มั่นใจได้ว่าเอาอยู่

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องรับทราบเอาไว้คือระบบช่วงล่างค่อนข้างดิบ เรารับรู้ได้ทุกรอยต่อของพื้นผิวถนน และหากเทียบกับรถราคาระดับ 3 ล้านกว่าบาทที่เป็นรถยุโรป จะเป็นคนละความรู้สึก เรียกว่าถ้าคุณติดหรือคุ้นเคยกับความสบายในสไตล์ยุโรปแล้วละก็ คุณอาจจะไม่ชอบมัสแตงเพราะเขาคือ ม้าป่าที่พร้อมจะพยศอยู่ตลอดเวลานั่นเอง


สำหรับการลองขับแบบทางยาวๆ ภาพรวมคือ ได้ความสนุก แต่ไม่สบาย อย่างที่บอกไปด้านบนเนื่องจากช่วงล่างที่รับรู้สภาพพื้นผิวถนนได้ค่อนข้างชัด โดยเฉพาะคอสะพานที่คุณต้องเบาคันเร่งหรือเหยียบเบรกเพื่อชะลอความเร็ว มิฉะนั้นจะลำบากตับไตไส้พุงอย่างแน่นอน

ความเร็วที่เราใช้ในการเดินทางยาวอยู่ระหว่าง 80-120 กม./ชม. อัตราเร่งดีมาก จังหวะเร่งแซงหายห่วง บางช่วง เราลองด้วยความเร็วสูงเกินกว่า 120 กม./ชม. การทรงตัวมั่นคง ส่วนความเร็วสูงสุดเราขับไปแตะที่ 200 กม./ชม.ในพื้นที่ปิด ช่วงล่างทรงตัวดี (ทางตรง) มั่นใจได้ไม่ต่างจากการขับด้วยความเร็วปกติ ส่วนการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงไม่แนะนำให้ทำ ถ้าไม่มีทักษะสูงในการควบคุมรถเสียการทรงตัว แม้ตัวรถจะมีระบบความปลอดภัยใส่มาให้ครบถ้วนก็ตาม


อัตราการบริโภคน้ำมันคือสิ่งที่สร้างความประทับใจอย่างมากให้กับเรา ตัวเลขหลังการวิ่งในเมืองระบุ 6.9 กม./ลิตร ตามการแสดงผลบนหน้าจอ ส่วนการขับนอกเมืองตามระยะทางที่กล่าวไว้ข้างต้นเราเห็นตัวเลข 14.5-16.5 กม./ลิตร ส่วนตัวเลขเฉลี่ยกับการขับรวมระยะทางร่วม 500 กม. ในการทดลองขับคราวนี้ได้ตัวเลข 11 กม./ลิตร


เหมาะกับใคร

ฟอร์ด มัสแตง รุ่น 2.3 EcoBoost ตอบโจทย์ให้กับคนที่อยากได้รถสปอร์ตอเมริกันที่เป็นตำนาน พร้อมความสามารถใช้งานได้ทุกวัน สนุกกับความแรงได้ และยังคงความประหยัดหากต้องเดินทางไกล แต่ขอให้ทำใจเอาไว้ว่า ช่วงล่างนั้นจะดิบสมกับฉายา “เจ้าม้าป่า” ที่เป็นโลโก้ในทุกจุดของมัสแตง




















กำลังโหลดความคิดเห็น