เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส ใหม่ รถยนต์ไฟฟ้าหรูดีไซน์สุดเฉียบเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก พร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 523 แรงม้า (PS) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางไกลถึง 770 กิโลเมตร
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส เป็นรถยนต์ไฟฟ้าระดับแฟลกชิพที่ได้รับการพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม Electric Vehicle Architecture (EVA) ซึ่งเปรียบได้กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส เวอร์ชั่นไฟฟ้า ด้วยตัวถังที่มีความยาว 5,216 มม. เทียบกับ เอส-คลาส รุ่นฐานล้อยาวที่มีขนาด 5,289 มม. ส่วนความกว้างตัวถังอยู่ที่ 1,926 มม. และความสูง 1,512 มม.
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ อีคิวเอส 450+ และ อีคิวเอส 580 4MATIC ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ยืนยันว่าจะมีเวอร์ชั่นสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG ออกมาในอนาคต
เริ่มต้นที่ อีคิวเอส 450+ ถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 333 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 568 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 6.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กม./ชม.
ขณะที่ อีคิวเอส 580 4MATIC เสริมความแรงยิ่งขึ้นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 523 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุดถึง 855 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้เท่ากันอยู่ที่ 210 กม./ชม. ส่วนเวอร์ชั่น Mercedes-AMG จะมีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 761 แรงม้า (PS) เลยทีเดียว
แบตเตอรี่ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส มีให้เลือกทั้งหมด 2 ขนาด โดยขนาดใหญ่สุดเท่ากับ 107.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางไกลสุด 770 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมสถาปัตยกรรมไฟฟ้าแบบ 400 โวลต์ ที่รองรับระบบชาร์จด่วนขนาด 200 กิโลวัตต์ เพื่อให้ได้ระยะทางขับขี่ราว 300 กิโลเมตร ในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น แต่หากใช้ระบบชาร์จมาตรฐานขนาด 11 กิโลวัตต์ จะใช้เวลาอยู่ที่ 10 ชั่วโมงจนกว่าจะเต็ม หรือผ่านวอลล์บ็อกซ์ขนาด 22 กิโลวัตต์จะใช้เวลาเหลือเพียง 5 ชั่วโมง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส ถูกติดตั้งระบบนำทาง Navigation with Electric Intelligence ที่สามารถคำนวณเส้นทางเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถหยุดแวะชาร์จไฟได้อย่างเหมาะสม และสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางได้ตามสภาพการจราจรและพฤติกรรมการขับขี่ อีกทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชั่น Plug & Charge ที่สามารถจ่ายค่าบริการชาร์จไฟได้อัตโนมัติผ่านผู้ให้บริการ Ionity ในยุโรปอีกด้วย
ดีไซน์ภายนอกของ อีคิวเอส ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้า ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.20 เท่านั้น อีกทั้งยังพัฒนาให้ช่องว่างระหว่างรอยต่อบนตัวถังมีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสริมความทันสมัยด้วยไฟหน้าแบบ Digital Light รับกับแผงกระจังหน้าแบบทึบสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้าตระกูล อีคิว ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขณะที่ไฟท้ายถูกออกแบบให้เป็นแนวนอนลากยาวเชื่อมเข้ากันทั้งสองข้าง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส มาพร้อมช่วงล่างถุงลมไฟฟ้า Airmatic พร้อมระบบเลี้ยวล้อหลัง Rear-axle Steering เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งสามารถหมุนล้อหลังได้สูงสุด 4.5 องศาเพื่อความสะดวกในการเข้าจอดที่แคบๆ พร้อมด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วเป็นขนาดเริ่มต้น และขยายเป็นขนาด 21 นิ้วได้
ไฮไลท์เด่นภายในห้องโดยสารของ อีคิวเอส อยู่ที่หน้าจอ MBUX Hyperscreen ขนาดกว้างถึง 141 เซนติเมตร ซึ่งรวมเอาหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว, หน้าจอกลางแบบ OLED ขนาด 17.7 นิ้ว และหน้าจอ OLED สำหรับผู้โดยสารขนาด 12.3 นิ้วเข้าไว้ด้วยกัน เสริมด้วยหน้าจอแท็บเล็ตขนาด 11.6 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่สามารถถอดออกเพื่อนำไปใช้งานนอกรถได้
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส ยังถูกติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Drive Pilot ซึ่งสามารถใช้งานได้บนถนนหลวงของเยอรมนีด้วยความเร็วสูงสุดไม่เกิน 60 กม./ชม. โดยฟังก์ชั่นดังกล่าวมาพร้อมแพ็คเกจ Driving Assistant Package ที่ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ LiDAR และเซ็นเซอร์อีกมากมายรอบคัน รวมไปถึงกล้องติดตั้งบริเวณกระจกหลังและไมโครโฟนเพื่อใช้สำหรับหลีกทางให้รถฉุกเฉินอีกด้วย
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส ใหม่ ถูกระบุว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในยุโรปตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 นี้เป็นต้นไป