2563 มอเตอร์โชว์ ทั่วโลกต่างรูดม่านปิดฉากและยกเลิกจัดงานหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 หนักหน่วงและรุนแรงโดยเฉพาะในหลายประเทศที่ถือว่าเป็นเวทีหลักของการจัดงานมอเตอร์โชว์ระดับชั้นแนวหน้าของโลก ทั้งมอเตอร์โชว์ระดับชั้นแนวหน้าของโลก ทั้งเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา และปารีส ฝรั่งเศส
คำถามที่เกิดขึ้นในปี 2564 คือ แล้วในปีนี้ บรรดางานมอเตอร์โชว์ทั้งหลายจะยังมีจัดกันอยู่อีกหรือไม่ ?
แน่นอนว่า ภาพรวมของการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้แย่เหมือนกับปี 2563 แถมตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกก็เริ่มทยอยฉีดวัคซีนกันแล้ว ซึ่งการมาของวัคซีนแม้ว่าจะคือความหวังที่ทำให้โควิด-19 มีความรุนแรงลดลงและกลายเป็นแค่ไข้หวัดประเภทหนึ่ง แต่ทว่าการที่จะฉีดวัคซีนให้กับคนทั่วโลกมากพอที่จะทำให้เกิดสภาพเช่นนั้นได้นั้นก็ยังต้องใช้เวลา และมีจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนมากพอที่จะสร้างเกราะในการลดการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นจึงทำให้การเดินทางระหว่างกันเหมือนกับที่เป็นในอดีตยังไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้ในเร็ววันนี้
ตรงนี้ก็เลยส่งผลโดยตรงไปยังงานอีเวนต์ต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายในการเดินทางไปเยี่ยมชม และปีนี้ งานมอเตอร์โชว์ระดับโลกทั้งหลายก็ยังถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่พร้อมจะยกเลิกการจัดงานทันที หากเกิดการกลับมาแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของ โควิด-19 อีกครั้ง
เจนีวา มอเตอร์โชว์ปิดเทอมยาว
จากที่เคยภาคภูมิใจว่าคืองานมอเตอร์โชว์ระดับนานาชาติรายการต้นๆ ของปี แต่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ กลับทำให้เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2564 ยังเป็นงานที่ไม่มีความแน่นอน และถูกยกเลิกการจัดงานต่อไปเหมือนกับปี 2563 ซึ่งเป็นครั้งที่ 90 ของการจัดงาน
จริงอยู่ที่ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะไม่ได้รุนแรงเหมือนกับปีที่ผ่านมา แต่ทว่าในเมื่อภาครัฐยังไม่ยกเลิกข้อบังคับในการห้ามจัดงานที่มีการรวมตัวกันของคนบนพื้นที่เดียวกันในระดับ 1,000 คน ดังนั้น งานนี้จึงถูกยกเลิกไปโดยปริยายเช่นเดียวกับงานนาฬิกาอย่าง Basel World ที่มักจะจัดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
สำหรับในปี 2564 จากเดิมมีการประกาศแผนการจัดงานออกมาแล้วโดยจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 4-14 มีนาคม แต่ทว่าในเดือนกรกฎาคม 2563 ทางผู้จัดงานก็มองเห็นแล้วว่ายังไงก็คงจะไม่สามารถจัดงานได้อีกปีอย่างแน่นอนตามที่ได้ให้เหตุผลไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงก่อนหน้านี้ทางผู้จัดก็มีการหยั่งเชิงไปยังบรรดาแบรนด์รถยนต์ทั้งหลาย ซึ่งส่วนใหญ่ให้คำตอบว่ายังไม่พร้อมที่จะกลับมาร่วมงานในปี 2564 อาจจะด้วยเหตุผลประกอบการที่ติดลบมาจากปี 2563 เช่นเดียวกับการมองไม่เห็นความจำเป็นในการเข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์เหล่านี้ ดังนั้น ทางผู้จัดงานก็เลยประกาศยกเลิกการจัดงานในปี 2564 กันตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563
สถานการณ์ยังไม่สู้ดีแม้อยากจะจัด
แน่นอนว่าด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการเดินทางที่ยากจะทำให้คนปริมาณหลักล้านคนเดินเข้ามาชมงานถึงสถานที่จัดเหมือนกับที่ผ่านมา
ดังนั้น งานส่วนใหญ่จึงเจอปัญหาในเรื่องของปริมาณผู้คนที่เข้ามาดูงานถึงสถานที่จริง ซึ่งจะใช้ในการเคลมในแง่ของ Traffic โดยถ้าอยู่ในสภาพปกติแล้ว แต่ละงานมอเตอร์โชว์จะมีคนจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนตลอดช่วงของการจัดงาน แต่ในเมื่อการเดินทางระหว่างกันน้อยลงจนแทบจะไม่เหลือ เช่นเดียวกับมาตรการป้องกันที่เข้มงวด จำเป็นจะต้องมีการกักตัว 10-14 วันแล้วแต่ละประเทศ ทำให้มอเตอร์โชว์รายการใหญ่ๆ ที่มักจะดึงคนจากทั่วโลกให้มาสัมผัสถึงสถานที่จริงจึงเจอปัญหาเข้าไปเต็มๆ
อย่างไรก็ตาม บางงานยังไม่ประกาศยกเลิกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่เลือกที่จะซื้อและยื้อเวลาออกไป เหมือนอย่างงานนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ ที่ตามปกติแล้วมักจะจัดในช่วงรอยต่อระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน แต่สำหรับปีนี้ถูกเลื่อนไปเป็นเดือนสิงหาคมเลย (20-29 สิงหาคม) โดยทางผู้จัดเองก็หวังว่าเมื่อถึงช่วงเวลานั้นบวกกับปริมาณคนฉีดวัคซีนมากขึ้นเรื่อยๆ น่าจะทำให้โลกของเรากลับมามีสภาพที่ใกล้เคียงกับยุคที่เรายังไม่รู้จักกับโควิด-19
สำหรับบางที่อยู่ในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น จีน งานอย่าง Auto Shanghai ถูกวางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการจัดงานในระหว่างวันที่ 21-28 เมษายน เช่นเดียวกับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2564 ที่เพิ่มผ่านมาระหว่างวันที่ 24 มีนาคมถึง 4 เมษายนนี้
2564 จะไม่มีดีทรอยต์และแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์
ทางผู้จัดงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์น่าจะเซ็งไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2563 เพราะนี่คือปีแรกที่พวกเขาเลือกจัดงานในช่วงหน้าร้อน (ของอเมริกา) แทนที่จะเป็นช่วงหน้าหนาวเหมือนกับที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2563 พวกเขาย้ายมาจัดงานในเดือนมิถุนายน แต่ทุกอย่างก็ล้มเลิกหมด และทำให้ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2563 กับการเป็นงาน Summer Event ต้องการกลายเป็นแค่ภาพร่างบนกระดาษ
แม้ว่าผู้จัดงานจะยื้อการจัดงานด้วยการเลื่อนไปเป็นช่วงปลายปี แต่อย่างที่เราทราบกันดีว่า ในช่วงนั้น ประเทศสหรัฐอเมริกาคือพื้นที่ซึ่งเป็นอันตรายและมีสีเข้มกว่าสีแดงด้วยซ้ำ เพราะมีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันสูงในระดับเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ
ขณะที่แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ที่จัดโดย IAA ในปีนี้จะเป็นคิวของพวกเขา เพราะงานนี้จัดขึ้นทุก 2 ครั้งต่อปีในปีค.ศ.ที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ ดังนั้นจึงถือเป็นครั้งแรกของทีมงานที่จะต้องเจอกับสภาพของ โควิด-19 เพราะในปี 2563 พวกเขาไม่ได้จัดอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือ ทั้ง 2 งานใหญ่นี้มีความเปลี่ยนแปลงในเชิงของภาพลักษณ์และรูปแบบการทำงาน ซึ่งดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ก็ถูกยกเลิกในปี 2564 แต่ผู้จัดก็พยายามหางานรูปแบบใหม่เข้ามาทดแทน และมีการจัดในช่วงเดือนกันยายนในระหว่างวันที่ 21-26 และจะใช้ชื่อว่า Motor Bella แทน เพื่อสื่อถึงรูปแบบงานที่ง่ายๆเหมือนกับงานมิสติ้งมากกว่า
แต่ที่น่าตกใจคืออีกงาน ซึ่งเราจะไม่มีแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์อีกต่อไป เพราะตัวงานถูกทางผู้จัดซึ่งก็คือ IAA ย้ายวิกมาลงที่เมืองมิวนิกแทน และใช้ชื่อว่า IAA Mobility 2021 โดยจากการเปิดเผยของผู้จัดพบว่าในปี 2019 ยอดตัวเลขคนเข้าชมงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ลดลงถึง 30% และเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งงานมอเตอร์โชว์อาจจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขาอีกต่อไปก็ได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะถึงการได้ข้อสรุปที่ชัดเจนกว่านี้ ทาง IAA ตัดสินใจย้ายเวทีของการจัดงานมาอยู่ที่มิวนิกแทนพร้อมเปลี่ยนแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์มาเป็น IAA Mobility แทน ด้วยความคาดหวังว่าความใหม่สดและแปลกใหม่ของสถานที่ น่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเข้ามาชมงานกันมากขึ้น เช่นเดียวกับการตรึงให้แบรนด์รถยนต์ต่างๆ ยังไม่ตัดสินใจทิ้งงานมอเตอร์โชว์ไป ขณะที่โตเกียว มอเตอร์โชว์ในประเทศญี่ปุ่น ต้องบอกว่า ณ ตอนนี้ทุกงานอย่างสนิท และไม่มีรายละเอียดของตัวงานเปิดเผยออกมาเลย ณ ตอนนี้
O2O หรือจะเป็น Virtual Motorshow
การเกิดโควิด-19 ทำให้เกิดอะไรใหม่ๆ ที่เป็นทางออกในการจัดการของบรรดาผู้จัดงานด้วยเช่นกัน และนั่นทำให้ในปีที่แล้วเราคุ้นหูกับคำว่า Virtual Motorshow หรือ Virtual Event กันมากขึ้น เพราะหลายค่ายจัดงานในลักษณะที่เน้นการเข้ามาชมงาน หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของตัวเองบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์แทน ซึ่งนั่นทำให้รูปแบบในการนำเสนองานมอเตอร์โชว์ถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากเดิมที่มีเครื่องมือเดียวบนช่องทางออฟไลน์
แน่นอนว่า Virtual Motorshow ได้ผลดีในยุคที่โควิด-19 ยังระบาด เพราะบรรดา Traffic ยังต้องอยู่กับบ้านไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ดังนั้น การดึงคนทั่วโลกให้มาอยู่บนแพล็ตฟอร์มออนไลน์นั้นจึงเป็นทางออกที่เหมาะสม และสอดคล้องกับสถิติในเรื่องการเข้าถึงแพล็ตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ มากขึ้นในช่วงที่หลายประเทศมีการล็อคดาวน์ และคนต้องอยู่ในบ้าน เพราะนอกจากจะลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้จัดงานสามารถเก็บข้อมูลหลากหลายเพื่อนำไปต่อยอดในการวิเคราะห์ข้อมูลหรือการทำ Big Data ต่อไปได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สำหรับบางงานที่ยังสามารถจัดงานบนพื้นที่ (Physical Motorshow) ได้ พวกเขาก็นำแนวคิด O2O หรือ Offline to Online เข้ามาใช้ คือ ยังมีพื้นที่สำหรับจัดแสดงงานตามปกติ แต่ก็มีแพล็ตฟอร์มบนออนไลน์เข้ามาเสริมป็นอีกช่องทางในการเข้าถึงงาน และแพล็ตฟอร์มส่วนใหญ่พวกนี้มีการพัฒนาให้มีลูกเล่นที่น่าสนใจอย่างเช่น การหมุน 360 องศาเพื่อให้ผู้ชมสามารถหมุนรถเพื่อดูซอกมุมต่างๆ ได้ครบถ้วน ถือเป็นการช่วยเติมเต็มและทำให้การเข้าถึงงานเป็นเรื่องง่ายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลังจากที่วัคซีนสามารถทำหน้าที่ได้ดี และโควิด-19 เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคย รวมถึงคนทั่วไปสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว น่าจะเป็นบทพิสูจน์ต่อไปว่า Virtual Motorshow หรือ Virtual Event จะเป็นอย่างไรต่อไป ที่แน่ๆ คงไม่หายไปเพียงแต่จะถูกปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง