เปิดเผยความลับของ i-Smart พระเอกผู้อยู่เบื้อหลังปฏิบัติการล่ารถคืนได้สำเร็จครบถ้วน ทั้ง 16 คัน ด้วยการใช้เวลาเพียง 16 ชั่วโมงนับจากที่ทราบเรื่องว่าเกิดการหลอกหลวงขึ้น MG ทำได้อย่างไร ติดตามกันได้
จากกรณี แก๊งคนร้ายร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอมเพื่อหลอกซื้อรถยนต์จากตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อเอ็มจี โดยได้รับการส่งมอบรถยนต์ไปทั้งสิ้น 16 คัน ดังข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ร่วมมือกับผู้เสียหายและบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ติดตามรถยนต์ทั้งหมด 16 คันคืนกลับมาเรียบร้อยแล้ว
ทีมงานเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ขอนำเสนอเบื้องหลังปฎิบัติการไล่ติดตามหารถทั้ง 16 คัน คืนได้ภายในเวลาเพียง 16 ชั่วโมง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับทุกท่านหากเกิดกรณีต้องตามหารถของตัวเอง(ที่มีระบบ i-Smart) ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่สามารถรองรับการทำงานในลักษณะเช่นนี้ได้
ปฏิบัติการเริ่มต้นทันทีหลังจากที่ ทีมฝ่ายขายได้ทราบเรื่องว่า มีการปลอมแปลงสลิปและจะต้องหาวิธีติดตามนำรถยนต์ทั้ง16คันคืนกลับมาให้ไว้ที่สุด ในความโชคร้ายมักจะมีความโชคดีอยู่ด้วยเสมอ เนื่องจากผู้ซื้อนั้นเลือกรถที่เป็นรถท็อปสุดซึ่งมีระบบ i-Smart จำนวน 15 คัน มีเพียงคันเดียวเท่านั้นที่ไม่มีระบบดังกล่าว
เมื่อทีมติดตามรถของดีลเลอร์ทราบว่ารถที่จำหน่ายไปมีระบบ i-Smart ติดตั้งไว้ จึงได้ประสานงานกับทางฝ่ายเทคนิคของบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเปิดระบบติดตาม ซึ่งโดยปรกติ เจ้าของรถที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะสามารถติดตามรถได้ด้วยตัวเอง ผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้เรียบร้อย แต่เนื่องจากกรณีนี้รถยนต์ดังกล่าวยังเป็นรถใหม่ป้ายแดงที่ออกจากโชว์ได้เพียงไม่กี่วัน จึงยังไม่มีการลงทะเบียน (การส่งมอบรถเริ่มตั้งแต่ 25-31 มีนาคม โดยประมาณ)
ดังนั้น จึงต้องมีการลงทะเบียนก่อน และด้วยเหตุจากการหลอกหลวงดังกล่าว ทำให้ต้องอาศัยฝ่ายดูแลระบบของเอ็มจีเป็นผู้ดำเนินการให้ ซึ่งขั้นตอนนี้ปกติจะทำได้เฉพาะเจ้าของรถตัวจริงเท่านั้น และเป็นกรณีที่เจ้าของรถทำมือถือหายหรือมือถือถูกโจรกรรมไปพร้อมกับตัวรถ โดยจะมีการยืนยันตัวตนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของก่อน โดยทางดีลเลอร์ ในฐานะผู้เสียหายได้ล็อกอินเข้าระบบเพื่อติดตามนำรถกลับคืนมา
รถทั้งหมด 16 คันถูกระบบตรวจพบว่าอยู่ที่ ชลบุรี 9 คัน, กรุงเทพฯ 5 คัน, สระแก้ว 1 คัน และ ปราจีนบุรี 1 คัน โดยคันแรกทีมงานติดตามด้วยระบบ i-Smart ที่สามารถระบุตำแหน่งพิกัดได้อย่างแม่นยำ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าไปตรวจและเจรจานำกลับคืนมาได้ หลังจากนั้นได้ล็อกอินและตรวจสอบทีละคัน จนกระทั่งครบจำนวน
ทั้งนี้ นับเป็นความโชคดีอีกครั้งที่รถคันที่ไม่มีระบบi-Smart นั้นจอดอยู่ด้วยกันกับอีกหนึ่งคันที่มี จึงตรวจยึดกลับมาได้พร้อมกัน ขณะที่บางคันเป็นการไล่หาเจอในช่วงกลางดึก ซึ่งเจ้าของบ้านหลับหมดแล้ว ไม่สามารถเข้าไปเรียกได้ จึงได้สั่งการให้รถเปิดระบบส่งเสียงร้อง ที่ปกติใช้ในกรณีที่เราหารถที่จอดไม่เจอ ซึ่งเมื่อเปิดระบบดังกล่าวรถจะส่งเสียงร้องเรียก ทำให้ผู้ที่ครอบครองรถต้องมาดูรถ จึงสามารถเจรจาขอกลับคืนมาได้
การระบุพิกัดตำแหน่งของระบบ i-Smart นั้นมีความแม่นยำสูงมากในระดับที่ เมื่อส่งตำแหน่งที่ตั้งให้ตำรวจ ตำรวจสามารถไปหารถจนเจอได้ รวมถึงการสั่งล็อก-ปลดล็อกตัวรถได้ ทำให้สามารถเข้าครอบครองรถได้อย่างง่ายดาย โดยปฏิบัติการทั้งหมดนับตั้งแต่ทราบเรื่องเริ่มค้นหาคันแรกจนถึงการพบคันสุดท้ายใช้เวลาเพียง 16 ชั่วโมงเท่านั้น
อนึ่ง สาเหตุที่ทำให้ระบบหารถเจอแม้จะจอดอยู่เฉยๆ มิได้มีการติดเครื่องยนต์นั้นเป็นผลงานของ sleep mode ที่จะทำงานตลอดเวลา อันเป็นต้นเหตุของแบตเตอรี่ของรถเอ็มจี ที่มีระบบ i-Smart จะหมดไวกว่ารถที่ไม่มีการติดตั้งระบบนี้ แน่นอนว่า หากให้ต้องเลือกระหว่างแบตเตอรี่หมดไวกับรถหายได้คืน เชื่อว่าทุกท่านมีคำตอบในการเลือก
“จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ทำให้เรากำลังพิจารณาว่า จะติดตั้งระบบ i-Smart ให้กับรถทุกรุ่นของเอ็มจี ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์มากกว่ารถที่ไม่มีระบบนี้ แต่แน่นอนว่าจะต้องมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการใช้งานของระบบนั้น ปัจจุบันยังคงฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นเวลา 5 ปีนับจากวันออกรถ ซึ่งยังไม่มีรถคันใดมีอายุเกิน 5 ปี จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าค่าใช้จ่ายในการใช้งานระบบ i-Smart จะเป็นเท่าใด” นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
สำหรับมูลค่าของรถยนต์ทั้งหมดคือ 16.2 ล้านบาท หากได้รับรถยนต์คืนแล้วทางดีลเลอร์ ยืนยันว่าจะนำรถไปดำเนินการใช้งานในองค์กรหรือจัดทำเป็นรถเช่าให้บริษัทในเครือ โดยมิได้นำรถมาขายเป็นรถใหม่แต่อย่างใด ส่วนขบวนการฉ้อฉลนั้นให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งจะมีการตรวจสอบระบบการทำงานภายในองค์กรด้วยว่ามีความผิดพลาดตรงจุดไหนบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นอีก
จากกรณี แก๊งคนร้ายร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอมเพื่อหลอกซื้อรถยนต์จากตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อเอ็มจี โดยได้รับการส่งมอบรถยนต์ไปทั้งสิ้น 16 คัน ดังข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ร่วมมือกับผู้เสียหายและบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ติดตามรถยนต์ทั้งหมด 16 คันคืนกลับมาเรียบร้อยแล้ว
ทีมงานเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ขอนำเสนอเบื้องหลังปฎิบัติการไล่ติดตามหารถทั้ง 16 คัน คืนได้ภายในเวลาเพียง 16 ชั่วโมง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับทุกท่านหากเกิดกรณีต้องตามหารถของตัวเอง(ที่มีระบบ i-Smart) ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่สามารถรองรับการทำงานในลักษณะเช่นนี้ได้
ปฏิบัติการเริ่มต้นทันทีหลังจากที่ ทีมฝ่ายขายได้ทราบเรื่องว่า มีการปลอมแปลงสลิปและจะต้องหาวิธีติดตามนำรถยนต์ทั้ง16คันคืนกลับมาให้ไว้ที่สุด ในความโชคร้ายมักจะมีความโชคดีอยู่ด้วยเสมอ เนื่องจากผู้ซื้อนั้นเลือกรถที่เป็นรถท็อปสุดซึ่งมีระบบ i-Smart จำนวน 15 คัน มีเพียงคันเดียวเท่านั้นที่ไม่มีระบบดังกล่าว
เมื่อทีมติดตามรถของดีลเลอร์ทราบว่ารถที่จำหน่ายไปมีระบบ i-Smart ติดตั้งไว้ จึงได้ประสานงานกับทางฝ่ายเทคนิคของบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเปิดระบบติดตาม ซึ่งโดยปรกติ เจ้าของรถที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะสามารถติดตามรถได้ด้วยตัวเอง ผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้เรียบร้อย แต่เนื่องจากกรณีนี้รถยนต์ดังกล่าวยังเป็นรถใหม่ป้ายแดงที่ออกจากโชว์ได้เพียงไม่กี่วัน จึงยังไม่มีการลงทะเบียน (การส่งมอบรถเริ่มตั้งแต่ 25-31 มีนาคม โดยประมาณ)
ดังนั้น จึงต้องมีการลงทะเบียนก่อน และด้วยเหตุจากการหลอกหลวงดังกล่าว ทำให้ต้องอาศัยฝ่ายดูแลระบบของเอ็มจีเป็นผู้ดำเนินการให้ ซึ่งขั้นตอนนี้ปกติจะทำได้เฉพาะเจ้าของรถตัวจริงเท่านั้น และเป็นกรณีที่เจ้าของรถทำมือถือหายหรือมือถือถูกโจรกรรมไปพร้อมกับตัวรถ โดยจะมีการยืนยันตัวตนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของก่อน โดยทางดีลเลอร์ ในฐานะผู้เสียหายได้ล็อกอินเข้าระบบเพื่อติดตามนำรถกลับคืนมา
รถทั้งหมด 16 คันถูกระบบตรวจพบว่าอยู่ที่ ชลบุรี 9 คัน, กรุงเทพฯ 5 คัน, สระแก้ว 1 คัน และ ปราจีนบุรี 1 คัน โดยคันแรกทีมงานติดตามด้วยระบบ i-Smart ที่สามารถระบุตำแหน่งพิกัดได้อย่างแม่นยำ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าไปตรวจและเจรจานำกลับคืนมาได้ หลังจากนั้นได้ล็อกอินและตรวจสอบทีละคัน จนกระทั่งครบจำนวน
ทั้งนี้ นับเป็นความโชคดีอีกครั้งที่รถคันที่ไม่มีระบบi-Smart นั้นจอดอยู่ด้วยกันกับอีกหนึ่งคันที่มี จึงตรวจยึดกลับมาได้พร้อมกัน ขณะที่บางคันเป็นการไล่หาเจอในช่วงกลางดึก ซึ่งเจ้าของบ้านหลับหมดแล้ว ไม่สามารถเข้าไปเรียกได้ จึงได้สั่งการให้รถเปิดระบบส่งเสียงร้อง ที่ปกติใช้ในกรณีที่เราหารถที่จอดไม่เจอ ซึ่งเมื่อเปิดระบบดังกล่าวรถจะส่งเสียงร้องเรียก ทำให้ผู้ที่ครอบครองรถต้องมาดูรถ จึงสามารถเจรจาขอกลับคืนมาได้
การระบุพิกัดตำแหน่งของระบบ i-Smart นั้นมีความแม่นยำสูงมากในระดับที่ เมื่อส่งตำแหน่งที่ตั้งให้ตำรวจ ตำรวจสามารถไปหารถจนเจอได้ รวมถึงการสั่งล็อก-ปลดล็อกตัวรถได้ ทำให้สามารถเข้าครอบครองรถได้อย่างง่ายดาย โดยปฏิบัติการทั้งหมดนับตั้งแต่ทราบเรื่องเริ่มค้นหาคันแรกจนถึงการพบคันสุดท้ายใช้เวลาเพียง 16 ชั่วโมงเท่านั้น
อนึ่ง สาเหตุที่ทำให้ระบบหารถเจอแม้จะจอดอยู่เฉยๆ มิได้มีการติดเครื่องยนต์นั้นเป็นผลงานของ sleep mode ที่จะทำงานตลอดเวลา อันเป็นต้นเหตุของแบตเตอรี่ของรถเอ็มจี ที่มีระบบ i-Smart จะหมดไวกว่ารถที่ไม่มีการติดตั้งระบบนี้ แน่นอนว่า หากให้ต้องเลือกระหว่างแบตเตอรี่หมดไวกับรถหายได้คืน เชื่อว่าทุกท่านมีคำตอบในการเลือก
“จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ทำให้เรากำลังพิจารณาว่า จะติดตั้งระบบ i-Smart ให้กับรถทุกรุ่นของเอ็มจี ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์มากกว่ารถที่ไม่มีระบบนี้ แต่แน่นอนว่าจะต้องมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการใช้งานของระบบนั้น ปัจจุบันยังคงฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นเวลา 5 ปีนับจากวันออกรถ ซึ่งยังไม่มีรถคันใดมีอายุเกิน 5 ปี จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าค่าใช้จ่ายในการใช้งานระบบ i-Smart จะเป็นเท่าใด” นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
สำหรับมูลค่าของรถยนต์ทั้งหมดคือ 16.2 ล้านบาท หากได้รับรถยนต์คืนแล้วทางดีลเลอร์ ยืนยันว่าจะนำรถไปดำเนินการใช้งานในองค์กรหรือจัดทำเป็นรถเช่าให้บริษัทในเครือ โดยมิได้นำรถมาขายเป็นรถใหม่แต่อย่างใด ส่วนขบวนการฉ้อฉลนั้นให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งจะมีการตรวจสอบระบบการทำงานภายในองค์กรด้วยว่ามีความผิดพลาดตรงจุดไหนบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นอีก