xs
xsm
sm
md
lg

MG HS PHEV เน้นขับในเมือง ลูกเล่นล้น ได้ใจคนชอบความคุ้ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี (MG HS PHEV) เปิดตัวมาพร้อมกับกระแสตอบรับทั้งบวกและลบ รวมข้อสงสัยต่างๆ หลายประการ ด้วยราคาค่าตัวที่ 1,359,000 บาท มองจากคู่แข่งในคลาสรถปลั๊กอินไฮบริดด้วยกัน นี่คือราคาที่ถูกมากจนน่าตื่นตะลึง มองอีกด้านจากมุมลูกค้าที่สนใจ เอชเอส เครื่องยนต์ปกติ เทียบกับรุ่น PHEV จะมีราคาสูงกว่าถึงประมาณ 240,000 บาท จ่ายแพงขึ้นระดับนี้ ถือว่าไม่น้อย ดังนั้นประเด็นนี้ไม่มีผิดถูก เพราะเป็นข้อเท็จจริง ซึ่งขึ้นกับว่ามองมาจากมุมไหน


สำหรับในส่วนของตัวผลิตภัณฑ์ เอชเอส พีเอชอีวี จะเป็นอย่างไร มีอะไรน่าสนใจบ้าง ทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้ทดลองขับแบบ 1 วันเต็ม ใช้งานในเมืองเพื่อพิสูจน์ การวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนว่าจะได้ระยะทางเท่าใด และน่าคบหาเพียงใด เชิญติดตาม


PHEV ออพชันแน่น


ก่อนอื่นเราขอเรียกเอชเอส พีเอชอีวี แบบเข้าใจง่ายๆว่า “รถแบรนด์อังกฤษ ผลิตไทย ดีไซน์จีน ชิ้นส่วนยุโรป” โดยขอทบทวนความรู้พื้นฐานกันสักนิด เอ็มจี เป็นแบรนด์ของอังกฤษที่มีประวัติศาสตร์ร่วม 100 ปี ผ่านการเปลี่ยนเจ้าของมาหลายครั้งล่าสุด อยู่ภายใต้การดูแลของ เอสเอไอซี มอเตอร์(SAIC) จากจีน ซึ่งใช้แบรนด์นี้ในการบุกตลาดโลก โดยการทำตลาดในเมืองไทยร่วมมือกับ ซีพี ก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทยเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตทั้งป้อนตลาดไทยและส่งออก


สำหรับเอชเอส พีเอชอีวี เป็นรถแบบอเนกประสงค์เอสยูวี มีรุ่นเครื่องยนต์ปกติทำตลาดอยู่ก่อน ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริด เพิ่งตามออกมาด้วย หัวใจบรรจุเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาดกำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร ตามสเปค เอ็มจี เคลมกำลังสูงสุดรวมเอาไว้ที่ 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร


แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมไอออน ขนาด 16.6 กิโลวัตต์ กรณีที่เกิดการเสียหายหรือเสื่อมสภาพสามารถแยกเปลี่ยนเฉพาะโมดูลได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตทั้งลูก และมีการรับประกันเฉพาะแบตเตอรี่ยาวนาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทางวิ่ง โดยสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนเคลมระยะที่ 67 กม.


ระยะเวลาการชาร์จไฟ ถ้าชาร์จแบบปกติ (AC) ด้วยชุด MG Home Charger ที่ติดตั้งเพิ่มให้ฟรี (สามารถชาร์จไฟให้กับรถ PHEV แบรนด์ยุโรปได้ทุกรุ่น) จะใช้เวลาชาร์จเต็มราว 4 ชั่วโมง ถ้าชาร์จด้วยสายที่ติดมากับตัวรถจะใช้เวลาราว 5 ชั่วโมง โดยหัวชาร์จเป็นแบบไทร์ป2 ส่วนการชาร์จด้วยที่ชาร์จแบบเร็ว (DC) ไม่สามารถทำได้ เพื่อความปลอดภัยและยึดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่




การออกแบบภายนอกของรุ่นพีเอชอีวี โดยภาพรวมแทบไม่แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติ มีเพียงลายล้อแม็กที่แตกต่างอย่างชัดเจน และเพิ่มจุดชาร์จไฟฟ้าเข้ามา ขณะที่ภายในจะเป็นทางเลือกที่ฉีกไปจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติ โดยมากับสีใหม่ให้เลือกระหว่าง สีดำล้วน กับสีขาวสลับน้ำเงิน โดยเบาะนั่งคู่หน้าแบบแบบสปอร์ตขนาดใหญ่ ซึ่งจุดนี้เองที่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่ไม่ชอบเบาะแดงของเอชเอสรุ่นปกติ ขยับมาเล่นรุ่น PHEV แทนได้






ออพชันที่โดดเด่นมีหลายรายการ เช่น ระบบเครื่องเสียงจาก BOSE 8.1 Surround Sound, หน้าจอแสดงผลขนาด 12 นิ้ว ที่ดูล้ำสมัยให้ข้อมูลครบถ้วนมาก, หน้าจอความบันเทิงขนาด 10 นิ้วระบบสัมผัส ที่มาพร้อมระบบ i-Smart ควบคุมสั่งการได้แทบทุกอย่างผ่านมือถือ และรองรับการอัพเกรดได้ในอนาคต ฟรีค่าบริการ 5 ปี


ระบบความปลอดภัย จัดมาให้อย่างเต็มพิกัดที่สุด 25 รายการเด่นๆ ล้ำสมัย เช่น ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน (ACC), ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน (LKA), ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว(XDS), ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนทางด้านหน้า(FCW) และระบบเตือนมุมอับสายตา(BSD) เป็นต้น






























ลองวิ่งในเมืองเต็มวัน


การทดลองขับในคราวนี้เป็นการให้ขับแบบกำหนดจุดวิ่งผ่านใจกลางเมือง เพื่อทดลองตามลักษณะของการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โดยมีการชาร์จไฟให้เต็มก่อนออกเดินทางและกำหนดให้ใช้โหมด EV คือวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนๆ เริ่มต้นจาก ซีดีซี มุ่งหน้าพระราม 9 ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทะลุออกไปราชพฤกษ์แล้ววิ่งข้ามสะพานสาทรมาแวะที่สีลม


การขับขี่ใช้งานถือว่าคล่องตัวดี พวงมาลัยเบามือ ตอบสนองทันใจ จังหวะคิกดาวน์ไม่พุ่งมาก ความเร็วที่ขับช่วงนี้ทำได้สูงสุดไม่ถึง 100 กม./ชม. เพราะการจราจรแม้จะไม่ติดแตะรถค่อนข้างเต็มทุกช่องทาง เสียงเครื่องยนต์ไม่มีให้ได้ยิน มีเพียงเสียงของยางบดถนนเท่านั้น


บางช่วงของการขับเราออกจากโหมด EV เปลี่ยนมาใช้โหมด Normal บ้าง รับรู้ได้ถึงการทำงานของเครื่องยนต์ทันทีที่เครื่องยนต์ติดขึ้น มีทั้งเสียงและแรงสั่นสะเทือนให้สัมผัสได้ แต่ไม่มากเท่ากับรถใช้เครื่องยนต์ปกติ โดยหลักการทำงานจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า โดยมีทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนตามแต่สภาวะของการใช้งาน ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 สปีด ที่มีการทำงานลื่นไหลต่อเนื่องดี


ซึ่งการขับในช่วงนี้เมื่อถึงจุดพักที่สีลม เราดูตัวเลขอัตราการบริโภคน้ำมันตามการแสดงผลบนหน้าจอ ระบุ 200 กม./ลิตร เนื่องด้วย ระยะทางที่เราวิ่งมาทั้งหมดคือราว 42 กม. เราวิ่งด้วยไฟฟ้าเกือบจะทั้งหมด มีแค่เพียงระยะทางบางช่วงดังที่กล่าวที่ปรับไปลองใช้โหมดอื่นๆ ขณะที่รถคันอื่นที่ใช้โหมด EV วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนๆ ไม่ได้ปรับโหมดอื่นเลยนั้นตัวเลขอยู่ที่ 999 กม./ลิตร


หลังจากนั้นวิ่งกลับมาจุดสุดท้ายที่ ซีดีซี ด้วยไฟฟ้าล้วนเช่นเดิม ซึ่งไฟฟ้าของรถหมดแบบเหลือ0% เมื่อขับผ่านระยะทาง 51 กม. ระบบปรับการทำงานมาอยู่ในโหมดปกติให้โดยอัตโนมัติ เราจึงตั้งค่าใหม่อีกครั้ง เพื่อลองหาอัตราการบริโภคน้ำมันแบบที่ใช้งานวิ่งปกติ


ด้วยระยะทางวิ่งที่เหลือจากจุดรีเซ็ตคือราว 8 กม. บนเส้นทางเลียบด่วนกับการจราจรที่ติดขัดหนาแน่นตามปกติ ใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย เรียกว่าค่อยๆ ขยับ ไม่มีโอกาสเร่งความเร็วเลย เราเห็นตัวเลขบนหน้าจอระบุ 6.5 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าไม่ปกติอย่างแน่นอน สอบถามทีมงานได้คำตอบว่า ด้วยความที่ต้องใช้ระยะทางวิ่งพอสมควรระบบจึงจะคำนวณค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริงได้ ซึ่งค่าเฉลี่ยอัตราบริโภคตลอดการขับวันนี้ของเราทีมงานระบุว่าอยู่ราว 24 กม./ลิตร จากระยะทางทั้งหมดราว 60 กม.


หากคุณต้องการรถที่ประหยัดน้ำมัน โดยคาดหวังตัวเลขจากการเคลมตามมาตรฐานอีโคสติกเกอร์ที่ 65 กม./ลิตร ของเอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี แล้วละก็ ขอแนะนำว่า อย่าหวังเช่นนั้นเพราะ การใช้งานจริงกับการรายงานตัวเลขในห้องแล็ปแตกต่างกันอย่างแน่นอน เพราะสิ่งสำคัญคือคุณได้ชาร์จไฟฟ้าเอาไว้มากน้อยเพียงใด


สำหรับการใช้รถ PHEV ให้ประหยัดควรมี การชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอทุกวัน เรียกว่าเช้าถอดปลั๊ก เย็นกลับถึงบ้านชาร์จ หากคุณทำได้แบบนี้ โดยมีระยะทางขับขี่ต่อวันไม่เกิน 50 กม. เชื่อมั่นได้เลยว่า คุณจะไม่ต้องเติมน้ำมันแม้แต่บาทเดียว สำหรับการใช้งานในรูปแบบปกติ โดยมาจ่ายค่าไฟแทนคำนวณคร่าวๆ ประมาณ 60 บาทต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง


ส่วนข้อดีอีกประการของรถPHEV คือเมื่อคุณต้องการเดิทางไปต่างจังหวัดก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของการหาที่ชาร์จไฟ เพราะสามารถเติมน้ำมันใช้งานได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในช่วงเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีแบบนี้


เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อมองถึงคุณภาพของชิ้นส่วนต่างๆ นั้นเป็นแบรนด์เดียวกับที่ใช้ในรถยุโรป เรียกว่า ส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ในคุณภาพในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามด้วยความที่ใส่อุปกรณ์ให้ค่อนข้างเยอะมาก และมีระบบดิจิตอลที่หลากหลาย ทำให้ความเสถียรของการใช้งานนั้นยังเป็นข้อที่น่ากังวลอยู่


ทั้งนี้หาก เอ็มจี สามารถทำให้การใช้งานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและดูแลแก้ไขกรณีที่เกิดปัญหาได้อย่างครบถ้วน เชื่อเหลือเกินจะได้รับการตอบรับที่ดีเหนือความคาดหมายจากลูกค้าชาวไทย


เหมาะกับใคร


ทุกท่านที่ชื่นชอบรถเอสยูวี ซึ่งอยากลองใช้งานรถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่จากการสอบถามทีมงานเอ็มจีพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของ เอชเอส พีเอชอีวี เป็นลูกค้าที่เคยใช้รถปลั๊กอินไฮบริดจากแบรนด์ยุโรปมาแล้ว ซึ่งเขามีประสบการณ์ ฉะนั้นด้วยราคาที่ถูกกว่านับล้านบาทจึงกลายเป็นคำว่า คุ้มค่า แบบไม่ต้องคิดมาก




กำลังโหลดความคิดเห็น