หลังการเปิดตัวใหม่ล่าสุดของ เกีย คาร์นิวัล (Kia Carnival) โฉมปี 2021 เมื่อปลายปี 2020 ทำให้ตลาดของรถอเนกประสงค์ขนาด 11 ที่นั่งกลับมาคึกคักอีกครั้ง แม้จะเปิดตัวด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าโฉมก่อนหน้าพอสมควรแต่เมื่อได้พิจารณาถึงออพชันและการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นทำให้ ยอดขายตัวใหม่ของเกีย คาร์นิวัล ดีเกินกว่าที่คาดเอาไว้อย่างมาก
สำหรับตลาดรถอเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง แบรนด์ยอดนิยมมีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่นหลัก “โตโยต้า มาเจสตี้” (Toyota Majesty) , “ฮุนได เอช1” (Hyundai H1) และ “เกีย คาร์นิวัล” ดังนั้นเพื่อช่วยในการประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภค ทีมงานเอ็มจีอาร์มอเตอริ่ง รวบรวมข้อมูลที่ควรจะต้องรู้ก่อนเลือกมาให้ทุกท่านได้พิจารณาจะได้เลือกคบหาได้อย่างถูกต้องตรงความต้องการ

รูปลักษณ์ภายนอก
มิติตัวถัง ดูจากความยาวแล้ว โตโยต้า มาเจสตี้ จะยาวและสูงที่สุด โดยยาวกว่าคู่แข่งประมาณ 10 ซม. สูงกว่าฮุนไดราว 5 ซม. แลเกีย 25 ซม. แต่ในความรู้สึกเวลามองจะดูใหญ่กว่าคันอื่น นั่นเพราะด้วยความสูงที่ระดับ 2 เมตรนั่นเอง (ขาดไปเพียง1ซม.) ส่วนความกว้าง เกีย คาร์นิวัล กว้างกว่าเล็กน้อย (ดูตารางประกอบ)
ขนาดภายในห้องโดยสาร มาเจสตี้ จะให้ความรู้สึกที่โอ่โถงและมีขนาดความจุมากที่สุด ทุกคันบรรจุเบาะที่นั่งได้ 11 ที่นั่ง ซึ่งสามารถจดทะเบียนเป็นป้ายสีฟ้า โดยเกีย คาร์นิวัล จะได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องของเบาะที่นั่งโดยสาร เพราะสามารถปรับพับเบาะแถวสุดท้ายแบบแบนราบเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสะดวกและดูเรียบร้อยที่สุด
ส่วนเรื่องของรูปทรงและความสวยงามภายนอกเป็นเรื่องนานาจิตตัง แต่ถ้าความเห็นของเราชอบรุ่นใดมากกว่า คำตอบโน้มเอียงมาทาง เกีย คาร์นิวัล เพราะเป็นรูปทรงที่แตกต่างจากรถตู้โดยสาร รวมถึงหากได้นั่งขับแล้วจะมีมุมมองที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการขับรถทั่วไป ขณะที่อีก 2 รุ่น จะให้ความรู้สึกเหมือนกับการขับรถตู้โดยสารมากกว่า อันเนื่องมาจากลักษณะการจัดวางตำแหน่งผู้ขับขี่

เครื่องยนต์
ทั้งสามรุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซลทั้งหมด โดย เกีย คาร์นิวัล จะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด อัพเกรดขึ้นมาจากเครื่องยนต์เดิม โดยมีพละกำลังเพิ่มขึ้นและผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 เพียงรุ่นเดียวในคลาสนี้ นอกนั้นยังเป็นยูโร 4 อยู่ พละกำลังและแรงบิดสูงที่สุดด้วยเช่นเดียวกัน
ขณะที่ตัวเลขแรงบิดของ เกียและฮุนได ที่เท่ากัน ไม่ต้องแปลกใจเพราะเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาร่วมกันมาของฮุนไดและเกีย ซึ่งทั้งสองยี่ห้ออยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันนั่นเอง โดยเครื่องยนต์ของเกียเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดขนาด 2.2 ลิตร ส่วนของฮุนได ยังเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร เดิมอยู่ รวมถึงระบบส่งกำลังด้วยที่เกีย คาร์นิวัล เป็นแบบ 8 สปีด ฮุนได เอช1 ยังเป็นแบบ 5 สปีดอยู่ ด้านโตโยต้า มากับเครื่องยอดนิยม 2.8 ลิตร ตัวเดียวกับที่ใส่ในตระกูลไฮลักซ์ ซึ่งมีการปรับพละกำลังให้เหมาะสมกับการใช้งาน
หัวข้อนี้ในแง่ของเทคโนโลยีคงต้องยกให้กับเกีย คาร์นิวัล เพราะได้ทั้งความสดใหม่ พละกำลังที่มากกว่า และ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย แต่ในมุมของการดูแลรักษาและความทนทาน คงต้องยกให้โตโยต้าแบบไร้ข้อกังขา

ออพชัน
เพื่อความกระชับของเนื้อหาจึงขออนุญาตนำเสนอโดยการเลือกเฉพาะออพชันและฟังก์ชันเด่นๆ ของแต่ละรุ่น เริ่มกันที่ฮุนได เอช1 กระจกที่ประตูสไลด์ข้างเปิดได้, เบาะคนขับปรับเย็น-อุ่นได้, เบาะนั่งแถวที่สองสามารถหมุนได้ 180 องศา, ที่ชาร์จแบบไร้สายบริเวณคอนโซลกลาง และมีช่องUSB 4 จุด
ส่วนโตโยต้า มาเจสตี้ มีระบบ Telematics (เฉพาะรุ่นท๊อป) ติดตามรถหายได้ เบาะโดยสารแถวที่สองแบบCaptain Seat พร้อมที่รองขาและระบบนวดหลัง (ยกเว้นรุ่นStandard) เบาะนั่งแถวสุดท้ายพับแยกแบบ50-50 ม่านบังแดดแถวที่2-3 และมีช่องUSB 7 จุด
เกีย คาร์นิวัล มีประตูสไลด์ไฟฟ้าที่สามารถเปิดและปิดได้โดยอัตโนมัติเพียงคุณยืนข้างรถพร้อมกับมีกุญแจติดตัว รวมถึงสามารถใช้รีโมทสั่งเปิด-ปิดประตูสไลด์ได้เช่นเดียวกัน, ฝาท้ายปิดได้เองโดยอัตโนมัติเมื่อเก็บของเสร็จแล้วเดินจากไป, ซันรูฟไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อบลูทูธได้, เครื่องเสียง BOSE, เบาะคู่หน้าปรับเย็น-อุ่นได้, ม่านบังแดดแถวที่ 2-3, ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย และช่องUSB 6 จุด

ระบบความปลอดภัย
ฮุนได เอช1 มีติดตั้งมาให้น้อยที่สุด โดยมีเพียงระบบเบรก ABS และถุงลมนิรภัย 2 จุดทางด้านหน้าเป็นมาตรฐาน และเฉพาะรุ่น Deluxe เพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้าง, กล้องมองภาพรอบทิศทาง, ระบบควบคุมการทรงตัวESP และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
โตโยต้า มาเจสตี้ อัดแน่นในทุกรุ่นย่อยด้วยถุงลมนิรภัย 9 จุด, ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HA, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบเตือนมุมอับสายตา BSM, ระบบเตือนขณะถอย RCTA, ระบบควบคุมเฟืองท้าย Auto Limited Slip Differential, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ , กล้องถอยหลัง และกล้องบันทึกภาพด้านหน้า เฉพาะรุ่น Grande เพิ่มระบบความปลอดภัยก่อนการชน , ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าและระบบเตือนลมยางและระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ขณะที่กล้องมองภาพรอบคันติดตั้งใน 2 รุ่นคือ Grande และ Premium
เกีย คาร์นิวัล ทั้งสองรุ่นย่อย ติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 จุด, ระบบเบรก ABS และ EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบควบคุมการทรงตัว ESC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold, กล้องมองหลัง, กล้องมองภาพรอบทิศทางและ เซ็นเซอร์ช่วยจอดหน้า-หลัง ขณะที่รุ่น SXL เพิ่มระบบป้องกันการชนด้านหน้า, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบเตือนขณะถอย, ระบบควบคุมให้รถอยู่ในเลน ,ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนเมื่อมีผู้โดยสารอยู่ด้านหลัง และระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง

การบริโภคน้ำมัน
ทุกยี่ห้อเป็นเครื่องยนต์ดีเซล โดยมีเพียงโตโยต้าเท่านั้นที่ประกาศรองรับการใช้งานน้ำมันไบโอดีเซลได้ถึง บี20 ส่วนอีก 2 ค่าย ไม่มีการระบุแบบชัดเจนว่ารองรับน้ำมันชนิดใดได้บ้าง แต่ที่แน่นอนคือ เกีย คาร์นิวัล นั้นมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ดังนั้นน้ำมันดีเซลที่เติมจะต้องเป็นมาตรฐานยูโร 5 ด้วยเช่นเดียวกัน มิฉะนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์ได้
ส่วนตัวเลขอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอ้างอิงจากเว็ปไซต์อย่างเป็นทางการของผู้ผลิต เกีย คาร์นิวัล จะมีอัตราเฉลี่ยที่ดีที่สุดคือ 12.4 กม./ลิตร และฮุนได เอช1 เคลมตัวเลขที่ 11 กม./ลิตร ส่วนโตโยต้า มาเจสตี้นั้นไม่มีรายงานระบุถึงอัตราสิ้นเปลืองของรุ่นนี้แต่อย่างใด

การดูแลหลังการขาย
ชื่อชั้นของโตโยต้า สามารถเป็นเครื่องหมายการรับประกันการดูแลหลังการขายชนิดที่ทุกท่านสามารถเชื่อมั่นและวางใจได้ รวมถึงการมีศูนย์บริการคลอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ สามารถหาได้ง่ายที่สุดอีกด้วย รวมถึงกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันจำเป็นต้องใช้ช่างทั่วไป เชื่อมั่นได้เช่นเดียวกันว่า ช่างซ่อมรถยนต์ทุกคนในประเทศนี้สามารถซ่อมและดูแลรถยนต์โตโยต้าได้
ขณะที่คู่แข่งอีก 2 ยี่ห้อ การบริการหลังการขายและจำนวนศูนย์บริการคือ จุดใหญ่ที่ต้องเร่งพัฒนาให้ครอบคลุมรองรับการบริการแก่ลูกค้าได้ ที่ปัจจุบันมีอยู่เพียงไม่กี่สาขา บางภูมิภาคมีเพียงแห่งเดียวด้วยซ้ำ ฉะนั้นหากใครที่ให้น้ำหนักความสำคัญในหัวข้อนี้มากเป็นพิเศษ สามารถตัดสินใจเลือกได้โดยไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก

ความสดใหม่
แน่นอนว่า เกีย คาร์นิวัล ได้เปรียบที่สุดเพราะมีการเปลี่ยนโมเดลแบบสดๆ ร้อนๆ ปลายปี 2020 และประเทศไทยเป็นประเทศที่สองที่มีการเปิดตัวต่อจากเกาหลีใต้ ซึ่งไม่ห่างจากโตโยต้า เท่าใดนัก เพราะมาเจสตี้ เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อกลางปี 2019 ฉะนั้นถือว่าใกล้เคียงกันมากและยังมีอายุในการทำตลาดอีกนาน ส่วนที่น่ากังวลคือ ฮุนได เอช1 เพราะแม้จะมีการปรับเปลี่ยนโฉมหลายครั้ง แต่หากนับอายุแท้จริงของ เอช1 โมเดลนี้ทำตลาดมานานจนเข้าสู่ปีที่ 13 แล้วในปีนี้

ความคุ้มค่า
จากที่ร่ายยาวมาทั้งหมด พิจารณาราคาเทียบกับสิ่งที่ได้รับกลับมา จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ราคาจำหน่ายสะท้อนตัวสินค้าแบบตรงไปตรงมา ด้วยฮุนได เอช1 มีราคาต่ำที่สุด แต่ก็ได้ทุกอย่างน้อยที่สุดสมกับราคาที่ตั้งเอาไว้ ส่วนเกีย คาร์นิวัล มีราคาสูงที่สุด ซึ่งก็ได้ลูกเล่นและเทคโนโลยีที่มากกว่าคู่แข่ง ขณะที่โตโยต้าจัดให้ไม่น้อยหน้าใครในราคาที่จับต้องได้
สุดท้ายขึ้นกับว่าคุณให้น้ำหนักกับหัวข้อไหนมากที่สุด และหากนำหัวข้อราคาขายต่อเข้ามาร่วมพิจารณาด้วยเชื่อว่าทุกท่านที่อ่านถึงตรงนี้ มีคำตอบแบบชัดเจนเรียบร้อยแล้ว
ยืนยันคำตอบ
ถ้าให้เราเลือกบนเงื่อนไขงบประมาณไม่ใช่ปัญหา เราชอบ เกีย คาร์นิวัล เพราะขับง่ายเหมือนรถทั่วไป ออพชันเต็มๆ แต่ถ้าอยากได้ความมั่นใจ ใช้ยาว ดูแลง่าย นั่งสบาย เราเลือก โตโยต้า มาเจสตี้ และถ้างบน้อย คงต้องเลือก ฮุนได เอช1 อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า 90% ของผู้ตัดสินใจเลือกคือคนที่นั่งเบาะแถวที่สอง ฉะนั้น หากอยากเอาใจคนที่นั่งตำแหน่งนี้ มาเจสตี้คือ คำตอบสุดท้าย
สำหรับตลาดรถอเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง แบรนด์ยอดนิยมมีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่นหลัก “โตโยต้า มาเจสตี้” (Toyota Majesty) , “ฮุนได เอช1” (Hyundai H1) และ “เกีย คาร์นิวัล” ดังนั้นเพื่อช่วยในการประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภค ทีมงานเอ็มจีอาร์มอเตอริ่ง รวบรวมข้อมูลที่ควรจะต้องรู้ก่อนเลือกมาให้ทุกท่านได้พิจารณาจะได้เลือกคบหาได้อย่างถูกต้องตรงความต้องการ
รูปลักษณ์ภายนอก
มิติตัวถัง ดูจากความยาวแล้ว โตโยต้า มาเจสตี้ จะยาวและสูงที่สุด โดยยาวกว่าคู่แข่งประมาณ 10 ซม. สูงกว่าฮุนไดราว 5 ซม. แลเกีย 25 ซม. แต่ในความรู้สึกเวลามองจะดูใหญ่กว่าคันอื่น นั่นเพราะด้วยความสูงที่ระดับ 2 เมตรนั่นเอง (ขาดไปเพียง1ซม.) ส่วนความกว้าง เกีย คาร์นิวัล กว้างกว่าเล็กน้อย (ดูตารางประกอบ)
ขนาดภายในห้องโดยสาร มาเจสตี้ จะให้ความรู้สึกที่โอ่โถงและมีขนาดความจุมากที่สุด ทุกคันบรรจุเบาะที่นั่งได้ 11 ที่นั่ง ซึ่งสามารถจดทะเบียนเป็นป้ายสีฟ้า โดยเกีย คาร์นิวัล จะได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องของเบาะที่นั่งโดยสาร เพราะสามารถปรับพับเบาะแถวสุดท้ายแบบแบนราบเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสะดวกและดูเรียบร้อยที่สุด
ส่วนเรื่องของรูปทรงและความสวยงามภายนอกเป็นเรื่องนานาจิตตัง แต่ถ้าความเห็นของเราชอบรุ่นใดมากกว่า คำตอบโน้มเอียงมาทาง เกีย คาร์นิวัล เพราะเป็นรูปทรงที่แตกต่างจากรถตู้โดยสาร รวมถึงหากได้นั่งขับแล้วจะมีมุมมองที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการขับรถทั่วไป ขณะที่อีก 2 รุ่น จะให้ความรู้สึกเหมือนกับการขับรถตู้โดยสารมากกว่า อันเนื่องมาจากลักษณะการจัดวางตำแหน่งผู้ขับขี่
เครื่องยนต์
ทั้งสามรุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซลทั้งหมด โดย เกีย คาร์นิวัล จะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด อัพเกรดขึ้นมาจากเครื่องยนต์เดิม โดยมีพละกำลังเพิ่มขึ้นและผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 เพียงรุ่นเดียวในคลาสนี้ นอกนั้นยังเป็นยูโร 4 อยู่ พละกำลังและแรงบิดสูงที่สุดด้วยเช่นเดียวกัน
ขณะที่ตัวเลขแรงบิดของ เกียและฮุนได ที่เท่ากัน ไม่ต้องแปลกใจเพราะเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาร่วมกันมาของฮุนไดและเกีย ซึ่งทั้งสองยี่ห้ออยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันนั่นเอง โดยเครื่องยนต์ของเกียเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดขนาด 2.2 ลิตร ส่วนของฮุนได ยังเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร เดิมอยู่ รวมถึงระบบส่งกำลังด้วยที่เกีย คาร์นิวัล เป็นแบบ 8 สปีด ฮุนได เอช1 ยังเป็นแบบ 5 สปีดอยู่ ด้านโตโยต้า มากับเครื่องยอดนิยม 2.8 ลิตร ตัวเดียวกับที่ใส่ในตระกูลไฮลักซ์ ซึ่งมีการปรับพละกำลังให้เหมาะสมกับการใช้งาน
หัวข้อนี้ในแง่ของเทคโนโลยีคงต้องยกให้กับเกีย คาร์นิวัล เพราะได้ทั้งความสดใหม่ พละกำลังที่มากกว่า และ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย แต่ในมุมของการดูแลรักษาและความทนทาน คงต้องยกให้โตโยต้าแบบไร้ข้อกังขา
ออพชัน
เพื่อความกระชับของเนื้อหาจึงขออนุญาตนำเสนอโดยการเลือกเฉพาะออพชันและฟังก์ชันเด่นๆ ของแต่ละรุ่น เริ่มกันที่ฮุนได เอช1 กระจกที่ประตูสไลด์ข้างเปิดได้, เบาะคนขับปรับเย็น-อุ่นได้, เบาะนั่งแถวที่สองสามารถหมุนได้ 180 องศา, ที่ชาร์จแบบไร้สายบริเวณคอนโซลกลาง และมีช่องUSB 4 จุด
ส่วนโตโยต้า มาเจสตี้ มีระบบ Telematics (เฉพาะรุ่นท๊อป) ติดตามรถหายได้ เบาะโดยสารแถวที่สองแบบCaptain Seat พร้อมที่รองขาและระบบนวดหลัง (ยกเว้นรุ่นStandard) เบาะนั่งแถวสุดท้ายพับแยกแบบ50-50 ม่านบังแดดแถวที่2-3 และมีช่องUSB 7 จุด
เกีย คาร์นิวัล มีประตูสไลด์ไฟฟ้าที่สามารถเปิดและปิดได้โดยอัตโนมัติเพียงคุณยืนข้างรถพร้อมกับมีกุญแจติดตัว รวมถึงสามารถใช้รีโมทสั่งเปิด-ปิดประตูสไลด์ได้เช่นเดียวกัน, ฝาท้ายปิดได้เองโดยอัตโนมัติเมื่อเก็บของเสร็จแล้วเดินจากไป, ซันรูฟไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อบลูทูธได้, เครื่องเสียง BOSE, เบาะคู่หน้าปรับเย็น-อุ่นได้, ม่านบังแดดแถวที่ 2-3, ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย และช่องUSB 6 จุด
ระบบความปลอดภัย
ฮุนได เอช1 มีติดตั้งมาให้น้อยที่สุด โดยมีเพียงระบบเบรก ABS และถุงลมนิรภัย 2 จุดทางด้านหน้าเป็นมาตรฐาน และเฉพาะรุ่น Deluxe เพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้าง, กล้องมองภาพรอบทิศทาง, ระบบควบคุมการทรงตัวESP และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
โตโยต้า มาเจสตี้ อัดแน่นในทุกรุ่นย่อยด้วยถุงลมนิรภัย 9 จุด, ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HA, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบเตือนมุมอับสายตา BSM, ระบบเตือนขณะถอย RCTA, ระบบควบคุมเฟืองท้าย Auto Limited Slip Differential, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ , กล้องถอยหลัง และกล้องบันทึกภาพด้านหน้า เฉพาะรุ่น Grande เพิ่มระบบความปลอดภัยก่อนการชน , ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าและระบบเตือนลมยางและระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ขณะที่กล้องมองภาพรอบคันติดตั้งใน 2 รุ่นคือ Grande และ Premium
เกีย คาร์นิวัล ทั้งสองรุ่นย่อย ติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 จุด, ระบบเบรก ABS และ EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบควบคุมการทรงตัว ESC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold, กล้องมองหลัง, กล้องมองภาพรอบทิศทางและ เซ็นเซอร์ช่วยจอดหน้า-หลัง ขณะที่รุ่น SXL เพิ่มระบบป้องกันการชนด้านหน้า, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบเตือนขณะถอย, ระบบควบคุมให้รถอยู่ในเลน ,ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนเมื่อมีผู้โดยสารอยู่ด้านหลัง และระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง
การบริโภคน้ำมัน
ทุกยี่ห้อเป็นเครื่องยนต์ดีเซล โดยมีเพียงโตโยต้าเท่านั้นที่ประกาศรองรับการใช้งานน้ำมันไบโอดีเซลได้ถึง บี20 ส่วนอีก 2 ค่าย ไม่มีการระบุแบบชัดเจนว่ารองรับน้ำมันชนิดใดได้บ้าง แต่ที่แน่นอนคือ เกีย คาร์นิวัล นั้นมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ดังนั้นน้ำมันดีเซลที่เติมจะต้องเป็นมาตรฐานยูโร 5 ด้วยเช่นเดียวกัน มิฉะนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์ได้
ส่วนตัวเลขอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอ้างอิงจากเว็ปไซต์อย่างเป็นทางการของผู้ผลิต เกีย คาร์นิวัล จะมีอัตราเฉลี่ยที่ดีที่สุดคือ 12.4 กม./ลิตร และฮุนได เอช1 เคลมตัวเลขที่ 11 กม./ลิตร ส่วนโตโยต้า มาเจสตี้นั้นไม่มีรายงานระบุถึงอัตราสิ้นเปลืองของรุ่นนี้แต่อย่างใด
การดูแลหลังการขาย
ชื่อชั้นของโตโยต้า สามารถเป็นเครื่องหมายการรับประกันการดูแลหลังการขายชนิดที่ทุกท่านสามารถเชื่อมั่นและวางใจได้ รวมถึงการมีศูนย์บริการคลอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ สามารถหาได้ง่ายที่สุดอีกด้วย รวมถึงกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันจำเป็นต้องใช้ช่างทั่วไป เชื่อมั่นได้เช่นเดียวกันว่า ช่างซ่อมรถยนต์ทุกคนในประเทศนี้สามารถซ่อมและดูแลรถยนต์โตโยต้าได้
ขณะที่คู่แข่งอีก 2 ยี่ห้อ การบริการหลังการขายและจำนวนศูนย์บริการคือ จุดใหญ่ที่ต้องเร่งพัฒนาให้ครอบคลุมรองรับการบริการแก่ลูกค้าได้ ที่ปัจจุบันมีอยู่เพียงไม่กี่สาขา บางภูมิภาคมีเพียงแห่งเดียวด้วยซ้ำ ฉะนั้นหากใครที่ให้น้ำหนักความสำคัญในหัวข้อนี้มากเป็นพิเศษ สามารถตัดสินใจเลือกได้โดยไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก
ความสดใหม่
แน่นอนว่า เกีย คาร์นิวัล ได้เปรียบที่สุดเพราะมีการเปลี่ยนโมเดลแบบสดๆ ร้อนๆ ปลายปี 2020 และประเทศไทยเป็นประเทศที่สองที่มีการเปิดตัวต่อจากเกาหลีใต้ ซึ่งไม่ห่างจากโตโยต้า เท่าใดนัก เพราะมาเจสตี้ เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อกลางปี 2019 ฉะนั้นถือว่าใกล้เคียงกันมากและยังมีอายุในการทำตลาดอีกนาน ส่วนที่น่ากังวลคือ ฮุนได เอช1 เพราะแม้จะมีการปรับเปลี่ยนโฉมหลายครั้ง แต่หากนับอายุแท้จริงของ เอช1 โมเดลนี้ทำตลาดมานานจนเข้าสู่ปีที่ 13 แล้วในปีนี้
ความคุ้มค่า
จากที่ร่ายยาวมาทั้งหมด พิจารณาราคาเทียบกับสิ่งที่ได้รับกลับมา จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ราคาจำหน่ายสะท้อนตัวสินค้าแบบตรงไปตรงมา ด้วยฮุนได เอช1 มีราคาต่ำที่สุด แต่ก็ได้ทุกอย่างน้อยที่สุดสมกับราคาที่ตั้งเอาไว้ ส่วนเกีย คาร์นิวัล มีราคาสูงที่สุด ซึ่งก็ได้ลูกเล่นและเทคโนโลยีที่มากกว่าคู่แข่ง ขณะที่โตโยต้าจัดให้ไม่น้อยหน้าใครในราคาที่จับต้องได้
สุดท้ายขึ้นกับว่าคุณให้น้ำหนักกับหัวข้อไหนมากที่สุด และหากนำหัวข้อราคาขายต่อเข้ามาร่วมพิจารณาด้วยเชื่อว่าทุกท่านที่อ่านถึงตรงนี้ มีคำตอบแบบชัดเจนเรียบร้อยแล้ว
ยืนยันคำตอบ
ถ้าให้เราเลือกบนเงื่อนไขงบประมาณไม่ใช่ปัญหา เราชอบ เกีย คาร์นิวัล เพราะขับง่ายเหมือนรถทั่วไป ออพชันเต็มๆ แต่ถ้าอยากได้ความมั่นใจ ใช้ยาว ดูแลง่าย นั่งสบาย เราเลือก โตโยต้า มาเจสตี้ และถ้างบน้อย คงต้องเลือก ฮุนได เอช1 อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า 90% ของผู้ตัดสินใจเลือกคือคนที่นั่งเบาะแถวที่สอง ฉะนั้น หากอยากเอาใจคนที่นั่งตำแหน่งนี้ มาเจสตี้คือ คำตอบสุดท้าย