xs
xsm
sm
md
lg

Volvo S60 T8 AWD แรงดั่งซูเปอร์คาร์ ในร่างรถบ้าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

การเข้ามาซื้อกิจการ “วอลโว่” ของกลุ่ม “จีลี่” จากจีน เมื่อปี 2010 แรกเริ่มเดิมทีมีข้อสงสัยว่า ทิศทางของวอลโว่ จะเป็นอย่างไร จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมา 10 ปี เห็นได้ชัดเจนว่า เวลานี้ วอลโว่ นั้นมีความแข็งแรงในแง่ของธุรกิจและสามารถผลิตรถออกมาได้ตรงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการประกาศนโยบายใหม่ที่นำหน้าคู่แข่งไปอีกหนึ่งก้าวด้วย ในทุกไลน์อัพโมเดลจะมีรถยนต์ไฟฟ้าหรือไฮบริดจำหน่าย และยกเลิกการขายรถใช้เครื่องยนต์ล้วน


การมุ่งหน้าไปในทิศทางรถยนต์ไฟฟ้าล้วนก่อนใคร แน่นอนว่ามีความเสี่ยงสูงมากเพราะ การบุกเบิกก้าวไปก่อนผู้อื่น ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ผู้บริโภคจะตอบรับอย่างไร แต่ด้วยความความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ทำให้ วอลโว่ กล้าลุยแบบไม่หันหลังกลับ มาดูกันว่าหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สร้างความมั่นใจให้วอลโว่นั้น เป็นอย่างไร


T8 แรงดุจซูเปอร์คาร์


การเปิดตัวมาของ วอลโว่ เอส60 เจเนอเรชันที่ 3 ในประเทศไทย สามารถสร้างกระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ด้วยราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 2.19 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบมิติตัวถังขนาดของรถแล้ว ระดับราคานี้ถือว่าย่อมเยาเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู และอาวดี้


สำหรับสเปกพื้นฐานถือเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจมากที่สุด ด้วยเครื่องยนต์แบบปลั้กอินไฮบริด ทวินเอนจิน เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่มากับซูเปอร์ชาร์จ เทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้า พิกัดกำลังรวมสูงสุด 407 แรงม้า จากเครื่องยนต์ 320 แรงม้า จากมอเตอร์ไฟฟ้า 87 แรงม้า ส่วนแรงบิดรวมสูงสุด 640 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์ 400 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้า 240 นิวตันเมตร


ระบบแบตเตอรี่เป็นลิเธียม ไอออน ขนาดความจุ 11.6 kWh ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนั้น ล้อหน้าจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ส่วนล้อหลังจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จึงแตกต่างจากระบบไฮบริดของค่ายอื่นและเป็นจุดเด่นที่สุด เนื่องจากสามารถรีดกำลังออกมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด


สมรรถนะ เคลมการวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนเอาไว้ที่ระยะทางไกลสุด 42 กม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. อัตราการบริโภคน้ำมันสูงสุด 60 กม./ลิตร อัตราการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 55.6 กรัม/กม. รองรับการใช้เชื้อเพลิงชนิดเบนซิน 95 หรือแก๊ซโซฮอล์ อี10 เท่านั้น


ด้านการออกแบบภายนอก มากับดีไซน์ยุคใหม่ของวอลโว่ ไฟหน้าLED พร้อมไฟ DayTimeRunning ออกแบบเป็นเส้นยาวรูปทรงของค้อนธอร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของชาวไวกิ้ง ดูแล้วให้ความรู้สึกสวยดี มีลูกเล่น โดยดวงไฟหน้านั้นมากับระบบหักเหทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัยและไฟสูงแบบอัตโนมัติ


เส้นสายต่างๆของรูปทรงภายนอก ให้ความรู้สึกที่เป็นสปอร์ตมากกว่าเดิม พร้อมขนาดฐานล้อที่ยาวขึ้น เทียบเท่ากับซีรี่ส์ 5 โฉมเก่า ส่วนเรื่องความสวยงามนั้น ขึ้นกับว่าแต่ละคุณจะมองอย่างไรเป็นเรื่องนานาจิตตัง


ส่วนการออกแบบภายใน ยังคงมากับดีไซน์ของวอลโว่ยุคใหม่เช่นเดียวกัน ให้ความรู้สึกเหมือนรุ่นอื่นๆ แน่นอนว่า ถ้าคุณชอบ คุณจะรัก แต่ถ้าคุณไม่ชอบภายในแบบนี้ คุณจะตอบว่าไม่ โดยไร้ความลังเล ส่วนการเลือกใช้วัสดุภายใน มีคุณภาพเน้นความคงทนแตกต่างจากวอลโว่ในยุคปี 2000 ที่เน้นการย่อยสลายง่ายอย่างสิ้นเชิง


ในแง่ของลูกเล่นและระบบเสริมความปลอดภัย มีมาให้อย่างล้นหลาม ถ้าให้บรรยายคงไม่หมดขอคัดเฉพาะที่เด่นๆ เช่น หลังคาซันรูฟแบบกระจก เบาะหลังมีที่ท้าวแขนและวางแก้วน้ำขนาดใหญ่ได้ ลำโพง Harmann Kardon เบาะนั่งทรงสปอร์ต และ กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา


ขับสนุก พุ่งทุกย่านความเร็ว


การทดลองขับในคราวนี้ เราได้ใช้งานครบทุกรูปแบบทั้งวิ่งในเมือง ออกนอกเมืองไปต่างจังหวัด เริ่มกันที่การใช้งานในเมืองตอบโจทย์เป็นอย่างดีด้วยระบบปลั้กอิน-ไฮบริด ที่สามารถเสียบปลั้กชาร์จได้ ทำให้ประหยัดต้นทุนค่าเดินทางไปได้ค่อนข้างมาก


การขับขี่คล่องตัว คันเร่งตอบสนองทันใจ เพราะช่วงออกตัวเป็นการใช้งานของมอเตอร์เป็นหลัก และหากแบตเตอรี่เต็มและใช้งานไปจนถึงต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง เราไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดขึ้นมาแต่อย่างใด ดังนั้นจึงทั้งประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งกว่าที่เครื่องยนต์จะทำงานคือ หลังแบตเตอรี่เหลือราว 25% และเราวิ่งได้ระยะทาง 20 กว่ากม.โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน


จังหวะการออกตัวนั้นถ้าขับปกติไม่คิกดาวน์ จะค่อยๆ เคลื่อนตัวเหมือนรถธรรมดาทั่วไป โดยที่เครื่องยนต์จะไม่ติดขึ้น เรียบเนียนและนุ่มนวล แต่หากกดคันเร่งมิดเท้า จะพบกับแรงดึงในระดับหลังติดเบาะ อาจจะไม่มากเท่ารถแบบซูเปอร์คาร์ แต่ถือว่ารับรู้ได้ถึงแรงกระชาก โดยเฉพาะในจังหวะเร่งแซงทำได้น่าประทับใจอย่างยิ่ง และด้วยความที่ตัวรถไม่ใหญ่มาก เวลาที่สอดแทรกเปลี่ยนเลนจึงทำได้ง่าย


ทัศนวิสัยคือหนึ่งสิ่งที่เรารู้สึกว่า เสาเอ นั้นใหญ่เกินไป มุมมองอาจจะไม่กว้างเท่าคู่แข่ง แต่การมีระบบเสริมความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์รอบคันและเรดาห์ ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของการป้องกันการชนหรือเวลาที่ต้องเข้าซอยแคบ รวมถึงการถอยหลังที่ต้องระแวดระวังมอเตอร์ไซค์ เจ้าเอส 60 มีตัวช่วยหยุดรถอัตโนมัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุให้อย่างครบถ้วนเท่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันจะมีได้


ขณะที่การขับขี่แบบทางยาวๆ ออกต่างจังหวัด การเกาะถนนคือความมั่นใจที่สุดเท่าที่เราได้เคยสัมผัสรถยนต์ของวอลโว่มา ตอบสนองทันใจทุกจังหวะเร่งแซง แถมการโยนตัวน้อยมาก ให้ความรู้สึกที่มั่นคงแม้ว่าจะขับด้วยความเร็วสูงในระดับ 140 กม./ชม.


เหนืออื่นใดคือระบบเสริมความปลอดภัยที่เหมือนมีตามาช่วยมองรอบด้าน จังหวะเปลี่ยนเลนถ้ามีรถในมุมอับหรือขับแล้วหลับใน รถออกนอกเลน ระบบจะเตือนและมีการดึงรถกลับให้มาอยู่ในเลนด้วย แน่นอนว่าคนชอบซิ่งอาจจะหงุดหงิดหัวใจเพราะหากไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวระบบที่กล่าวมานี้จะทำงาน ทำให้ต้องฝืนพวงมาลัยคอยต่อสู้กับรถ แต่ทั้งหมดคือความปลอดภัยในการเดินทาง ซึ่งสามารถปิดระบบเช่นว่านี้ได้ แต่ไม่แนะนำให้ทำ


อัตราเร่งขอใช้คำว่า ยอดเยี่ยม ในทุกย่านความเร็ว ไม่ว่าจะขับระดับเกินกว่า 120 กม./ชม. ยังสามารถคิกดาวน์ให้รถพุ่งได้ทันที เกาะถนนหนึบแน่น น้ำหนักพวงมาลัยเหมาะมือดี ควบคุมแม่นยำ โดยสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้หลายรูปแบบซึ่งจะได้การตอบสนองที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เสียงรบกวนจากภายนอกถือว่าน้อย ไม่ว่าจะเสียงลมหรือเสียงจากยางบดถนน


ตลอดระยะเวลาการเดินทางกว่า 200 กม. แบบไปเช้า-เย็นกลับ บอกตรงๆ ว่า ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือล้าจากการขับขี่เจ้าเอส 60 เลย ต้องขอบคุณเบาะนั่งที่ออกแบบมาดีและระบบช่วงล่างที่ดูดซับแรงสะเทือนไว้ รวมถึงระบบขับเคลื่อนโดยรวมทั้งหมดที่ให้การตอบสนองแบบสนุกสนาน ทำให้การขับขี่มีความสุข สิ่งเดียวที่ขัดใจผู้เขียนกับการขับขี่เจ้าเอส 60 คือ การออกแบบภายใน ที่ไม่ใช่สไตล์ของเราและการเลือกใช้วัสดุสีดำเงาซึ่งจะสะท้อนแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวันบางจังหวะเหลี่ยมมุมทำให้แสงเข้าตาและสมาธิในการขับหลุดไปบ้าง


อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนกังวลคือเรื่องของบริการหลังการขายและอะไหล่ ทางผู้บริหารของวอลโว่ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงได้มีการเปิดตัวศูนย์อะไหล่แห่งใหม่ด้วยเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท จึงมั่นใจได้มากกว่าเดิม ขณะที่เรื่องของคุณภาพวัสดุที่เสื่อมอย่างรวดเร็วในรุ่นก่อนๆ ทางวอลโว่ได้ปรับปรุงในรถรุ่นใหม่ทั้งหมดแล้วและมีผลตอบรับจากลูกค้าด้วยการเคลมที่ลดลงไปถึง 90%




เหมาะกับใคร


คนที่กำลังมองหารถยุโรประดับราคาเอื้อมถึงได้ง่าย สมรรถนะยกให้เป็น Best in class ทั้งความแรงและการบริโภคน้ำมัน ไม่หวั่นเรื่องบริการหลังการขายและไม่สนดีไซน์ภายใน เน้นเรื่องการใช้งาน พร้อมระบบเสริมความปลอดภัยที่ให้มาอย่างเต็มพิกัดที่สุด ด้วยค่าตัว 2 ล้านต้นๆ วอลโว่ เอส 60 ตอบโจทย์ตรงใจแน่นอน
























กำลังโหลดความคิดเห็น