ปอร์เช่ เติมเต็มสายการผลิตพานาเมร่า ใหม่ (Panamera) ด้วย 2 ขุมพลังใหม่ แรงสุดโหดด้วยรุ่นเรือธง Turbo S E-Hybridพกพาพละกำลัง 700 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาล 870 นิวตันเมตร เร็วและแรงขึ้นพร้อมเดินทางด้วยไฟฟ้าล้วนไกลกว่าเดิม 30%
หลังจากการปรับโฉมและเปิดตัว พานาเมร่า 4เอส อี-ไฮบริด ใหม่ (The new Panamera 4S E-Hybrid) โดยเพิ่มพละกำลังขึ้นเป็น 560 แรงม้า ปอร์เช่ ขยับเติมเต็มไลน์การขายพานาเมร่า ขุมพลัง plug-in hybrid (PHEV) ให้ครบถ้วนทั้ง 3 ทางเลือกเป็นครั้งแรก ด้วย 2 รุ่นเพิ่มเติมได้แก่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) และ พานาเมร่า4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid)
พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด กลายเป็นเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของสปอร์ตซีดานหรูที่ทรงพลังที่สุดจากสายการผลิตปกติ เครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาดความจุ 4 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 571 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 136 แรงม้า พร้อม Sport Chrono package ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.2 วินาที เร็วขึ้นกว่าเดิม 0.2 วินาที ความเร็วสูงสุดกว่า 315 กม./ชม.
ขณะที่อีกหนึ่งรุ่น พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาดความจุ 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 330 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 136 แรงม้า ส่งผลให้พละกำลังสูงสุดรวมเป็น 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.4 วินาที เร็วขึ้นกว่าเดิม 0.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม.เพิ่มขึ้น 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยทั้ง2รุ่น ติดตั้งระบบกำลังเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ (PDK) ระยะการเดินทางด้วยไฟฟ้าอย่างเดียว เพิ่มขึ้นกว่า 30% ผลจากแบตเตอรี่ชุดใหม่ high-voltage เพิ่มขึ้นจากขนาด 14.1เป็นขนาด 17.9 กิโลวัตต์ และการปรับเปลี่ยนการทำงานของ driving modes ใหม่ ให้เหมาะสมกับการขับขี่และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด สามารถการเดินทางด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ถึง 50 กิโลเมตร ตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP EAER City (ในกรณีที่ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC: ระยะทางสูงสุดทำได้ 59 กิโลเมตร) ขณะที่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ในสภาพที่ปราศจากมลภาวะ เป็นระยะทางสูงสุดถึง 56 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP EAER City (ในกรณีที่ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC: ระยะทางสูงสุดทำได้ 64 กิโลเมตร)
รถสปอร์ตขุมพลัง plug-in hybrid จากปอร์เช่ทุกคัน สามารถชาร์จพลังงานได้ภายในที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นการใช้จุดเชื่อมต่อมาตรฐานหรือแบบ power socket ทั้งนี้อุปกรณ์ Porsche Mobile Charger ที่ติดมากับรถรองรับกำลังไฟฟ้าในการชาร์จสูงสุดไม่เกิน 7.2 กิโลวัตต์สำหรับการชาร์จกับสถานีชาร์จพลังงานสาธารณะสามารถทำได้ด้วยการใช้อุปกรณ์ Mode 3 cable
การออกแบบตัวถังด้านหน้าของ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด แตกต่าง Turbo front light modules รูปทรง dual C-shaped ขยายขนาดช่องรับอากาศด้านข้างให้ภาพลักษณ์ที่กร้าวแกร่งดุดัน แผง light bar ท้ายรถปรับใหม่ย้ายตำแหน่ง ขึ้นมาเหนือบานฝาท้าย วางตัวแนวโค้งซ้ายจรดขวา สามารถสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษประกอบด้วย ไฟท้ายรมดำ dark-ened Exclusive Design tail light modules พร้อมระบบ dynamic Coming/Leaving Home animation ล้ออัลลอย 3 ลวดลายใหม่ ขนาด 20 และ 21 นิ้ว และ 2 สีตัวถังใหม่ (Cherry Metallic และ Truffle Brown Metallic)
ระบบช่วงล่างและระบบควบคุมได้รับการปรับแต่ง เพื่อเสริมความสปอร์ต และความนุ่มนวลให้แก่พานาเมร่า ใหม่ทุกรุ่น ขณะที่ในบางรุ่น โปรแกรมควบคุมได้ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุม การบังคับทิศทางเจเนอเรชันล่าสุดและยางรถยนต์ใหม่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการตอบสนองของรถจะเต็มไปด้วยความแม่นยำสูงสุด
ในรุ่นเรือธง พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ได้รับการติดตั้งระบบควบคุม ช่วงล่างเต็มพิกัดเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport), electric roll stabilisation พร้อมระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus), ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear axle steering พร้อมระบบ Power Steering Plus และระบบเบรกเซรามิก Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) เป็นต้น
ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) และพานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ยังไม่เปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม ปอร์เช่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ทุกสาขา
หลังจากการปรับโฉมและเปิดตัว พานาเมร่า 4เอส อี-ไฮบริด ใหม่ (The new Panamera 4S E-Hybrid) โดยเพิ่มพละกำลังขึ้นเป็น 560 แรงม้า ปอร์เช่ ขยับเติมเต็มไลน์การขายพานาเมร่า ขุมพลัง plug-in hybrid (PHEV) ให้ครบถ้วนทั้ง 3 ทางเลือกเป็นครั้งแรก ด้วย 2 รุ่นเพิ่มเติมได้แก่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) และ พานาเมร่า4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid)
พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด กลายเป็นเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของสปอร์ตซีดานหรูที่ทรงพลังที่สุดจากสายการผลิตปกติ เครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาดความจุ 4 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 571 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 136 แรงม้า พร้อม Sport Chrono package ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.2 วินาที เร็วขึ้นกว่าเดิม 0.2 วินาที ความเร็วสูงสุดกว่า 315 กม./ชม.
ขณะที่อีกหนึ่งรุ่น พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาดความจุ 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 330 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 136 แรงม้า ส่งผลให้พละกำลังสูงสุดรวมเป็น 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.4 วินาที เร็วขึ้นกว่าเดิม 0.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม.เพิ่มขึ้น 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยทั้ง2รุ่น ติดตั้งระบบกำลังเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ (PDK) ระยะการเดินทางด้วยไฟฟ้าอย่างเดียว เพิ่มขึ้นกว่า 30% ผลจากแบตเตอรี่ชุดใหม่ high-voltage เพิ่มขึ้นจากขนาด 14.1เป็นขนาด 17.9 กิโลวัตต์ และการปรับเปลี่ยนการทำงานของ driving modes ใหม่ ให้เหมาะสมกับการขับขี่และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด สามารถการเดินทางด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ถึง 50 กิโลเมตร ตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP EAER City (ในกรณีที่ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC: ระยะทางสูงสุดทำได้ 59 กิโลเมตร) ขณะที่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ในสภาพที่ปราศจากมลภาวะ เป็นระยะทางสูงสุดถึง 56 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP EAER City (ในกรณีที่ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC: ระยะทางสูงสุดทำได้ 64 กิโลเมตร)
รถสปอร์ตขุมพลัง plug-in hybrid จากปอร์เช่ทุกคัน สามารถชาร์จพลังงานได้ภายในที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นการใช้จุดเชื่อมต่อมาตรฐานหรือแบบ power socket ทั้งนี้อุปกรณ์ Porsche Mobile Charger ที่ติดมากับรถรองรับกำลังไฟฟ้าในการชาร์จสูงสุดไม่เกิน 7.2 กิโลวัตต์สำหรับการชาร์จกับสถานีชาร์จพลังงานสาธารณะสามารถทำได้ด้วยการใช้อุปกรณ์ Mode 3 cable
การออกแบบตัวถังด้านหน้าของ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด แตกต่าง Turbo front light modules รูปทรง dual C-shaped ขยายขนาดช่องรับอากาศด้านข้างให้ภาพลักษณ์ที่กร้าวแกร่งดุดัน แผง light bar ท้ายรถปรับใหม่ย้ายตำแหน่ง ขึ้นมาเหนือบานฝาท้าย วางตัวแนวโค้งซ้ายจรดขวา สามารถสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษประกอบด้วย ไฟท้ายรมดำ dark-ened Exclusive Design tail light modules พร้อมระบบ dynamic Coming/Leaving Home animation ล้ออัลลอย 3 ลวดลายใหม่ ขนาด 20 และ 21 นิ้ว และ 2 สีตัวถังใหม่ (Cherry Metallic และ Truffle Brown Metallic)
ระบบช่วงล่างและระบบควบคุมได้รับการปรับแต่ง เพื่อเสริมความสปอร์ต และความนุ่มนวลให้แก่พานาเมร่า ใหม่ทุกรุ่น ขณะที่ในบางรุ่น โปรแกรมควบคุมได้ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุม การบังคับทิศทางเจเนอเรชันล่าสุดและยางรถยนต์ใหม่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการตอบสนองของรถจะเต็มไปด้วยความแม่นยำสูงสุด
ในรุ่นเรือธง พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ได้รับการติดตั้งระบบควบคุม ช่วงล่างเต็มพิกัดเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport), electric roll stabilisation พร้อมระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus), ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear axle steering พร้อมระบบ Power Steering Plus และระบบเบรกเซรามิก Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) เป็นต้น
ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) และพานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ยังไม่เปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม ปอร์เช่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ทุกสาขา
