xs
xsm
sm
md
lg

ทำความรู้จักกับ 5 เรื่องของ Ferrari FF รถยนต์ที่ “บอส อยู่วิทยา” ใช้ตอนเกิดอุบัติเหตุ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้ว แม้ว่าจะเปิดตัวออกสู่ตลาดมานานแล้ว แต่ชื่อของ Ferrari FF ถูกนำเสนอบนหน้าสื่อของเมืองไทยอย่างครึกโครม เมื่อรถสปอร์ตคันนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นข่าวใหญ่ในประเทศไทย เรื่องชนแล้วหนีของลูกชายเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลังชื่อดังของเมืองไทยที่ต้องระเห็จหนีไปอยู่ต่างประเทศจนกระทั่งในปี 2020 เรื่องราวก็ยังไม่จบง่ายๆ แม้ว่าหลายข้อหาจะหมดอายุความไปแล้ว และชื่อของ FF ก็ถูกระลึกถึงอีกครั้งกับความเกี่ยวพันในเหตุการณ์ครั้งนี้






คิดว่าไม่น่าจะช้าเกินไปที่เราจะมาทำความรู้จักกับ FF รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางหน้าระดับ Hi-End ของแบรนด์ Ferrari ที่พกพาความเร้าใจชนิดที่ว่าถ้าได้อยู่บนถนนโล่งๆ อย่างตอนตี 5 คงไม่มีใครที่จะไม่คิดขยี้คันเร่งและขับแค่ 70 กว่ากิโลเมตรอย่างแน่นอน


1.เปิดตัวครั้งแรกปี 2011 : FF มีรหัสตัวถัง Type 151 เปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โชว์เมื่อ 9 ปีที่แล้ว โดยถือเป็นตัวแทนของรถสปอร์ตในสไตล์ GT ที่ใช้ตัวถังเครื่องยนต์วางด้านหน้าแบบมีเบาะนั่งมากกว่า 2 ที่นั่งของ Ferrari ที่ถือว่าเป็น Top of the line ของแบรนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้หน้าที่ในการทำตลาดตกเป็นของ 612 Scaglietti ที่เป็นตัวถังคูเป้แบบ 2+2 ที่นั่ง ส่วนราคาขายในสมัยนั้นอยู่ที่ 300,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งบ้านเรานำเข้ามาทำตลาดด้วยราคา 31.175 ล้านบาท


2.เป็นครั้งแรกของ Ferrari : ที่พวกเขาผลิตรถสปอร์ตขับเคลื่อน 4 ล้อออกขายในตลาด โดยดูจากชื่อ FF ซึ่งย่อมาจาก Ferrari Four ซึ่งหมายถึงการขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยตามปกติแล้วแบรนด์นี้จะเน้นการผลิตรถสปอร์ตที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังทั้งหมดไม่ว่าตัวรถสปอร์ตรุ่นนั้นจะเป็นแบบเครื่องยนต์วางกลางลำ หรือวางด้านหน้า โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นใหม่นี้เรียกว่า 4RM และมีสมองกลควบคุมการกระจายแรงบิดจากเครื่องยนต์สู่ล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 อย่างเหมาะสมสำหรับการใช้งานตามสภาพพื้นผิวถนนโดยที่ผู้ขับชี่สามารถเลือกปรับการทำงานจากปุ่มที่เรียกว่า Manettino Dial ที่อยู่บนพวงมาลัยได้






จริงๆ แล้วระบบนี้ถูกพัฒนามาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 โดยเป็นผลผลิตต่อเนื่องจากตัวต้นแบบที่ชื่อว่า 408 4RM ที่ทำงานคู่กับเครื่องยนต์วี 8 4,000 ซีซี แต่ก็ยังได้แค่พัฒนาไม่สามารถนำมาใช้งานได้จริง จนกระทั่งอีกกว่า 20 ปีต่อมาถึงจะได้ใช้งานจริง โดยคำว่า 4RM ย่อมาจาก 4 Ruote Motrici ที่มีความหมายความในภาษาอังกฤษว่า Four-Wheel Drive นั่นเอง








3.ตัวถัง Shooting Break : จริงๆ แล้วคำว่า Shooting Break คือ ชื่อของรถสปอร์ตคูเป้ที่ถูกดัดแปลงตัวถังจากแบบ 2 ประตูให้มีด้านท้ายยาวยืดออกมาเหมือนกับรถสเตชันแวกอนและได้รับความนิยมอย่างมากในอังกฤษช่วงทศวรรษที่ 1970-1980 และ Ferrari ได้นำแนวคิดนี้มาใช้ในการออกแบบตัวถังของ FF โดยจะมากับตัวถังแบบ 2 ประตูแต่ด้านหลังยาวยืดออกเพื่อเป็นทั้งพื้นที่สำหรับรองรับกับผู้โดยสารด้วยเบาะนั่งแถวหลังที่กว้างขวางมากพอสำหรับผู้ใหญ่ และพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระที่มีความจุ 450-800 ลิตรในกรณีที่พับเบาะหลังลง






ขณะที่ตัวถังมีความยาว 4,907 มิลลิเมตรเทียบเท่ากับรถยนต์ครอบครัวในกลุ่ม D-Segment เลย กว้าง 1,953 มิลลิเมตร สูง 1,379 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,990 มิลลิเมตร โดยมีความเพรียวลมในระดับหนึ่งด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทาน-Cd 0.329
















4.รถยนต์ 4 ที่นั่งที่แรงที่สุดในโลก : คงต้องหมายเหตุเอาไว้ในยุคนั้น เพราะผ่านมา 10 ปีแล้วโลกยานยนต์หมุนเร็วและมีความเร้าใจใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาทดแทนอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่เปิดตัวเมื่อปี 2011 นั้น FF ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถสปอร์ตแบบ 4 ที่นั่งซึ่งมีสมรรถนะที่เร้าใจที่สุดในโลก โดยสิ่งที่วางอยู่ด้านหน้าของตัวรถนั้นคือเครื่องยนต์วี 12 6,000 ซีซีแบบหายใจเองที่รีดกำลังออกมาได้ 650 แรงม้าที่ 8,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 52.3 กก.-ม. ที่ 6,000 รอบ/นาที ทำงานคู่กับเกียร์แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ มีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักเพียง 2.7 กิโลกรัมต่อม้า 1 ตัวเท่านั้น






ด้วยเครื่องยนต์รอบจัดระดับนี้ตัวเลขสมรรถนะก็เลยไม่ธรรมดา ใช้เวลาเพียง 3.7 วินาทีในการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 11 วินาทีสำหรับย่านความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วปลาย 333 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนความสามารถในการสยบม้าฝูงโตนั้นคือดิสก์เบรกขนาด 398 มิลลิเมตรที่ด้านหน้าและ 360 มิลลิเมตรที่ด้านหลังซึ่งทำให้สามารถหยุดจากความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงจนหยุดนิ่งในระยะทางเพียง 35 เมตรเท่านั้น


5.ทายาทยังมีอย่างต่อเนื่อง : 800 คันในช่วงแรกของปีที่เปิดตัวถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับ Ferrari เพราะนั่นยืนยันให้เห็นแล้วว่า FF มาถูกทางในการเป็นสปอร์ตแบบ Daily Use คือ ทั้งขับง่ายและแรงเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่าพวกซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์วางกลางทั้งหลาย






นั่นก็เลยทำให้ในปี 2016 พวกเขาจัดการปรับโฉมและเพิ่มสมรรถนะพร้อมกับเปลี่ยนชื่อในการขายมาเป็น GTC 4 Lusso พร้อมรหัสตัวถัง Type151M ซึ่งใช้ตัวถังแบบเดียวกันแต่ปรับหน้าตารอบคัน เช่นเดียวกับเครื่องยนต์วี 12 ที่ขยับกำลังเป็น 681 แรงม้า และมีรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบที่ชื่อว่า GTC 4 Lusso T ออกมาขายกับขุมพลังวี8 3,900 ซีซี 602 แรงม้า ซึ่ง GTC 4 Lusso ยังคงมีขายอยู่บนโชว์รูมของ Ferrari จนถึงปัจจุบัน












กำลังโหลดความคิดเห็น