ถือว่าเป็นการปรับโฉมที่ต้องรอกันนานเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะ วอลโว่ เพิ่งจะขยับตัวในการกระตุ้นตลาดให้กับรถยนต์รุ่นสูงสุดของตัวเองอย่าง S9O และ V90 รวมถึงตัวลุยที่ใช้ชื่อว่า Cross Country ด้วยรุ่นไมเนอร์เชนจ์หรือปรับโฉมใหม่ ที่เน้นความสดใหม่ของรูปลักษณ์ และการเพิ่มความหรูให้กับห้องโดยสารด้วยลำโพงชุดพิเศษจาก Bowers and Wilkins
สำหรับรหัส 90 ของวอลโว่เปิดตัวทำตลาดครั้งแรกในปี 2016 พร้อมกับเป็นการเปิดศักราชใหม่ในการรุกตลาดรถยนต์ระดับหรูที่เหนือจากรุ่น 60/70 ที่มีอยู่แล้วในตลาด โดยตัวรถได้รับการพัฒนาบนพื้นตัวถัง SPA-Scalable Product Architecture ของวอลโว่ ที่เริ่มนำมาใช้ในปี 2014 และเปิดตัวครั้งแรกกับเอสยูวี รุ่น XC 90
ในแง่ของการเพิ่มความสดใหม่ครั้งนี้จะมีการปรับทีเดียวพร้อมกันทั้ง 3 รุ่นย่อยคือ ซีดานในชื่อ S 90 ตามด้วยแวกอนในชื่อ V 90 และตัวลุยยกสูงที่ชื่อว่า V 90 Cross Country ซึ่งจุดหลักของความเปลี่ยนแปลงในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอกนั้นสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่กันชนหน้าและกระจังหน้าใหม่ที่ออกแบบได้อย่างเพรียวและดูหรูหราขึ้น โดยมีการเพิ่มไฟตัดหมอกรูปทรงใหม่เข้าไปด้วย ส่วนด้านท้ายนั้น แม้ว่ารูปทรงของไฟท้ายจะยังเหมือนเดิม แต่ทว่าก็มีการปรับปรุงในส่วนของลวดลายและตำแหน่งการจัดวางของชุดไฟใหม่ เพื่อให้ดูมีความสวยสดขึ้น
สำหรับห้องโดยสารยังเหมือนเดิมในแง่ของรูปทรงหลักของมาตรวัดและหน้าปัด แต่ทว่าวอลโว่ เพิ่มความสุนทรีย์ในการเดินทางด้วยการติดตั้งลำโพงของ Bowers and Wilkins รวมถึงยังมีการอัพเกรดภาคขยาย และการติดตั้งระบบช่วยป้องกันการเล็ดลอดของเสียงอันไม่พึงประสงค์ที่จะเข้ามาสู่ห้องโดยสาร โดยว่ากันว่าการปรับปรุงเหล่านี้จะสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพของเสียงเพลงให้มีความเด่นขึ้น
นอกจากนั้น เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยที่ PM 2.5 กำลังคุกคามคุณภาพชีวิต ทางวอลโว่ มีการติดตั้งระบบ AAC หรือ Advanced Air Cleaner พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับอนุภาคของ PM 2.5 เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ขึ้น โดยคุณสามารถมอนิเตอร์คุณภาพอากาศโดยรอบในห้องโดยสารได้ผ่านทางหน้าจอที่ติดตั้งอยู่คอนโซลกลาง
อีกสิ่งที่เป็นของใหม่สำหรับ S/V 90 รุ่นปรับโฉมคือ การเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ Mild Hybrid 48 V มาให้เป็นทางเลือกสำหรับ S/V 90 หลังจากที่ในปี 2019 ระบบไฮบริดชุดนี้ถูกยกมาติดตั้งในรถยนต์เอสยูวี ทั้ง 2 รุ่นอย่าง XC 90 และ XC 60 โดยตัวระบบจะสามารถช่วยประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น 15% และสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซอันตรายอออกสู่สภาพแวดล้อม
ส่วนทางเลือกอื่นๆ ในตลาดต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากวอลโว่อีกครั้งเมื่อตัวรถใกล้ถึงกำหนดการส่งมอบคันจริงให้กับลูกค้าที่คาดว่าน่าจะมีขึ้นไม่เกินกลางปี 2020
