ซูซูกิ เซียส เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2015 และในปีที่ 5 นี้ ซูซูกิ ได้ทำการไมเนอร์เชนจ์ให้กับ เซียส เป็นครั้งแรก และแน่นอนยอดขายของเซียสจะเป็นหนึ่งในรถอีโคคาร์ของซูซูกิ ทั้งหมด 3 รุ่นคือ เซเลริโอ่ สวิฟท์ และเซียส จะส่งผลให้ซูซูกิมียอดขายเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 31,000 คัน ในจำนวนนี้ (เซกเม้นท์ อีโคคาร์) แบ่งเป็น สวิฟท์ ประมาณ 14,000 คัน เซเลริโอ่ 3,100 คัน และเซียส 6,200 คัน
แต่ก่อนที่จะพูดถึงจุดที่ได้รับการปรับเปลี่ยนโฉม ทางซูซูกิได้ใช้ดาราดังอย่าง เบลล่า ราณี มาเป็นพรีเซนเตอร์ และด้วยความสวย น่ารัก มีชื่อเสียง ใครเห็นก็รู้จัก จำได้ ย่อมส่งผลดีต่อซูซูกิ เซียส อย่างแน่นอน
สำหรับการปรับโฉมใหม่ของ ซูซูกิ เซียส เริ่มจากภายนอก จุดแรกคือเติมชุดโครเมียมสไตล์โมเดลรอบคัน ด้านหน้ามีการเปลี่ยนแปลงด้วยชุดกระจังหน้าใหม่ พร้อมโครเมียมทั้งด้านบนและด้านล่าง กันชนหน้าใหม่พร้อมกรอบโครเมียมที่หุ้มไฟตัดหมอก คือชุดด้านหน้าใหม่หมด ส่วนไฟหน้าเป็นไฟหน้าใหม่เปลี่ยนจากหลอดฮาโรเจน (HID)เป็น LED เพิ่มไฟหรี่แบบ LED ถ้ามาเปรียบเทียบการกระจายแสงของ HID กับ LED จะเห็นได้ว่าระบบ HID จะมีมุมอับอยู่ 2 มุมด้านข้าง LED จะไปเติมเต็มในส่วนมุมอับ 2 มุมนี้ ให้ทัศนะวิสัยในกลางคืนได้ดีขึ้น และที่สำคัญ LED ครอบคลุมการมองเห็นได้ดีกว่า HID ถึง 3 เท่า อายุการใช้งานยาวนานกว่าถึง 5 เท่า ฉะนั้นการมองเห็นจะชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเวลากลางคืน นอกจากนี้ด้านหลังจะมีชุดสปอยเลอร์หลังและชุดกรอบโครเมียมทับทิมสะท้อนแสง พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์ถอยหลังในส่วนของไฟท้ายดีไซน์โดดเด่น
ภายในยังคงไว้แบบเดิม โทนสีดำ ตัดด้วยคิ้วสีเงิน พวงมาลัยเป็นแบบหนังควบคุมเครื่องเสียงวิทยุได้ที่พวงมาลัยและยังสามารถสั่งการโทรศัพท์ได้ที่พวงมาลัย วิทยุเป็นแบบ Suzuki Smart Connect เป็นหน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว เชื่อต่อ Bluetooth ระบบนำทาง ที่สำคัญยังสามารถเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay ด้วย
จุดเด่นของเซียส จากรุ่นก่อนมารุ่นนี้ คือภายใน ซูซูกิ ยังคงไว้เหมือนเดิมคือห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบาย ทั้งนี้เซียสถูกออกแบบมาให้มีฐานล้อยาวจากล้อด้านหน้าถึงด้านหลัง 2,650 มิลลิเมตร ส่งผลทำให้การออกแบบภายในห้องโดยสารให้มีขนาดที่กว้างขึ้น นั่งสะดวกสบาย บวกกับการออกแบบเบาะนั่งระหว่างเบาะนั่งด้านหน้าและเบาะนั่งด้านหลังมีความยาวถึง 840 มิลลิเมตร ทำให้ผู้นั่งด้านหลังมีความสะดวกสบายมาก ๆ คนตัวใหญ่ ขายาว ไม่ต้องกังวล
ส่วนเบาะนั่งมาพร้อมกับหนังคุณภาพสูง ถูกออกแบบให้โอบกระชับแล้วนั่งสบาย ในห้องโดยสารยังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสานด้านหลัง แถมยังมีช่องเสียบไฟสำรอง นอกจากนี้ยังมีช่องวางตำแหน่งเครื่องดื่มถึง 8 จุด ส่วนพื้นที่สำภาระด้านท้ายยังถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว้างถึง 565 ลิตร
เซียส ตัวนี้มากับความปลอดภัยที่ครบครัน เริ่มจากการเข้ารถไม่ต้องใช้กุญแจ Keyless Entry รีโมทคอนโทนเปิด-ปิดรถ ล็อครถ มีระบบการสตาร์ทโดยไม่ใช้กุญแจ หรือเรียกว่า Keyless Push Start มีกุญแจนิรภัย Immobilizer หากกุญแจไม่ได้รับการลงทะเบียนมาไม่สามารถที่จะสตาร์ทรถได้ ,ระบบป้องกันการขโมย หากล็อครถด้วยรีโมทแล้วไม่ปลอดล็อคด้วยรีโมทก็จะมีเสียงร้องเตือน และอีกอย่างหนึ่งคือการป้องกันการลืมกุญแจไว้ในห้องสัมภาระด้านท้ายรถ จะไม่สามารถล็อคฝากระโปรงรถได้
เครื่องยนต์ยังเป็นตัวเดิมคือ K12B เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุอยู่ที่ 1,242 ซีซี 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ แรงบิดสูงสุด 18 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ สำหรับเครื่องยนต์ ตัวนี้ถือว่าบำรุงรักษาง่าย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงต่ำและที่สำคัญคือทนทานการใช้งานหนัก ดังนั้นลูกค้าหายห่วง ได้เลย
ส่วนการทดลองขับนั้น ทางซูซูกิ จัดให้รถได้ขับตัว RS หรือตัวท็อป พร้อมเพื่อร่วมเดินทางอีก 3 คน รวมทั้งคัน 4 คน ในระยะทางสั้น ไปกลับประมาณ เกือบ 2OO กิโลเมตร อย่างแรกเลยหน้าตาดูหล่อขึ้น สปอร์ต มากขึ้น เมื่อเข้ามานั่ง สลับหน้า-หลัง ก็ต้องยอมรับว่าจุดเด่นของเซียส คือความกว้างขวาง นั่งสบาย นั่นเอง โดยเฉพาะด้านหลังต้องบอกว่าคนตัวใหญ่ ขายาว ไม่ต้องห่วงว่าจะอึดอัด นั่งแบบสบาย แน่นอน
จากการได้ลองขับในระยะทาง สั้น ๆ ความที่เซียส เป็นรถอีโคคาร์ เครื่องเล็ก กำลังเครื่องยนต์ตามสภาพ อาจะไม่ปรู๊ดปร้าด เร้าใจ แต่ก็ไม่อืดอาด ช่วงกลางถึงปลายวิ่งได้ฉลุยเหมือนกัน เครื่องยนต์และเกียร์ตอบสนองได้ดี ในระดับรถคอมแพค เร่งแซงได้ไม่เหนื่อย ใช้ในเมืองจะคล่องตัวดี ช่วงล่างหนุ่มหนึบใช้ได้
ถึงบรรทัดนี้ ต้องบอกว่า หากจะหารถอีโคคาร์ สักคันหนึ่ง ที่ขับแบบสบาย ๆ คนหลังก็นั่งสบาย ๆ ราคาก็สบาย ๆ เซียส ถือเป็นรถอีโคคาร์ ที่น่าสนใจรุ่นหนึ่ง