เฟอร์รารี่ เปิดตัว F8 Spider ตัวตายตัวแทนของ 488 Spider ที่มากับเครื่องยนต์ V8 วางกลาง โครงสร้างพื้นฐานเดียวกับ F8 Tributo ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยการเปิดประทุนจะเป็นแบบหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ (RHT - Retractable Hard Top) ที่สืบทอดมาจาก 308 GTS รถสปอร์ต V8 เปิดประทุนรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ.1977
กุญแจสำคัญของการออกแบบ คือ การปรับเส้นสายที่แบ่งระหว่างตัวรถและหลังคาออกจากตำแหน่งเดิมที่บริเวณด้านหน้าของรถไปจนถึงส่วนบนของเสากลาง (B-Pillar) ตัวหลังคามีขนาดกะทัดรัดและแบ่งเป็นสองชิ้น เพื่อให้สามารถพับเก็บเข้าไปอยู่ด้านบนของห้องเครื่องได้ ระบบไฟฟ้าช่วยให้การเปิดหรือยกปิดทำได้ในเวลาเพียง 14 วินาที และทำงานได้ขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม.
ด้านหน้าของรถออกแบบใหม่หมด ช่องดักอากาศดีไซน์ S ชุดไฟหน้า LED แบบแนวนอน ที่มีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้น สปอยเลอร์ท้ายใหญ่ขึ้นและโอบล้อมรอบๆ ชุดไฟท้าย พรางตาให้รถดูมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง สอดรับการไหลของอากาศ และยังมีการนำชุดไฟท้ายคู่สุดคลาสสิกและหางหลังสีเดียวกับตัวรถ ซึ่งเป็นสไตล์ที่เคยใช้อยู่ใน 308 GTB ทั้งหมดนี้ ช่วยให้มีประสิทธิภาพโดยรวมของรถเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับ 488 Spider
ห้องโดยสารของ F8 Spider ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิก และเอาใจผู้ขับขี่ เช่นเดียวกับที่ใช้ในรถแข่ง F1 ด้วยการติดตั้งสวิตช์ควบคุมทั้งหมดไว้บนพวงมาลัย เบาะนั่งแบบสปอร์ตดีไซน์ใหม่ คอนโซลกลางจัดวางไว้ใต้แดชบอร์ด พร้อมกับออปชั่นจอระบบสัมผัส (Touchscreen) สำหรับฝั่งผู้โดยสาร
พวงมาลัยมีขนาดเล็กลง พร้อมเปลี่ยนมาใช้ระบบ Dynamic Enhancer Plus แบบใหม่ เวอร์ชั่น 6.1 ของ Ferrari ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเรียกใช้ระบบ Ferrari Dynamic Enhancer system (FDE+) ได้ง่ายยิ่งขึ้น ผ่านตำแหน่ง RACE ของสวิตช์ Manettino บนพวงมาลัย
ทั้งนี้ FDE คือ ระบบที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Ferrari เพื่อปรับแรงดันน้ำมันเบรกที่คาลิเปอร์ โดยระบบจะทำงานในขณะที่รถเข้าโค้ง (ผู้ขับขี่ต้องไม่เหยียบเบรก) และมีการเพิ่มขอบเขตการทำงานบนถนนที่ลื่นและมีการยึดเกาะถนนต่ำ รวมทั้งในโหมด RACE ด้วย ซึ่งระบบนี้เปิดตัวครั้งแรกใน 488 Pista และนำมาใช้กับ 488 Pista Spider ในเวลาต่อมา ก่อนที่เวอร์ชั่น FDE+ จะมีการขยายฟังก์ชั่นการทำงานเพิ่มขึ้น และถูกติดตั้งให้กับ F8 Tributo และ F8 Spider
สำหรับหัวใจ ยังคงเป็นเครื่องยนต์ V8 ที่คว้ารางวัลชนะเลิศ “International Engine of the Year Award” ติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน (2016, 2017, 2018 และ 2019) พิกัดความจุ 3,902 ซีซี. กำลังสูงสุด 720 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร ที่ 3,250 รอบ/นาที
เมื่อเทียบ F8 Spider กับ 488 Spider แล้วจะเห็นพละกำลังที่เพิ่มขึ้น 50 แรงม้า น้ำหนักที่เบากว่าเดิม 20 กิโลกรัม โดย F8 Spider หนักกว่า 488 Pista Spider เพียง 20 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งการลดน้ำหนักเกิดจากการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่หมุนและเคลื่อนไหว เช่น ก้านสูบไทเทเนี่ยม, ข้อเหวี่ยง และฟลายวีล ซึ่งมีส่วนช่วยลดแรงเสียดทานขณะเครื่องยนต์ทำงานลงถึง 17% อีกด้วย
ทั้งนี้ F8 Spider ยังมีระบบช่วยออกตัว Adaptive Performance Launch ที่จะวิเคราะห์การยึดเกาะของยางขณะรถกำลังเร่งความเร็ว จากนั้นระบบอิเล็กทรอนิกส์จะควบคุมแรงบิดให้เหมาะสมกับระดับการยึดเกาะถนน ช่วยลดการลื่นไถลของล้อให้น้อยที่สุด เพื่อให้ได้อัตราเร่งที่ดีที่สุด
เหนืออื่นใดยังคงรักษาเสียงคำรามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเอาไว้ได้ แม้จะได้รับการติดตั้งระบบไอเสียใหม่ ที่มีตัวกรองอนุภาคน้ำมันเบนซิน (GPF - Gasoline Particulate Filter) แบบใหม่ เพื่อให้ F8 Spider สอดคล้องกับข้อกำหนดทางด้านสิ่งแวดล้อม
มาตรฐานคุณภาพใหม่ของเฟอร์รารี่ และการมุ่งเน้นที่การให้บริการลูกค้าเป็นหัวใจหลัก เฟอร์รารี่จึงเปิดโปรแกรมการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นเป็น 7 ปี ให้กับผู้เป็นเจ้าของ F8 Spider โปรแกรมนี้ ครอบคลุมการบำรุงรักษาตามปกติทั้งหมดในช่วง 7 ปีแรกของรถเฟอร์รารี่ทุกรุ่น
สำหรับการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลานี้ เป็นบริการพิเศษที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถจะมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยอยู่เสมอ บริการพิเศษนี้มีให้สำหรับผู้ที่ซื้อเฟอร์รารี่มือสองด้วยเช่นกัน
การบำรุงรักษาปกติ (ตามระยะทาง 20,000 กม.หรือปีละครั้ง) อะไหล่แท้และการตรวจสอบอย่างพิถีพิถัน โดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมโดยตรงที่ศูนย์ฝึกอบรมเฟอร์รารี่ ในเมืองมาราเนลโล โดยใช้เครื่องมือวินิจฉัยทันสมัยที่สุด ซึ่งบริการนี้ มีให้สำหรับตัวแทนจำหน่ายเฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการทั่วโลก
นอกจากนี้ เฟอร์รารี่ยังมีโปรแกรม Genuine Maintenance จะขยายขอบเขตของบริการหลังการขายที่เสนอโดย เฟอร์รารี่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการรักษาประสิทธิภาพและความเป็นเลิศอีกเช่นกัน
