เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยข้อมูลรถสปอร์ตซีดานล่าสุด “ดิออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์” ที่ผสานความลงตัวของรถลีมูซีนและอารมณ์สปอร์ตซีดาน ด้วยความประณีตและคุณภาพของงานฝีมือ ทั้งภายในตัวรถและดีไซน์สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
-ฟลายอิ้ง สเปอร์– นิยามใหม่แห่งการดีไซน์
ความโดดเด่นของการออกแบบ นั้น ได้ถูกออกแบบมาอย่างใหม่หมดจด ด้วยรูปทรงที่ทันสมัยไร้ที่ติ โดยมีการเพิ่มความยาวของฐานล้อเพิ่ม 130 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ เจเนอเรชั่นที่ 2 ของโมเดลนี้ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นถูกจัดให้มีความเข้มแข็งขึ้น บึกบึนในส่วนของเส้นหลัก ที่คมชัดและลากผ่านตัวรถ
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ได้ถูกยกพื้นและสร้างขึ้นใหม่ โดยมีโครงสร้างที่ทำจากอะลูมิเนียม และออกแบบของเส้น power line ตามต้นแบบของรุ่น เดอะ คอนทิเนนเทิล จีที โดยทีมวิศวกรรมได้นำเทคโนโลยีล่าสุด ในการอัดอะลูมิเนียม และหล่อพร้อมกับเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง จึงได้ออกมาเป็นตัวรถที่มีความแข็งแรง หนึบแน่น เพิ่มความแข็งแรงและการทรงตัวที่ดีของรุ่นนี้
นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยไฟหน้า LED ที่ยังคงรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบ “คริสตัลคัท” พร้อมวัสดุโครเมี่ยมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไฟหน้ามีความเงา ประกายแม้จะไม่ได้เปิดไฟ ด้านหลังของไฟท้าย มีตัวอักษรกราฟิค B ล้อมไปด้วย ลวดลาย diamond knurling ที่พบในช่องแอร์ภายในรถ อีกทั้งมีออฟชั่นของล้อให้เลือก 2 ขนาด คือ 21 นิ้ว และออฟชั่นพิเศษ 22 นิ้ว ของ Mulliner
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังนำเสนอหลังคาแก้วพาโนรามิครูฟ โดยแผงด้านหน้าสามารถสไลด์ไปคลุมเหนือ แผงด้านหลังได้อีกด้วย พร้อมเพิ่มในส่วนหนังแผงกัน Alcantara ที่เคลื่อนด้วยระบบอิเล็กทริคมาพร้อมกับสีวัสดุบุหลังคาที่มีให้เลือกแมช ถึง 15 สีอีกด้วย
ส่วน โลโก้ ฟลายอิ้งบี ที่ใช้ตกแต่งหน้ารถ ถูกออกแบบใหม่หมด ในสไตล์ทันสมัย โดยออกแบบมาเฉพาะในโอกาส เบนท์ลีย์ เฉลิมฉลองครบ 100 ปี โดยโลโก้ จะทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ ซึ่งสัมพันธ์กับไฟหน้ากระพริบ เมื่อเจ้าของรถเดินเข้าไปใกล้
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ มีสีมาตรฐานให้เลือกถึง 17 สี เพื่อให้เหมาะสมกับบุคลิกและลายเส้นที่ถูกออกแบบมาของรถ
-ห้องโดยสาร หรูหรา ประณีตบรรจง
การออกแบบภายใน นับเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือชั้นครูของเบนท์ลีย์ โดยเป็นผู้นำความหรูหรา และนวัตกรรมที่ไร้คู่ ด้วยความโดดเด่นของสไตล์ที่มาพร้อมกับเก้าอี้ที่ให้ความสบายและแหวกแนว ด้วยการปักสีด้ายกว่า 15 เฉดสี ทั้งคอนเซปต์ Bentley’s ‘Wing’ ที่สองข้างของปีกที่ทรงพลังพาดผ่านคอนโซลหน้าและแผงหน้าปัดด้านหน้าของรถ
นอกจากนั้นยังมีไม้วีเนียร์ ที่ประดับบริเวณแผงหน้าปัดรถยนต์ และบริเวณประตูของรถ ส่งผลให้รถดูกว้างขึ้นอีกด้วย มาพร้อมกับ คอลโซลกลางที่มีหน้าจอขนาด 12.3-นิ้ว ในระบบสัมผัสทัชสกรีนแบบ HD ที่ดูสมดุลกับช่องแอร์ทั้งด้านหน้า-หลัง พร้อมที่ชาร์ต wireless และ ปลั๊กชาร์ต USB อีกสองจุดสำหรับอุปกรณ์สื่อสารอีกด้วย
ทั้งยังมีจอดิจิทัลอเนกประสงค์ Bentley Rotating Display ที่ประกอบด้วยทัชสกรีน 12.3 นิ้ว ติดตั้งบนหน้าปัด 3 ด้านแบบหมุนได้ ผู้ขับจึงสามารถสลับผลัดเปลี่ยนระหว่างลายไม้วีเนียร์, ทัชสกรีนอเนกประสงค์ หรือมาตรวัดแบบอนาล็อก 3 ช่องสุดคลาสสิค ที่แสดงผลของ อุณหภูมิ เข็มทิศ และนาฬิกา ซึ่งความหรูหรา สง่างาม พร้อมรายละเอียดสุดประณีตซึ่งจะพบได้ใน เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์อีกด้วย
การปักของหนังเบาะรถลายใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bentley EXP 10 Speed 6 ผ่านลาย Three-dimensional diamond นั้น ยังมีที่บริเวณประตูเป็นครั้งแรก พร้อมลาย Diamond knurling ในส่วนช่องแอร์ ที่ถูกประดับล้อมรอบนาฬิกา รวมถึงชุดคำสั่งของชุดซอฟแวร์ใหม่ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นสำหรับความโค้งของท่อต่างๆ
ลายไม้วีเนียร์ลายใหม่ Crown Cut Walnut เป็นอีกหนึ่งออฟชั่นที่ให้ความโดดเด่นและทันสมัย ทั้งมีตัวเลือกเพิ่มกับ Dark Fiddleback และ Piano Black สำหรับผู้ที่ชอบ ลายไม้ทูโทนสามารถสั่งได้ตามต้องการ โดยเลือกประเภทไม้ประดับห้องโดยสารได้อีกด้วย
พร้อมทางเลือกแดชบอร์ดออกแบบให้ยาวและดูพลิ้วไหว คล้ายโลโก้รูปปีกนก พร้อมสีสันที่สวยงามเชื่อมต่อระหว่างด้านหน้า-ด้านหลัง และออฟชั่นใหม่ล่าสุด Mood Lighting ที่สามารถเลือกสีไฟภายในสร้างบรรยากาศได้ถึง 7 สีด้วยกัน พร้อมเก้าอี้ใหม่มีระบบฟังก์ชั่นต่างๆ มากมาย มาพร้อมตัวเลือกของ Mulliner Driving Specification ที่ละเมียดละไมไปด้วยการปักและถักทอจากเบนท์ลีย์ โดยเบาะหลังยังให้ความรู้สึกกว้าง พร้อมที่จะปกป้องทุกที่ที่ไป พร้อมที่พักแขนในส่วนกลางและที่พักคอที่สามารถพับเก็บได้อีกด้วย
-เผยโฉมความปราดเปรียวที่ทรงกำลัง
เบนท์ลีย์ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ดับเบิลยู12 สูบ ทีเอสไอ 6.0 ลิตร นับเป็นเครื่องยนต์ 12 สูบ ที่ตั้งมาตรฐานใหม่ของพละกำลัง ความคล่องแคล่ว และความมีชีวิตชีวาของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดับเบิลยู 12 สูบ ที่วางตัวในรูป W นั้น ประหยัดพื้นที่ในเครื่องยนต์มากกว่าการเรียงตัวแบบ V ทำให้เพิ่มการกระจายน้ำหนัก และยังเพิ่มขนาดของห้องโดยสารอีกด้วย
ขุมพลังบล็อกใหม่ ระบบส่งกำลังถูกคิดค้นมาด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ ที่เพิ่มกำลังอย่างเห็นเด่นชัดจากรุ่นก่อนหน้า โดยทำแรงม้าได้ถึง 635 PS หรือ 626 bhp แรงบิด 900 นิวตันเมตร (664 ฟุต-ปอนด์) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที (0-60 ไมล์ ใน 3.7 วินาที) ความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม. (207 ไมล์/ชั่วโมง) พร้อมการกระจายน้ำหนักไปด้านหน้ามากขึ้น ช่วยให้การทรงตัวมั่นคง และเพิ่มความแม่นยำในการขับขี่ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Bentley Dynamic Ride
ขณะที่เกียร์ เป็นระบบอัตโนมัติคลัทช์คู่ ZF 8 จังหวะ เหมือนรุ่น เดอะ คอนติเนนทัล จีที ให้อัตราเร่งที่ลื่นไหล ไร้อาการสะดุด การเปลี่ยนอัตราทดรวดเร็ว กระชับ ฉับไว นอกจากนี้ประสิทธิภาพของระบบเกียร์ ยังส่งผลต่ออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ให้ความประหยัดมากยิ่งขึ้น ลดการแทรกแทรงของระบบทอร์ค เมื่อความเร็วสูงสุดถึงเกียร์หกแล้ว ตำแหน่งเกียร์เจ็ดและแปดจะถูกใช้ในระบบ economic grand touring
ในรุ่นฟลายอิ้ง สเปอร์ รุ่นก่อนนั้น ได้ใช้ระบบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ด้วยอัตราส่วน 60:40 สำหรับแกนช่วงหลังและหน้า โดยโมเดลใหม่ได้ปรับปรุงระบบคลัช ที่ตอบสนองการขับขี่ในล้อหลัง โดยสัมพันธ์กับ สภาพถนนโดยผันตรงอย่างอัตโนมัติ กับแกนหน้าของรถ เมื่อระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้ โดยช่วงหน้ามีความเบาลงเป็นอย่างมาก การเลี้ยวของพวงมาลัยเมื่อสัมพันธ์กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแล้วนั้น ทำให้การทรงตัวของรถนั้นมีความสมดุลย์อย่างดี
แรงบิดของรถนั้นมีการผันแปรโดยตรงกับ Drive Dynamics Mode ทั้ง โหมด Comfort และ Bentley โดยระบบนี้ได้ส่งพลังกว่า 480 นิวตันเมตร โดยช่วงหน้าได้นำเสนอการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ในโหมด Sport นั้น ได้ส่งพลังแรงบิดสำหรับช่วงหน้า 280 นิวตันเมตรซึ่งคงไว้กับพลังแรงบิดที่ช่วงหลัง ให้พลังที่มากขึ้น โดยกำลังบิดนี้ได้รับผลโดยตรงจาก ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง ช่วยให้เบรกได้อย่างสมดุลย์แม้ในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
ระบบการนำระบบเลี้ยวทั้ง 4 ล้อเป็นเทคโนโลยีใหม่ของเบนท์ลีย์ ที่ช่วยในการขับขี่ที่มั่นคงทั้ง การขับรถความเร็วสูงในไฮเวย์ และ การขับนรถในเมือง ระหว่างการขับเคลื่อนในความเร็วต่ำนี้ ระบบนำทางของล้อหลังจะทำงานตรงกันข้ามกับล้อหน้า ช่วยลดความกว้างของวงเลี้ยว เพิ่มความคล่องตัว และช่วยให้การจอดรถนั้นสะดวกยิ่งขึ้น
ในระหว่างที่รถเคลื่อนตัวในความเร็วสูง ระบบจะจัดระดับการเคลื่อนไหว ของล้อหลังที่สัมพันธ์กับล้อหน้า โดยเพิ่มความมั่นคงในการเปลี่ยนเลน ของรถได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นระบบการควบคุมสี่ล้อยังมีความมั่นคงไม่อลุ่มอะล่วยในความแรงไม่ว่าจะเป็นในช่วงที่รถอยู่ในความเร็ว หรือเคลื่อนตัวในความเร็วต่ำก็ตาม
เจนเนอร์เรชั่นที่สามของ ดิออลนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น ถูกพัฒนาให้ใช้ระบบ แอร์สปิงแบบสามห้อง ที่ประกอบไปด้วย ลมกว่า 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ระบบนี้ส่งผลให้รถ สามารถเน้นการทำงานในระบบสปอร์ตได้ดีขึ้น เกาะพื้นถนนได้ดี แถมยังคงรูปแบบของรถลีมูซีนอันหรูหรา ตามโหมดการทำงานที่ผู้ขับได้เลือก ในรุ่นใหม่นี้ยังเพิ่มในระบบฟีเจอร์ CDC (Continuous Damping Control) ที่ลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์อีกด้วย
นอกจากนี้ ฟลายอิ้ง สเปอร์ยังได้นำเสนอ ระบบเซ็นเซอร์รอบคัน ที่สามารถวัด ระยะระหว่างแกนกลางกับตัวรถ ในกรณีที่ระบบจับความแตกต่างในระดับความสูงปรกติ ระบบอากาศ ในสปริงจะถูกฟื้นฟูให้เหมาะกับระดับปรกติอย่างสมบูรณ์
ระบบ Bentley Dynamic Ride System ได้ถูกออกแบบและพัฒนาระบบการทรงตัว และ ความนุ่มสบายมากขึ้น ระบบนี้มาพร้อมกับการควบคุมของกระแสไฟ 48 โวลต์ โดยจัดการความหนึบแน่น ของเหล็กกันโคลงเพิ่มการเกาะตัวของรถ ตามคำสั่งของการเข้าโค้ง และปรับให้ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้นมีความเสถียรเช่นเดิม
ในรุ่นนี้ยังนำเสนอความพิเศษที่ได้นำจุดเด่นของ จากเบรคทำจากวัสดุเหล็ก ที่ใหญ่ที่สุดของรุ่นContinental GT ที่มีขนาด 420 มิลลิเมตร โดยจานเบรคคาลิปเปอร์ ยังมีชื่อของเบนท์ลีย์ อยู่บนตัวจาน ทั้งในแบบมาตรฐานสีดำเงา และ ออฟชั่นในสีแดงเงาอีกด้วย
นอกจากนั้น เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังให้เสียงท่อที่เร้าใจไม่แพ้ดีไซน์ของมัน ซึ่งได้ผลพวงมาจาก ท่อไอเสียแบบ adaptive ที่ควบคุมระบบลิ้นลูกสูบ และการเคลื่อนตัวของทางเดินลมและแก๊ส ในช่วงการควบคุมด้านหลังของตัวรถที่ถูกจูนมาแล้ว ให้มีการแสดงผลของท่อไอเสีย ให้คนขับได้ทราบถึงสภาวะต่างๆของรถอีกด้วย
เทคโนโลยี อัน ชาญฉลาด ของ ดิออลนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ คือยานยนต์ที่บ่งบอกถึงความล้ำหน้า และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากเบนท์ลีย์ แผงหน้าปัทม์ดิจิตอลเต็มรูปแบบ และ Bentley Rotating Dispaly หน้าจอแสดงผลสำหรับการสื่อสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขับขี่ ความคมชัดจากหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว ในระบบHD ที่มีเซนเซอร์โดยหน้าจออัจฉริยะสามารถนำเสนอทั้งหน้าจอเดียวและ หน้าจอในอัตราสวน 2:1 หรือ สามารถแสดงผลได้ถึง 3 ฟังก์ชั่น ใน Home screen
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น ประกอบด้วยระบบการช่วยเหลือผู้ขับที่ครบครัน ทั้ง Traffic Assist, City Assist และ Blind Spot Warning พร้อมกับระบบช่วยเหลือการมองยามค่ำคืนที่เพิ่ม Head Up Display ที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถโฟกัสถนนข้างหน้าTop View Camera กล้องติดรถคุณภาพสูงที่ช่วยทำให้ผู้ขับขี่บันทึกเหตุการณ์บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นขณะขับขี่โดยรอบหรือจอดรถ และระบบถอยจอดรถอัตโนมัติอีกด้วย
นอกเหนือจานั้นยังมีเทคโนโลยี LED Matrix แต่ในส่วนของดีไซน์รูปทรงโคมไฟหน้ากลับรักษาความคลาสสิกและลำแสงไฟ พื้นผิวภายในโคมไฟโปร่งใส สวยงาม ให้ความสว่างสดใส และการตัดแสงโดยหลีกเลี่ยงแสงแยงตาจากรถฝั่งตรงข้าม
ด้านหลังของผู้โดยสาร เบนท์ลีย์ได้เพิ่มหน้าจอที่มาพร้อมกับรีโมตคอนโทรล ที่ทำจากวัสดุชั้นดี ที่ใช้สะดวก วางไว้แนบกับคอนโซล โดยสามารถกดปุ่มเพื่อดึงออกมาหากต้องการใช้เป็นรีโมต นอกจากนี้รีโมตคอนโครลอัจฉะริยะยัง สามารถควบคุมระบบอื่นๆของ รถได้อีก ด้วยอาทิ ฉากกั้น เก้าอี้นวดด้านหลัง ระบบควบคุมอุณหภูมิของผู้โดยสาร และ ควบคุมไฟ Mood Lighting ในรถอีกด้วย
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ใหม่นั้น นำเสนอ ระบบเสียงทั้งสิ้น 3 แบบ ไม่ว่าจะมาตรฐาน ที่ให้ลำโพง 10 ตัว ระบบไฟ 650 วัตต์ หรือเครื่องเสียงชั้นนำ Bang & Olufsen 1,500 วัตต์ ที่มาพร้อมกับลำโพง16 ตัว กับแผงประดับ ที่ให้ความสวยงาม นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบ BeoSonic system ทางเลือกใหม่ที่ปรับระดับเสียงเพียงสัมผัส
และแน่นอนกับระบบเครื่องเสียง Naim 2,2000 โวลต์ กับลำโพงถึง 19 ตัว พร้อมเครื่องแปลงความถี่ของเสียง โดยติดตั้งไว้หน้าที่นั่งทั้ง 2 ข้าง ให้ความคมชัดของเสียงและสามารถปรับเสียงได้ถึง 8 โหมดด้วยกัน