xs
xsm
sm
md
lg

มิตซูบิชิ แจงปี’61 ยอดขายเพิ่ม 13% ฟันกำไร 32,000 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์








มิตซูบิชิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2561 สิ้นสุดลงเมื่อ 31 มี.ค.2562 ที่ผ่านมาว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ มียอดขายสุทธิ เพิ่ม 14.7% รายได้จากการขายรวม 2.5146 ล้านล้านเยน (ประมาณ 725,000 ล้านบาท) และมีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.4% หรือ 111,800 ล้านเยน (ประมาณ 32,000 ล้านบาท) จาก 98,200 ล้านเยน (ประมาณ 28,000 ล้านบาท) ส่วนยอดขายรวมจากทุกประเทศทั่วโลก มีทั้งสิ้น 1,244,000 คัน เพิ่มขึ้น 13%









สำหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยอดขาย เอ็กซ์แพนเดอร์ เพิ่มขึ้น 17% เป็นจำนวนรวม 318,000 คัน จากการขายในอินโดนีเซีย ซึ่งเปิดตัวและขายเป็นที่แรก รวมถึงฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม



ขณะที่ญี่ปุ่น ยอดขาย อีคลิปส์ ครอสส์, เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และ เดลิกา ดีไฟฟ์ ต่างมีส่วนสนับสนุนให้ยอดขายเติบโต 7% ตัวเลข 105,000 คัน ทั้งยังเป็นการรักษาแนวโน้มการฟื้นฟูความต้องการต่อรถมิตซูบิชิรุ่นต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวรถเคคาร์รุ่นใหม่ ได้แก่ อีเค แวกอน และ อีเค ครอสส์ อีกด้วย








ทั้งนี้ ยังมียอดขายที่เติบโตเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดหลัก, ในโอเชียเนีย รวมถึงตลาดที่มีความสำคัญ อย่าง อเมริกาเหนือ จีน และภูมิภาคอื่นๆ ส่งผลทำให้สามารถทำยอดขายได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้




ด้านการเงินรวม ในปีงบประมาณ 2562 มิตซูบิชิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น คาดว่า ยอดขายทั่วโลก จะขยายตัว 5% อยู่ที่ 1,305,000 คัน
ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขาย จากการเพิ่มมูลค่าแบรนด์และสร้างความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นให้แก่เครือข่ายการจำหน่าย ควบคู่กับการขยายการขาย เอ็กซ์แพนเดอร์ ซึ่งได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี รวมถึงการเพิ่มยอดขาย เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และ อีคลิปส์ ครอสส์ ที่สะท้อนศักยภาพอันแข็งแกร่งอีกด้วย








พร้อมกันนี้ ได้คาดการณ์แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในงบประมาณ 2562 ว่า จะมีรายได้จากการขายรวมเพิ่มขึ้น 3% มูลค่ารวม 2.58 ล้านล้านเยน (ประมาณ 744,000 ล้านบาท) โดยเน้นการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน แม้อยู่ภายใต้สภาวะตลาดที่มีความผันผวนมากขึ้นก็ตาม เพื่อบรรลุเป้าหมายผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 90,000 ล้านเยน (ประมาณ26,000 ล้านบาท) และเป้าหมายผลกำไรสุทธิที่ 65,000 ล้านเยน (ประมาณ19,000 ล้านบาท)






กำลังโหลดความคิดเห็น