xs
xsm
sm
md
lg

ท้ามาลอง “นิสสัน เอ็กซ์เทรล&เทอร์ร่า” ตะลุย “พม่า” ใต้จรดเหนือ 3 วัน 1,000 กม.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





โปรเจคพิเศษ N.I.D.E หรือ Nissan Intelligent Driving Experience ที่มาพร้อมกับสโลแกน Go Anywhere คือการเดินทางพิสูจน์สมรรถนะของรถยนต์นิสสันในเส้นทาง จากกรุงเทพฯ ประเทศไทย เข้าสู่ประเทศพม่า ช่วงติดต่อกับจังหวัดกาญจนบุรี วิ่งจากทวายไปยังจุดเหนือสุดที่มัณฑะเลย์ แล้ววกกลับมาเข้าเมืองไทยที่ด่านแม่สายรวมระยะทางทั้งสิ้นราว 3,000 กิโลเมตร








เห็นทริปยาวขนาดนี้ ทันทีที่ทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้รับเชิญจากทาง นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) เราจึงตอบรับคำเชิญแบบไม่ต้องลังเล โดยเราถูกวางตำแหน่งให้เข้าร่วมทริปในช่วงที่สอง ได้ขับราว 1,000 กม. จากการแบ่งกันขับเป็น 3 กลุ่ม โดยมีรถยนต์เข้าร่วม 3 รุ่นหลัก คือ เอ็กซ์เทรล , เทอร์ร่า และ นาวาร่า









ตัดภาพเข้าสู่การขับแบบไม่มีโฆษณาคั่น เราประจำการใน นิสสัน เอ็กซ์เทรลรุ่น 2.5VL 4WD โฉมไมเนอร์เชนจ์ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยรุ่นดังกล่าวนี้หัวใจพกพาเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง กำลังสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 233 นิวตันเมตร เรียกว่าเพียงพอสำหรับการเดินทางที่มีผู้ร่วมโดยสารไปด้วยอีก 2 ท่านและสัมภาระชุดใหญ่เต็มท้ายรถ








เส้นทางเริ่มจากกรุงย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของพม่า มุ่งหน้าสู่จุดหมายแรก เนย์ปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ ด้วยเส้นทางมอเตอร์ เวย์ใหม่ที่พม่าสร้างขึ้นมา แบบทางตรงยาวกว่า 800 กม. ซึ่งต้องเรียนตามตรงว่า สภาพถนนแม้จะเป็นคอนกรีตแต่มีหลุม, บ่อ, รอยแตก, รอยต่อ และไม่เรียบ เช่นเดียวกับสภาพถนนในเมืองไทย








เราต้องขอบคุณระบบช่วงล่างของ นิสสัน เอ็กเทรล ที่ให้ผู้ขับขี่รู้สึกนุ่มสบายตลอดการเดินทาง รวมถึงผู้โดยสารทางด้านหลังที่สามารถหลับได้แบบไม่เวียนหัว แม้บางช่วงบางตอนจะมีการสั่นสะเทือนตามสภาพย่ำแย่ของพื้นผิวถนน








ทั้งนี้จากลักษณะของการขับขี่แบบทางตรงยาวและขับเป็นขบวนภายใต้ความเร็วที่กฎหมายพม่ากำหนดไว้คือ 100 กม./ชม. ทำให้เราได้ทดลองใช้ ระบบ Adaptive Cruise Control ที่ต้องยอมรับว่า ช่วยให้เราสบายขึ้นอย่างมากสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ความเร็วปรับขึ้นลงและเบรกตามรถคันหน้า ลดการเมื่อยล้าจากการต้องเหยียบคันเร่งสลับเบรกเป็นเวลานานๆ ได้ แต่จะต้องมาต่อสู้กับความง่วงจากการจับพวงมาลัยอยู่นิ่งๆ แทน








พวงมาลัยไฟฟ้าของ เอ็กซ์เทรล ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบจากการได้ใช้งานกันแบบยาวๆ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เบามือเวลาเลี้ยว และนิ่งเมื่อวิ่งทางยาวๆ รวมถึงระบบเกียร์ที่ตอบสนองนุ่มนวล แต่ระบบเกียร์ชุดนี้จะมีจุดที่เราไม่ชอบคือ การเร่งแซง เมื่อคิกดาวน์แล้ว เสียงเครื่องคำราม ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน ตัวรถไม่พุ่งทะยาน ความเร็วจะค่อยๆขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของรถนิสสันแทบทุกรุ่นที่ใช้เกียร์ซีวีทีจะพบลักษณะแบบนี้









เราจบการขับวันแรกด้วย การมาชมพระอาทิตย์ตกที่ อุปปาตสันติเจดีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ชเวดากองจำลอง ณ เมืองเนย์ปิดอว์ ระยะทางการขับรวม 400 กว่ากม. โดยนอนพักที่เมืองหลวงแห่งใหม่ เป็นเวลาหนึ่งคืน


รุ่งขึ้นเราถึงคิวเปลี่ยนรถรอบนี้ ได้รถหมายเลข 6 นิสสัน เทอร์ร่า รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เจ้าของขุมพลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล ขนาด 2.3 ลิตร โยกย้ายสัมภาระเรียบร้อย เรายังคงประจำการในตำแหน่งพลขับต่อไป โดยมีจุดหมายปลายทางที่ พุกาม


แม้จุดหมายปลายทางคือสิ่งสำคัญ แต่เรื่องราวระหว่างทางนั้นกลับสำคัญยิ่งกว่า การเปลี่ยนมาขับ เทอร์ร่า สิ่งแรกที่เราทุกคนบนรถลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันคือ ความนุ่มสบายที่แตกต่างออกไป เทอร์ร่าสะเทือนมากกว่าเอ็กซ์เทรล ส่วนการทรงตัวถือว่าทำได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ขณะที่อัตราเร่งกลายมาเป็นจุดเด่นให้เทอร์ร่า ดูน่าสนใจกว่าเอ็กซ์เทรล ทันที







ด้วยการเลือกคบหากับเกียร์อัตโนมัติแบบ 7 สปีด ทำให้เทอร์ร่า ตอบสนองทันใจกว่าในจังหวะเร่งแซง รวมถึงภาพรวมการขับขี่ที่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่าสนุกกว่าเอ็กซ์เทรลตัว 2.5 อย่างไรก็ตาม เสียดายที่ระบบ ครูซ คอนโทรล ของเทอร์ร่า ยังเป็นเวอร์ชันปกติไม่ใช่แบบAdaptive เฉกเช่นเอ็กซ์เทรล จึงทำให้ความสบายลดน้อยลงไป








สำหรับวันที่สองของการเดินทาง เราขับไปเป็นระยะทางเกือบ 300 กม. ทั้งถนนที่เป็นซีเมนต์และทางฝุ่น เพื่อเข้าไปยังจุดชมวิว ทะเลเจดีย์ อันเลื่องชื่อของ พุกาม ที่มีเจดีย์มากกว่า 4,000 แห่งกระจายอยู่โดยรอบพื้นที่








ความเชื่อเรื่องของการสร้างเจดีย์ในพม่านั้น เกิดจากความเลื่อมใสในพุทธศาสนาของประชาชนชาวพม่า ที่เล่าต่อกันมาว่า ยิ่งสร้างเจดีย์มากเท่าไหร่ ยิ่งได้บุญมากเท่านั้น และยังเป็นการช่วยสืบสานพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ต่อไปนานเท่านาน คณะของเรามาถึงยังจุดชมวิว เสียดายที่ไม่สามารถขึ้นไปชมบนเจดีย์เหล่านั้นได้ เนื่องจากหลังเหตุแผ่นดินไหวทำให้เจดีย์หลายแห่งได้รับความเสียหาย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทางการพม่าจึงสั่งห้ามทุกคนขึ้นไปบนเจดีย์ทุกแห่ง











แม้จะไม่ได้ขึ้นแต่ยังได้ชมบนเนินดินที่มีการสร้างไว้ให้กับนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับทิวทัศน์ของทะเลเจดีย์ โดยต้องมีความใจแข็ง ตอบปฏิเสธแก่บรรดาเหล่าแม่ค้าชาวพม่าที่เข้ามาพยายามขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งเขาเหล่านั้นจะไม่หยุดตื้อจนกว่าเราจะซื้อหรือไม่ก็ขับรถออกไปจากพื้นที่นั้นแล้ว ตรงจุดนี้แนะนำว่า ทุกท่านต้องแข็งใจสู้ กว่าจะกลับเข้าที่พัก ตะวันก็ตกดินเรียบร้อย รอคอยเวลาให้พรุ่งนี้เช้าแล้วลุยกันต่อ










เมื่อตะวันสาดแสงเข้าสู่วันที่สาม คณะของเราเตรียมพร้อม ตามเวลาล้อหมุน 07.30 น. เพื่อไปยังจุดหมายสุดท้าย เมียะเต็งดานเจดีย์ ที่เมือง มัณฑะเลย์











ในวันสุดท้ายของการเดินทางเราได้ขับ นิสสัน เอ็กซ์เทรล โฉมไมเนอร์เชนจ์ อีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นรุ่นไฮบริด เรียกได้ว่า เหมือนสวรรค์มาโปรด ถูกหวยรวยเบอร์กันเลยทีเดียว ทั้งนี้ด้วยเส้นทางในรอบนี้ค่อนข้างทะลุกันดานกว่าที่ผ่านมาและมีโค้งค่อนข้างเยอะ แต่ไม่มีกล้องตรวจจับความเร็ว ดังนั้นจึงทำความเร็วได้บ้างในบางช่วง









สำหรับเจ้าเอ็กซ์เทรล ไฮบริดนั้น มากับขุมพลัง 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่มีกำลังจากเครื่องยนต์ 144 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร จากแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน ขนาดความจุ 887 วัตต์/ชม. กำลังสูงสุดรวม 179 แรงม้า ขับเคลื่อนสี่ล้อ










การได้ลองขับแบบสลับสับเปลี่ยนรายวันเช่นนี้มีข้อดีคือ เราจะได้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างรุ่นที่เราได้ขับ โดยเอ็กซ์เทรล ไฮบริด สร้างความประทับใจให้ผู้ร่วมเดินทางของเราทั้ง 3 คนแบบว่า ชนะเลิศ ทั้งความนุ่มนวลนั่งสบาย หลับได้เนียนๆ และการตอบสนองที่ทันใจแม้จะใช้เกียร์อัตโนมัติแบบซีวีทีเหมือนกัน แต่กลับเร่งแซงได้อย่างกระฉับกระเฉงทันท่วงทีในทุกย่านความเร็ว









อาจจะกล่าวได้ว่า เกียร์ชุดนี้เหมาะสมกับการใช้งานร่วมกับระบบขับเคลื่อนที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยไม่ออกอาการรอรอบ ทั้งยังเด่นด้วยความเงียบของเครื่องยนต์ที่แทบจะไม่แทรกเข้ามาภายในห้องโดยสารได้ และยังมีในเรื่องของอัตราการบริโภคน้ำมันที่ประทับใจเราด้วยตัวเลขในระดับมากกว่า 14 กม./ลิตร กับการขับแบบคาราวานที่ต้องตามคันหน้าให้ทันอีกด้วย










เมื่อมาถึงจุดหมาย เมียะเต็งดาน ในช่วงเวลาหลังเที่ยงเล็กน้อย การเข้าเยี่ยมชมโบราณสถานทุกแห่งของพม่านั้น ทุกคนที่เข้าพื้นที่ต้อง “ถอดรองเท้าและถุงเท้า” คือเดินเท้าเปล่า บนพื้นหินของเจดีย์ที่รับแสงแดดจากดวงอาทิตย์ในห้วงเวลาบ่าย คงไม่ต้องบรรยายว่า เราเดินเร็วแค่ไหนกับการเข้าไปเยี่ยมชมในเวลาบ่ายๆ แบบนี้ หลังจากอิ่มเอมกับความระอุของเจดีย์เรียบร้อยแล้ว ได้เวลาที่เราต้องเดินทางกลับเสียที









เส้นทางสุดท้ายของเรา กับตัวเลขที่ 300 กม. ต้องเจอกับทางแคบ ทางโค้ง ทางวิบาก รวม 3 วันเราขับไปรวม 1,000 กม. ครบถ้วนแต่ไม่มีเสียงบ่นใดๆ จากสมาชิกผู้ร่วมเดินทาง มีเพียงเสียงหัวเราะเฮฮา จากการนินทารถคันอื่น จะให้ขอบคุณใครถ้าไม่ใช่ นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ที่มาได้ถูกจังหวะ จบทริปแบบประทับใจ โดยทิ้งไว้เพียงความทรงจำสุดท้ายว่า “แม้ภายนอก45องศา แต่ เทอร์ร่า แอร์หนาว”








กำลังโหลดความคิดเห็น