xs
xsm
sm
md
lg

ลองขับจริง Aston Martin DBS V12 แรงหรูคู่สบาย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีอายุอานามกว่าหนึ่งร้อยปีของ แอสตัน มาร์ติน นอกจากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว ยังคงต้องมีเรื่องของการบริหารจัดการองค์กรควบคู่กันไปด้วยเสมอ ซึ่งปัจจุบัน แอสตัน มาร์ติน กลายมาเป็นบริษัท มหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศอังกฤษ ตามนโยบายของกลุ่มทุนอิสระ ที่ต้องการทำให้แอสตัน มาร์ติน เป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตอย่างยั่งยืน

หนึ่งในนโยบายหลัก คือ การออกรถยนต์รุ่นใหม่ ปีละหนึ่งรุ่น ภายใต้สโลแกน 7 Years 7 Models ที่แอสตัน มาร์ติน ได้เปิดมาแล้ว 2 รุ่น คือ ดีบี11 และแวนเทจ ล่าสุดกับการเปิดตัว “ดีบีเอส” พี่ใหญ่สุดในไลน์การขายที่มาแทนรุ่น แวนควิช ซึ่งยุติการผลิตไป โดยในเมืองไทยเพิ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ส่วนทีมงานเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง บินไปทดลองขับถึงประเทศอังกฤษ เชิญติดตามได้ว่า เจ้าv12 มีทีเด็ดอย่างไรบ้าง

-ปรัชญาดีไซน์ใหม่

แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอส ใหม่นี้ ถือกำเนิดขึ้นภายใต้แนวคิดใหม่ที่สะท้อนปรัชญาการออกแบบยุคนี้ของทีมดีไซน์ โดยมุ่งให้ความสำคัญในเรื่องของอากาศพลศาสตร์และรูปลักษณ์ที่มีการตีความให้สอดคล้องกับบุคลิกของตัวรถ

ดีบีเอส มากับกระจังหน้าที่ใหญ่และไม่เตี้ยมากนัก เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่สะท้อนการเป็นผู้นำ ขณะที่เส้นสายต่างๆ ออกแบบเพื่อการไหลเวียนของอากาศที่ดี โดยมีการออกแบบช่องรับลมทางด้านหลัง ทำให้ลมผ่านเข้ามาสร้างแรงกดให้กับตัวรถทางด้านท้าย ส่งผลดีอย่างยิ่งเมื่อขับด้วยความเร็วสูง







ซุ้มล้อและยาง มีการคำนวณอย่างดี เพื่อให้อยู่ในแนวระดับเดียวกัน เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการดูดซับแรงสะเทือน โดยทีมออกแบบต้องต่อสู้กับทีมวิศวกร เพื่อหาจุดลงตัวให้ได้ทั้งความสวยงามและสมรรถนะที่ดี นับเป็นการผสมผสานระหว่างวิศวกรรมกับความสวยงามทางศิลปะ




การออกแบบภายใน สิ่งสำคัญที่สุดของแอสตัน มาร์ติน คือ ความประณีตในการประกอบ โดยทั้งเบาะนั่งและคอนโซลต่างๆ ใช้ฝีมือคนในการตัดเย็บ ที่ผู้เขียนได้ไปเห็นการทำงานดังกล่าวถึงในโรงงานประกอบรถยนต์ของแอสตัน มาร์ตินแล้ว ยอมรับอย่างเต็มปากว่า น่าทึ่งมาก





หัวใจสำคัญของการออกแบบภายใน แอสตัน มาร์ตินให้น้ำหนักกับเรื่องของความสมมาตร ระหว่างซ้ายกับขวา จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ว่ารถคันนั้นจะพวงมาลัยซ้ายหรือขวา แผนคอนโซลกลางจะอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกลางพอดี ได้ทั้งความสวยงามและความสะดวกในการใช้งานของผู้โดยสาร



เบาะนั่งของ ดีบีเอส นั้น ถูกออกแบบมาตามหลังสรีระศาสตร์ช่วยให้นั่งสบายตลอดการเดินทาง แม้ว่าจะขับเป็นเวลานาน ด้วยแนวคิดการสร้างรถเพื่อเดินทางด้วยความสบาย แม้ว่าจะเป็นรถสปอร์ตแต่ต้องให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ เพื่อความสุขของผู้ขับขี่ อันเป็นหนึ่งในปรัชญาการสร้างสรรค์รถยนต์ของแอสตัน มาร์ติน ยุคใหม่นี้





หัวใจบรรจุเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V12 ขนาด 5.2 ลิตร กำลังสูงสุด 715 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร ซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้ที่มาที่ไปไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลทางลับของเรา หากไม่ผิดพลาดเครื่องยนต์รหัส AE31 ตัวนี้ เป็นผลผลิตร่วมกันของทาง แอสตัน มาร์ติน และ เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ที่พัฒนาต่อยอดมาจากเครื่องยนต์ V12 ระดับมหาเทพตัวหนึ่งของ เอเอ็มจี โดยลดขนาดความจุลงแต่เพิ่มกำลังให้มากขึ้น โดยผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดจาก ZF




-นุ่มขับสบาย แรงหลังติดเบาะ

พาดหัวแบบนี้อาจจะดูเหมือนย้อนแย้งอยู่ในตัวเองว่าจะเป็นไปได้อย่างไร รถแรงมากๆ จะขับสบายได้จริงหรือ คำถามนี้เราหาคำตอบมานานและยังไม่เจอว่ารถคันไหน ที่แรงได้ในระดับใกล้เคียง ไฮเปอร์ คาร์ แต่สามารถขับง่ายและนั่งสบายได้ทุกวัน ส่วนซุปเปอร์คาร์ที่ใช้งานได้ทุกวันนั้น เวลานี้มีอยู่หลายรุ่นแล้ว



เราจับคู่กับนักข่าวจากฟิลิปปินส์ ในการขับโดยเส้นทางเริ่มต้นจากที่โรงงานมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมที่พัก โดยเส้นทางมีระยะทางประมาณหนึ่งร้อยกิโลเมตร ระยะเวลาขับคำนวณตามจีพีเอสราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เริ่มต้นในตำแหน่งของผู้ขับก่อนเป็นคนแรก จัดแจงตำแหน่งที่นั่งให้เหมาะสม โชคดีที่เราขับในประเทศ อังกฤษ ซึ่งเป็นรถพวงมาลัยขวาเหมือนกัน ดังนั้น จึงค่อนข้างง่ายและคุ้นชินกับการขับรถชิดซ้ายแบบนี้ ต่างจากคู่หูของเราที่ชินกับรถพวงมาลัยซ้าย

ติดเครื่อง กดปุ่มเข้าเกียร์ ด้วยระบบเกียร์ไฟฟ้า ไม่มีคันเกียร์ ใช้เพียงการกดปุ่มแทน ดีไซน์แบบนี้บางท่านชอบเพราะสะดวกและดูสวยงาม แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ เพราะรู้สึกสูญเสียอรรถรสในการเปลี่ยนเกียร์ไป ถึงแม้จะมีแป้นบวกลบ(Paddle Shift) ติดตั้งมาเพื่อให้เปลี่ยนเกียร์เล่นได้เหมือนรถเกียร์ธรรมดา แต่ความรู้สึกมันจะแตกต่างกันอย่างแน่นอน แล้วแต่คนจะชอบจริงๆ






พวงมาลัยน้ำหนักเบามือ รัศมีวงเลี้ยวแคบ วงรอบของการหมุนก็น้อยเช่นเดียวกัน เรียกว่าหักเลี้ยวเพียงนิดก็สามารถเลี้ยวพ้นได้อย่างง่ายดาย ส่วนสิ่งที่ชอบเป็นพิเศษที่สุดของ ดีบีเอส คือ ความนุ่มนวลในการขับขี่ เป็นรถที่ขับแล้วเพลินดี สมกับที่วิศวกรได้บอกเราว่า ตั้งใจให้เป็นรถแบบแกรนด์ทัวริ่ง สามารถขับใช้งานวิ่งทางยาวๆ ได้อย่างสบาย







ความเร็วที่เราใช้ในเส้นทางแบบชนบทส่วนใหญ่อยู่ราว
50 ไมล์/ชม. หรือราว 80 กม./ชม. ตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อวิ่งเข้าสู่ช่วงถนนแบบมอเตอร์เวย์ บางช่วงบางตอนสามารถทำความเร็วได้ เราวิ่งได้ถึง 180 กม./ชม. แบบสบายๆ พละกำลังเหลือเฟือมากสำหรับเจ้า ดีบีเอส คันนี้





การทรงตัวที่ความเร็วสูงนั้น มั่นใจได้เต็มร้อย โดยยังคงความสบายอยู่จะมีคงเป็นเรื่องของการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก ซึ่งเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงกว่า
160 กม./ชม. โดยเฉพาะในวันที่สองที่เราได้ขับมีฝนตกลงมาตลอดทาง ได้รับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างการวิ่งบนถนนแห้งและถนนเปียกอย่างชัดเจนด้วย



ถ้าเป็นขับด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 120 กม./ชม. ไม่แตกต่างแต่อย่างใด ดีบีเอส ยังคงให้ความรู้สึกที่เกาะถนน นุ่มหนึบ แต่เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงบนถนน ความรู้สึกว่าเกาะถนนเมื่อถนนเปียกนั้น น้อยกว่าถนนแห้ง ยิ่งเมื่อเจอแอ่งน้ำขัง ชัดเจนว่าต้องจับพวงมาลัยให้มั่นคง บางจุดเราเจอแรงดึงจากแอ่งน้ำบนถนนแต่ก็ยังควบคุมรถได้อยู่มือ จากการชะลอและแตะเบรก ซึ่งระบบเบรกนั้น น้ำหนักเหมาะสมดีงามกับการใช้งานของเรามาก เรียกหยุดและเอาอยู่ทุกย่านความเร็ว







แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องบอกควบคู่กันคือ ความที่เป็นเบรกแบบเซรามิค เมื่อเจอฝนหรือน้ำขัง จะมีเสียงดังเวลาวิ่ง ฉะนั้น อย่าตกใจ เราได้สอบถามทีมวิศวกรมาแล้วว่า เป็นทุกคัน เพราะนี่คือธรรมชาติ เพียงแค่คุณกดเบรกหนักๆ ให้ความร้อนไล่ความชื้นออกไป เสียงเบรกที่ดังก็จะหายไปเอง


มาถึงจุดใหญ่ใจความที่เราจะต้องเล่า จากข้างต้นที่เราเอ่ยถึงว่า ดีบีเอส นั้น มีความแรงเทียบเคียงในระดับที่ใกล้กับไฮเปอร์คาร์ เนื่องจากความบังเอิญของผู้เขียนที่ชอบคิกดาวน์แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าผู้เขียนจะเคยลองซุปเปอร์คาร์มาแล้วครบทุกยี่ห้อ แต่ยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน



จังหวะแรกที่ผู้เขียนกดคันเร่งแบบคิกดาวน์ไป แรงดึงแบบหลังติดเบาะพอสมควร ปกติตามสไตล์รถสปอร์ต แบบ V12 จะพึงทำได้ แต่เมื่อผู้เขียนกดคิกดาวน์ซ้ำลงไป คราวนี้ถึงกับออกอาการเหวอ แรงดึงมหาศาลแบบพุ่งทะยานจนเราตกใจว่า ทำได้อย่างไร หัวใจเต้นแบบตูมตาม อะดรีนาลีนพุ่งพล่านในทันที นี่คือรถคันแรกในชีวิตที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้ได้



เหนือสิ่งอื่นใด แม้รถจะพุ่งอย่างแรง แต่รถไม่เสียการทรงตัว เรายังคงควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ ระบบเสริมความปลอดภัยเปิดครบ ซึ่งจังหวะนั้น ถ้าจำไม่ผิด ผู้เขียนใช้งานในโหมดสปอร์ต โดยมีโหมดการขับให้เลือกใช้ได้ 3 แบบ ที่เราได้ลองขับคือ Normal, Sport และ Sport+

หมดรอบการขับเราย้ายมาเป็นผู้โดยสาร บอกตามตรงว่านั่งสบาย บางช่วงมีแอบหลับด้วย สุดท้ายเราต้องจากลาเจ้าดีบีเอส หลังจากขับมาถึงจุดหมายปลายทาง

-เหมาะกับใคร

มหาเศรษฐี ที่อยากลองไฮเปอร์คาร์ แต่ไม่จำเป็นต้องจ่ายถึงหลักร้อยล้านบาท แค่เพียง 28.9 ล้านบาท สำหรับค่าตัวของแอสตัน มาร์ติน ดีบีเอส ในเมืองไทย ก็เพียงพอต่อการได้ลองขุมพลัง V12 โดยที่คนนั่งข้างๆ จะไม่บ่นเรื่องของความอึดอัดหรือนั่งไม่สบายอย่างแน่นอน





กำลังโหลดความคิดเห็น