ค่ายรถระดมของใหม่ เปิดตัวเต็มเวที บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ 2019 ร่วมฉลองครบรอบ 40 ปีของการจัดงาน ในปีนี้ ไฮไลท์รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ รุ่นใหม่ ๆ และอุปกรณ์ประดับยนต์ต่าง ๆ พร้อมด้วยโปรโมทชั่นพิเศษเพียบ สำหรับรถใหม่ปีนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง รวบรวมมาให้ได้อ่าน ชมกัน
Honda Accord
แอคคอร์ด เป็นรถที่สำคัญอีกรุ่นหนึ่งของฮอนด้า ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลกและลูกค้าชาวไทย โดยทำการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ในเจเนอเรชันที่ 10 ที่ยังคงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียุคใหม่ ทั้งระบบขับเคลื่อนและความปลอดภัย ที่ถ่ายทอดความเป็นสปอร์ตพรีเมียม
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มาพร้อม 2 ขุมพลังในการขับเคลื่อน ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ตอบสนองทันใจ แรงบิด 243 นิวตัน-เมตร ด้วยเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชันและเทอร์โบชาร์จเจอร์ ทั้งประสานการทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้สมรรถนะการขับขี่มากกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และประหยัดน้ำมันในอัตรา 16.4 กิโลเมตร/ลิตร มากกว่าเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร ในรุ่นเดิม โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
ส่วนระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) เป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ ทั้งแบบโหมดมอเตอร์ไฟฟ้า, โหมดไฮบริด และโหมดเครื่องยนต์ พร้อมโหมดแบบสปอร์ต ที่ใช้งานได้เพียงกดปุ่ม Sport บริเวณคันเกียร์ ทั้งให้ผู้ขับขี่สนุกสนานในสไตล์สปอร์ต ด้วยระบบ Sport Hybrid i-MMD ใหม่ แบบ Full Hybrid ให้สมรรถนะการขับขี่และประหยัดน้ำมันได้ถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร ทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการปล่อยไอเสียเพียง 97 กรัม/กิโลเมตร
พร้อมกันนี้ แอคคอร์ด ใหม่ ได้ติดตั้งระบบเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ที่ผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่ และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน
ส่วนการดีไซน์ภายนอก ผสานความหรูหรา สง่างามกับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว กว้างขวาง สะดวกสบาย ที่มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียมเชื่อมต่อกับไฟหน้า พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน แบบ LED โดดเด่นด้วยไฟท้ายดีไซน์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ แอคคอร์ด ใหม่ แบบ LED พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่นเทอร์โบ และขนาด 18 นิ้ว ในรุ่นไฮบริด
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ ทั้งนี้ ฮอนด้า จะวางจำหน่าย แอคคอร์ด ใหม่ และประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ในเดือนพฤษภาคม 2562 แต่ราคาน่าจะประมาณนี้ รุ่น HYBRID TECH ราคาไม่เกิน 1,800,000 บาท รุ่น HYBRID ราคาไม่เกิน 1,650,000 บาท รุ่น TURBO EL ราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท
Chevrolet แคปติวา ใหม่
เชฟโรเลต ประเทศไทย เปิดตัวรถอเนกประสงค์ "แคปติวา ใหม่" อย่างเป็นทางการ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ พร้อมวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ซึ่งเปิดตัวรถรุ่นใหม่ครั้งนี้ ถือเป็นกลุยทธ์ที่สำคัญของเชฟโรเลตในการสร้างตลาดรถกระบะและรถอเนกประสงค์ เพื่อขยายกลุ่มสินค้าและสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจในระยะยาว
ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นสะดุดตา พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้แคปติวา รุ่นใหม่ สะท้อนตำนานความสำเร็จของรถอเนกประสงค์เชฟโรเลต พร้อมตอบสนองความต้องการและความคาดหลังของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
สำหรับ เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ มีทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ด้วยสไตล์การออกแบบภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัย ทำให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียว แข็งแกร่ง กระจังหน้า เน้นเหลี่ยมมุมดูสง่างาม ไฟหน้าแบบ LED และเส้นสายตัวถัง ที่มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว โดยราคาจำหน่ายจะมีการประกาศให้ทราบในภายหลัง
Aston Martin DBS Super leggera
แอสตัน มาร์ติน แบงคอก แนะนำแกรนด์ทัวเรอร์สุดหรู Aston Martin DBS Super leggera ซึ่งถูกยกให้เป็นรถในสายการผลิตที่ดีสุดของ แอสตัน มาร์ติน โดยหลอมรวมความงามสง่าเข้ากับความเร็ว สมรรถนะ และความสะดวกสบายอย่างลงตัว ทำให้ DBS Super leggera เป็นรถแกรนด์ทัวเรอร์สุดหรูควบคู่สมรรถนะเต็มพิกัด
โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมผสานชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ เครื่องยนต์เบนซิน วี12 สูบ 5.2 ลิตร ทวินเทอร์โบ 715 แรงม้า ที่แรงบิด 900 นิวตันเมตร สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอสตัน มาร์ติน ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม.
ช่วงล่างอิสระ หน้า ดับเบิลวิชโบน หลัง มัลติลิงค์ พร้อมโช้คอัพปรับความหนืดอัตโนมัติ ADS (Adaptive Damping System) จานเบรกคาร์บอนเซรามิก หน้า 410 มม. หลัง 360 มม. จับคู่กับล้อแม็กขอบ 21 นิ้ว ยางหน้า 265/35/21 หลัง 305/30/21
Audi e-tron 55 quattro
อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัว Audi e-tron 55 quattro เอสยูวีพรีเมียม 5 ที่นั่ง พลังงานไฟฟ้า 100% ราคา 5,099,000 บาท นำเข้าและผลิตจากโรงงานของอาวดี้ในเมืองบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุด
ระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีมอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้ง 2 ตำแหน่งที่ด้านหน้าและด้านหลัง ส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง ตอบสนองฉับไวในทุกช่วงเวลา มอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 266 กิโลวัตต์ หรือ 360 แรงม้า และเพิ่มขึ้นเป็น 408 แรงม้า ในบูสต์โหมด แรงบิดสูงสุด 561 นิวตันเมตร เพิ่มขึ้นเป็น 664 นิวตันเมตร ในบูสต์โหมด ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 6.6 วินาที และ 5.7 วินาทีในบูสต์โหมด ทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม.
จุดเด่นของ e-tron คือ การชาร์จไฟ 1 ครั้ง เดินทางได้ถึง 417 กม. จากการทดสอบโดยใช้มาตรฐาน WLTP ซึ่งเป็นการออกแบบที่เยี่ยมยอดทำให้ชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้รวดเร็ว หรูหรา สะดวกสบายในการใช้งาน ความกว้างขวางของห้องโดยสารมาจากการออกแบบพื้นที่จัดวางแบตเตอรี่ พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลัง ซึ่งมีความจุถึง 660 ลิตร
Bentley Continental GT Convertible
เบนท์ลีย์ แบงค็อก มากับการเปิดตัว อัครยนตรกรรมเปิดประทุนที่หรูหราที่สุดแห่งปี ‘ออล-นิว คอนติเนนทัล จีที คอนเวอร์ทิเบิล’ เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ออล-นิว คอนติเนนทัล จีที คอนเวอร์ทิเบิล เจเนอเรชันที่ 3 มีรูปลักษณ์หรูหราและสง่างาม ผสานความบึกบึน พร้อมเส้นสายอันไหลลื่น ไม่ว่าปิดหรือเปิดหลังคาก็ดูงดงาม วัสดุชั้นเลิศ ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย รองรับการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ จออเนกประสงค์หมุนได้ (Bentley Rotating Display) เติมเต็มความคลาสสิกแบบดั้งเดิม เมื่อคุณต้องการปลีกตัวจากโลกดิจิทัล
หลังคาผ้าแบบ Z-fold ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมลดเสียงรบกวนได้อีก 3 เดซิเบล ใช้เวลาเปิดเพียง 19 วินาที พร้อมออปชันหลังคาผ้าสักหลาดหนานุ่ม ดูร่วมสมัย ห้องโดยสารของจีที คอนเวอร์ทิเบิล ใหม่ มีความเงียบเทียบเท่ารุ่นคูเป้ เจเนอเรชันก่อน
โครงสร้างตัวถังล้ำสมัย ผสานเครื่องยนต์เบนซินดับเบิลยู 12 สูบ 635 แรงม้า และเกียร์ดูอัล-คลัตช์ 8 จังหวะ มอบประสบการณ์ขับสุดเร้าใจ พร้อมการตอบสนองอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที (0-60 ไมล์ ใน 3.7 วินาที) ความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม. (207 ไมล์/ชั่วโมง)
BMW X7 M50d
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย แนะนำบีเอ็มดับเบิลยู X7 M50d ใหม่ รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV) และเป็นรถในตระกูล X รุ่นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่บีเอ็มดับเบิลยูเคยผลิต หัวใจสำคัญคือ การผสานที่สุดแห่งความสะดวกสบาย ความคล่องตัว และความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน
สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี M Performance TwinPower Turbo ที่ส่งพละกำลังสูงสุด 294 กิโลวัตต์/400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตรที่ 2,000-3,000 รอบต่อนาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ
เป็นครั้งแรกสำหรับรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมกับท่อไอเสียในสไตล์ M Sport เสริมจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ตด้วยเสียงดุดัน รวมทั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ คล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมขุมพลังบีเอ็มดับเบิลยู X7 ใหม่นี้ ได้อย่างแม่นยำและง่ายดาย เทคโนโลยีแชสซีใหม่ล่าสุดพร้อมระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro ยังช่วยมอบการควบคุมที่เฉียบคมและปราดเปรียวยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู X7 M50d จะเริ่มเปิดรับจองในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2019 ราคาจำหน่าย 8,999,000 บาท พร้อมแพ็คเกจ BSI Standard
JAGUAR I-PACE
อินช์เคป ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้า JAGUAR I-PACE ซึ่งมาในรูปแบบรถสปอร์ตด้วยรูปลักษณ์สะอาดตาและสง่างาม ผสานด้วยความปลอดภัย พร้อมเทคโนโลยีล้ำยุคและประโยชน์ใช้สอยในฐานะรถ SUV แบบห้าที่นั่ง เพื่อส่งจากัวร์สู่ตำแหน่งผู้นำแห่งวิวัฒนาการยานยนต์พลังไฟฟ้า
จุดเด่นสำคัญของ JAGUAR I-PACE คือ สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดที่ 470 กม.ต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง ทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.8 วินาที มีพละกำลัง 400 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 696 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ชนิด Pouch cells ที่มีน้ำหนักเบาและใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อย ขนาด 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง
นอกจากนั้นสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-80 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาเพียง 20-40 นาที ผ่านเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรง DC (Quick charge) หรือภายในเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง ด้วยเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสสลับ AC (Home Wallbox) รองรับโดยสถานีชาร์จแบตเตอรี่ที่ให้บริการมากกว่า 400 สถานี โดย EA Anywhere
พร้อมด้วยการมอบการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม. และ 5 Years Worry Free Program ประกอบด้วย รับประกันนาน 5 ปี บริการซ่อมบำรุงฟรี 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
Lamborghini Huracán EVO
Lamborghini Huracán EVO วิวัฒนาการเหนือระดับสู่สุนทรียภาพแห่งการขับขี่สูงสุด ครั้งแรกกับระบบ LDVI ที่เป็นศูนย์กลางควบคุมระบบของตัวรถทั้งหมด เช่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและระบบเลี้ยวล้อหลัง เพิ่มความคล่องตัวและช่วยให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากขึ้น
ด้วยดีไซน์ตัวถังใหม่เพื่ออากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้นเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร รุ่นล่าสุด ถ่ายทอดมาจาก Huracán Performante ด้วยพละกำลัง 640 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตรช่วยให้ Huracán EVO ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาทีและจาก 0-200 กม./ชม. ภายใน 9.0 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดที่มากกว่า 325 กม./ชม. ด้วยตัวถังวัสดุอลูมิเนียมผสมกับคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้ตัวรถมีน้ำหนักตัวเพียง 1,422 กิโลกรัมจึงทำให้ระยะเบรกจากความเร็ว 100 กม./ชม. จนหยุดนิ่งสามารถทำได้ในระยะเพียง 31.9 เมตรเท่านั้น
ภายในของ Lamborghini Huracán EVO มาพร้อมจอสัมผัสขนาด 8.4 นิ้วที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ช่วยให้การเชื่อมต่อนั้นง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วย Gesture control จอ HMI ใหม่สามารถควบคุมฟังค์ชั่นต่างๆ เช่น เบาะ ระบบปรับอากาศ ระบบสถานะ LDVI รวมไปถึงระบบ Apple CarPlay
Lexus UX
เล็กซัสกรุ๊ป นำเสนอรถระดับพรีเมียมที่สมบูรณ์แบบ เลกซัสUX...Creative Urban Explorer รถคอมแพ็คครอสโอเวอร์...ตอบรับกับชีวิตเมือง ที่ขับเคลื่อนด้วยการค้นหาสิ่งใหม่
เลกซัส UX คือรถคอมแพ็ค ครอสโอเวอร์รุ่นล่าสุดของเลกซัส ที่มาพร้อมระบบไฮบริดเต็มรูปแบบ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคม ภายในออกแบบอย่างประณีตพิถีพิถัน เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ล้ำสมัย ให้ความสะดวกสบายสูงสุด พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
จากสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบใหม่ GA-C (Global Architecture-Compact Platform) โดยโครงสร้างตัวถังถูกออกแบบให้แข็งแกร่งและมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลให้มีการทรงตัวที่ดีเยี่ยมและควบคุมได้ดั่งใจ พร้อมขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดรุ่นล่าสุด เจเนอเรชันที่ 4 เพิ่มประสิทธิภาพในอัตราการเร่งและประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม
รถยนต์เลกซัสทุกรุ่นที่ซื้อจากผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะได้รับการรับประกัน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมรับสิทธิ์เป็นสมาชิก Lexus Club รวมทั้งรับสิทธิพิเศษจาก Lexus Elite Club ผ่าน Mobile Application ที่จะมอบสิทธิ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และสิทธิประโชน์เหนือระดับให้กับลูกค้าคนสำคัญตลอดทั้งปี
Maserati GranTurismo
มาเซราติ ประเทศไทย เอาใจสาวกตรีศูล ด้วยการจัดแสดงรถใหม่ถึง 3 รุ่น ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ GranTurismo ที่ถูกปรับโฉมมาเพื่อสืบทอดสายพันธุ์สปอร์ตจีที 2+2 ที่นั่ง เพิ่มความสดใหม่ เปลี่ยนกระจังหน้าและกันชนหน้า-หลังให้ดูสปอร์ตขึ้น เครื่องยนต์วางหน้าแบบ Mid-Front กระจายน้ำหนักหน้า-หลัง 49:51%
เครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ 4.7 ลิตร (Naturally-aspirated) 460 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตันเมตร แผดเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของมาเซราติ ช่วงรอบสูงส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.8 วินาที
ติดตั้งแดชบอร์ดดีไซน์ใหม่ นาฬิกา แป้นควบคุมแบบ Rotary Control พร้อมเปลี่ยนทัชสกรีนอเนกประสงค์ที่มีความละเอียดมากขึ้น เพิ่มความสุนทรีย์ตลอดการเดินทาง ด้วยเครื่องเสียง Harman Kardon Premium Sound System
Mercedes-Benz S560 e
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย นำเสนอรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดตัวรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เจเนอเรชันที่ 3 ภายใต้แบรนด์ EQ อย่าง “Mercedes-Benz S 560 e” ซาลูนหรูรุ่นประกอบในประเทศ ที่มาพร้อมกับมิติใหม่แห่งสุนทรียะในการขับขี่ ทั้งในด้านนวัตกรรม ความสะดวกสบาย
S560 e AMG Premiumโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์อันหรูหรา สง่างาม มาพร้อมกับสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซินวี 6 ขนาด 3.0 ลิตร Twin turbocharging ที่ให้พละกำลังสูงถึง 367 แรงม้า ผสานพลังกับมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง 122 แรงม้า จะทำให้ได้ System Output สูงสุดถึง 476 แรงม้า
นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิดใหม่ มีขนาดเล็กลง แต่ประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม 50% ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเจเนอเรชันที่แล้วถึง 60% และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
ทั้งนี้ หากใช้เครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บ็อกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด จะประจุไฟฟ้าจากความจุร้อยละ 10 จนเต็มได้ในเวลาประมาณ 90 นาที (ในสภาวะปกติ) และประมาณ 5 ชั่วโมงหากประจุไฟฟ้าโดยใช้กำลังไฟฟ้าจากเต้ารับทั่วไปตามบ้าน
MG V80
เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย เปิดตัว “ MG V80” รถยนต์ Passenger Van ขนาด 11 ที่นั่ง ที่มาพร้อมห้องโดยสารกว้าง พร้อมความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยครบครัน สามารถรองรับทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว
“MG V80” ได้รับการออกแบบสไตล์รถยุโรปด้วยการวางเครื่องยนต์ด้านหน้า และขับเคลื่อนล้อหน้า โดยมีมิติตัวถังที่กว้าง 1.99 เมตร สูง 2.13 เมตร และพื้นห้องโดยสารที่ราบเรียบ (Flat floor) จึงทำให้ห้องโดยสารมีความโอ่โถง นั่งสบาย สามารถเดินถึงกันได้ในแบบ Walk Through พร้อมประตูสไลด์ 2 บาน และบันไดข้างไฟฟ้าระบบอัตโนมัติที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้น-ลง
ด้านความปลอดภัย ช่วงล่างที่ให้เสถียรภาพในการขับขี่แบบรถยุโรป ระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ และติดตั้งระบบความปลอดภัย ESP (Electronic Stability Program) ซึ่งครอบคลุมทั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกครบครัน โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลขนาด 2.5 ลิตร ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
MINE SPA1
Mine Mobility เปิดตัว “MINE SPA1” รถยนต์ไฟฟ้า MPV ขนาด 5 ที่นั่ง ที่พัฒนามาจากรถยนต์ต้นแบบเดิมให้มีความยาวมากขึ้นถึง 4.50 เมตร ภายในกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย วิ่งได้ถึง 200 กิโลเมตร มากับรูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่น แตกต่างไม่เหมือนใคร
ภายในเน้นการใช้สอยทันสมัย บรรจุทั้งฟังก์ชันและออปชันมากมาย มาพร้อมพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดนิ่ง โดยมีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 30 กิโลวัตต์ วิ่งได้ 200 กิโลเมตร โดยโครงสร้างผลิตจากอะลูมิเนียม
ทางบริษัทได้เตรียมความพร้อมด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้า ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 400 สถานีที่ติดตั้งแล้วเสร็จ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เปิดใช้งานไปกว่า 200 สถานี ส่วนที่เหลือยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการเปิดใช้ ซึ่งค่าบริการคิดอัตรา 1 ชั่วโมง 50 บาท 2 ชั่วโมง 80 บาท 3 ชั่วโมง 110 บาท และ 4 ชั่วโมง 150 บาท พร้อมเปิดลงทะเบียนจองสิทธิสำหรับผู้ที่สนใจยานยนต์ไฟฟ้า Mine SPA1 ช่วงภายในงานนี้เท่านั้น ผ่านช่องทาง www.minemobility.com
Porsche 911
ปอร์เช่ ประเทศไทย แนะนำ Porsche 911 สปอร์ตระดับตำนาน เจเนอเรชันที่ 8 ยานยนต์ที่ เปี่ยมล้นด้วยอัจฉริยภาพแห่งการบังคับควบคุมจากระบบช่วงล่างชั้นเลิศ ผสานการทำงานกับนวัตกรรมระบบช่วยเหลือการขับขี่ล้ำสมัย คล่องแคล่ว ปราดเปรียว มั่นใจทุกสถานการณ์ รักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของสปอร์ตเครื่องยนต์วางหลังสุดคลาสสิก
Porsche 911 Carrera S และ Porsche Carrera 4S มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบนอน พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จพละกำลังกว่า 450 แรงม้า เพิ่มขึ้นถึง 30 แรงม้า เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าทั้ง 2 รุ่น สามารถเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็วที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 4 วินาที
งานออกแบบภายนอกใหม่ ซุ้มล้อที่ได้รับการขยายความกว้างยิ่งขึ้น เพื่อรองรับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่คู่หน้า และ 21 นิ้ว ที่คู่หลัง มุมมองด้านหน้ารถถูกปรับให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับสายพันธุ์ปอร์เช่รุ่นอื่นๆ ฝากระโปรงที่ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของงานออกแบบที่ถ่ายทอดมาจากปอร์เช่ 911 เจเนอเรชันแรก ตัวถังด้านท้ายขยายกว้าง เน้นย้ำถึงความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตยุคใหม่เฉกเช่นปอร์เช่ทุกรุ่นในปัจจุบัน
นับเป็นครั้งแรกของโลกสำหรับการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ Wet mode เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบดังกล่าวจะรับหน้าที่ตรวจจับปริมาณน้ำที่ขังอยู่บนพื้นผิวเส้นทาง ปรับแต่งระบบควบคุมอื่นๆ และส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้ขับขี่ เพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าให้แก่รถยนต์ทั้งคัน ตอบสนองต่อความปลอดภัยสูงสุด
Rolls-Royce Cullinan Supreme Liberty
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์คาร์ส แบงคอก จัดแสดงรถยนต์ในเครือแบบ ‘Full Range’ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อร่วมฉลองในโอกาสครบรอบ 40 ปี งานบางกอก มอเตอร์โชว์ ความพิเศษอยู่ที่การเตรียมจัดแสดง Cullinan Supreme Liberty (คัลลิแนน ซูพรีม ลิเบอร์ตี้) อัลตราลักชัวรี่เอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของโรลส์-รอยซ์ ให้ยลโฉมกันอย่างใกล้ชิด
ตัวถังดูสุขุมและสง่างามกับสีพิเศษ ‘Infinity-Black Metallic’ ตัดด้วยโค้ชไลน์สี Mandarin เป็นเส้นสีส้มบางๆ คาดข้างตัวถังยาวจรดด้านหลัง เป็นเสมือนงานศิลป์จากปลายพู่กันของ นาย มาร์ค คอร์ต โดยเป็นคนเดียวในโลกกับหน้าที่สุดพิเศษนี้
ห้องโดยสารใช้โทนสี Scivaro Gray (ซิวาโร่ เกรย์) ตัดกับสีดำ และเย็บตะเข็บเดินด้ายสี Mandarin ติดตั้งลายไม้ Blackwood Matted และเป็นคันแรกในไทยที่มาพร้อมออปชัน ‘Immersive Seating with Centre Console’ เป็นเบาะหลัง 2 ที่นั่งแบบแยกส่วน พร้อมคอนโซลคั่นกลาง ภายในเป็นตู้แช่และชุดเครื่องดื่ม ติดตั้งแผงกั้นระหว่างห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระ เพื่อลดเสียงรบกวนและให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด ทั้งนี้คาดว่าราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 32.9 ล้านบาท
Subaru XV GT Edition
บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ ‘ซูบารุ’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ประกาศนำรถต้นแบบที่อัดครบชุดแต่งระดับโลก นิยามบทใหม่ของความเร้าใจ “Subaru XV GT Edition Prototype” มาร่วมอวดโฉมเพื่อเอาใจสาวกซูบารุ เอ็กซ์วี ในประเทศไทย
โดยรถคันนี้นับเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่เกิดจากความร่วมมือของมอเตอร์ อิมเมจ กรุ๊ป, กิเคน ซังโก เอ็นจิเนียริ่ง และ นาย มาซาฮิโกะ โกบายาชิ อดีตผู้บริหารสูงสุดฝ่ายงานออกแบบของซูบารุ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งร่วมกันดีไซน์รถสปอร์ต อเนกประสงค์รุ่นยอดนิยมของคนทั่วโลก มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในเอเชียที่ประเทศไทย
Suzuki Jimny
ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทยซูซูกิ Jimny คอมแพ็คออฟโรดโฉมใหม่ล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่น กับนิยาม “Nobody But Jimny” ชูจุดเด่นด้านการออกแบบที่มีเอกลักษณ์สะท้อนความเป็น Jimny DNA พร้อมชูเทคโนโลยีการขับขี่ที่ทันสมัย อัดแน่นด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ตอบไลฟ์สไตล์ทั้งการใช้ชีวิต ‘อย่างมืออาชีพ’
โดดเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าแนวตั้ง 5 แถวเข้ากับฝากระโปรงหน้าทรงเหลี่ยม ไฟหน้า LED ทรงกลมพร้อมระบบทำความสะอาดไฟหน้า ไฟท้ายแบบ LED ซุ้มล้อสีดำรอบคัน ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพสูง ทนทาน ทันสมัยด้วยซูซูกิ Smart Connect รองรับ Apple CarPlay ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมจอ LCD
เครื่องยนต์ใหม่ รหัส K15B ขนาด 4 สูบ 1.5 ลิตร สมรรถนะสูง 102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 130 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALLGRIP Pro และ Low Transfer Gear รัศมีวงเลี้ยว 4.9 เมตร พร้อมระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะวิ่งลงทางลาดชัน ระบบ Hill Hold Control ป้องกันรถไหลและช่วยออกตัวขณะขับขี่ขึ้นทางชัน
โครงสร้างตัวถัง TECT เหล็กกล้า ระบบ Traction Control System ป้องกันล้อหมุนฟรี ถุงลมนิรภัย SRS ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD มีให้เลือกถึง 5 สี พร้อมสีทูโทนอีก 3 สี สามารถสั่งจองและติดตามข้อมูลได้แล้วในงานมอเตอร์โชว์ และ www.NewSuzukiJimny.com
ทั้งหมดนี้ ผู้อ่านสามารถเจอตัวจริงได้ในงาน “ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2019 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม -7 เมษายน 2562 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี
Honda Accord
แอคคอร์ด เป็นรถที่สำคัญอีกรุ่นหนึ่งของฮอนด้า ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลกและลูกค้าชาวไทย โดยทำการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ในเจเนอเรชันที่ 10 ที่ยังคงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียุคใหม่ ทั้งระบบขับเคลื่อนและความปลอดภัย ที่ถ่ายทอดความเป็นสปอร์ตพรีเมียม
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มาพร้อม 2 ขุมพลังในการขับเคลื่อน ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ตอบสนองทันใจ แรงบิด 243 นิวตัน-เมตร ด้วยเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชันและเทอร์โบชาร์จเจอร์ ทั้งประสานการทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้สมรรถนะการขับขี่มากกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และประหยัดน้ำมันในอัตรา 16.4 กิโลเมตร/ลิตร มากกว่าเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร ในรุ่นเดิม โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
ส่วนระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) เป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ ทั้งแบบโหมดมอเตอร์ไฟฟ้า, โหมดไฮบริด และโหมดเครื่องยนต์ พร้อมโหมดแบบสปอร์ต ที่ใช้งานได้เพียงกดปุ่ม Sport บริเวณคันเกียร์ ทั้งให้ผู้ขับขี่สนุกสนานในสไตล์สปอร์ต ด้วยระบบ Sport Hybrid i-MMD ใหม่ แบบ Full Hybrid ให้สมรรถนะการขับขี่และประหยัดน้ำมันได้ถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร ทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการปล่อยไอเสียเพียง 97 กรัม/กิโลเมตร
พร้อมกันนี้ แอคคอร์ด ใหม่ ได้ติดตั้งระบบเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ที่ผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่ และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน
ส่วนการดีไซน์ภายนอก ผสานความหรูหรา สง่างามกับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว กว้างขวาง สะดวกสบาย ที่มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียมเชื่อมต่อกับไฟหน้า พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน แบบ LED โดดเด่นด้วยไฟท้ายดีไซน์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ แอคคอร์ด ใหม่ แบบ LED พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่นเทอร์โบ และขนาด 18 นิ้ว ในรุ่นไฮบริด
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ ทั้งนี้ ฮอนด้า จะวางจำหน่าย แอคคอร์ด ใหม่ และประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ในเดือนพฤษภาคม 2562 แต่ราคาน่าจะประมาณนี้ รุ่น HYBRID TECH ราคาไม่เกิน 1,800,000 บาท รุ่น HYBRID ราคาไม่เกิน 1,650,000 บาท รุ่น TURBO EL ราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท
Chevrolet แคปติวา ใหม่
เชฟโรเลต ประเทศไทย เปิดตัวรถอเนกประสงค์ "แคปติวา ใหม่" อย่างเป็นทางการ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ พร้อมวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ซึ่งเปิดตัวรถรุ่นใหม่ครั้งนี้ ถือเป็นกลุยทธ์ที่สำคัญของเชฟโรเลตในการสร้างตลาดรถกระบะและรถอเนกประสงค์ เพื่อขยายกลุ่มสินค้าและสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจในระยะยาว
ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นสะดุดตา พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้แคปติวา รุ่นใหม่ สะท้อนตำนานความสำเร็จของรถอเนกประสงค์เชฟโรเลต พร้อมตอบสนองความต้องการและความคาดหลังของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
สำหรับ เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ มีทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ด้วยสไตล์การออกแบบภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัย ทำให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียว แข็งแกร่ง กระจังหน้า เน้นเหลี่ยมมุมดูสง่างาม ไฟหน้าแบบ LED และเส้นสายตัวถัง ที่มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว โดยราคาจำหน่ายจะมีการประกาศให้ทราบในภายหลัง
Aston Martin DBS Super leggera
แอสตัน มาร์ติน แบงคอก แนะนำแกรนด์ทัวเรอร์สุดหรู Aston Martin DBS Super leggera ซึ่งถูกยกให้เป็นรถในสายการผลิตที่ดีสุดของ แอสตัน มาร์ติน โดยหลอมรวมความงามสง่าเข้ากับความเร็ว สมรรถนะ และความสะดวกสบายอย่างลงตัว ทำให้ DBS Super leggera เป็นรถแกรนด์ทัวเรอร์สุดหรูควบคู่สมรรถนะเต็มพิกัด
โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมผสานชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ เครื่องยนต์เบนซิน วี12 สูบ 5.2 ลิตร ทวินเทอร์โบ 715 แรงม้า ที่แรงบิด 900 นิวตันเมตร สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอสตัน มาร์ติน ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม.
ช่วงล่างอิสระ หน้า ดับเบิลวิชโบน หลัง มัลติลิงค์ พร้อมโช้คอัพปรับความหนืดอัตโนมัติ ADS (Adaptive Damping System) จานเบรกคาร์บอนเซรามิก หน้า 410 มม. หลัง 360 มม. จับคู่กับล้อแม็กขอบ 21 นิ้ว ยางหน้า 265/35/21 หลัง 305/30/21
Audi e-tron 55 quattro
อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัว Audi e-tron 55 quattro เอสยูวีพรีเมียม 5 ที่นั่ง พลังงานไฟฟ้า 100% ราคา 5,099,000 บาท นำเข้าและผลิตจากโรงงานของอาวดี้ในเมืองบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุด
ระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีมอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้ง 2 ตำแหน่งที่ด้านหน้าและด้านหลัง ส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง ตอบสนองฉับไวในทุกช่วงเวลา มอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 266 กิโลวัตต์ หรือ 360 แรงม้า และเพิ่มขึ้นเป็น 408 แรงม้า ในบูสต์โหมด แรงบิดสูงสุด 561 นิวตันเมตร เพิ่มขึ้นเป็น 664 นิวตันเมตร ในบูสต์โหมด ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 6.6 วินาที และ 5.7 วินาทีในบูสต์โหมด ทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม.
จุดเด่นของ e-tron คือ การชาร์จไฟ 1 ครั้ง เดินทางได้ถึง 417 กม. จากการทดสอบโดยใช้มาตรฐาน WLTP ซึ่งเป็นการออกแบบที่เยี่ยมยอดทำให้ชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้รวดเร็ว หรูหรา สะดวกสบายในการใช้งาน ความกว้างขวางของห้องโดยสารมาจากการออกแบบพื้นที่จัดวางแบตเตอรี่ พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลัง ซึ่งมีความจุถึง 660 ลิตร
Bentley Continental GT Convertible
เบนท์ลีย์ แบงค็อก มากับการเปิดตัว อัครยนตรกรรมเปิดประทุนที่หรูหราที่สุดแห่งปี ‘ออล-นิว คอนติเนนทัล จีที คอนเวอร์ทิเบิล’ เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ออล-นิว คอนติเนนทัล จีที คอนเวอร์ทิเบิล เจเนอเรชันที่ 3 มีรูปลักษณ์หรูหราและสง่างาม ผสานความบึกบึน พร้อมเส้นสายอันไหลลื่น ไม่ว่าปิดหรือเปิดหลังคาก็ดูงดงาม วัสดุชั้นเลิศ ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย รองรับการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ จออเนกประสงค์หมุนได้ (Bentley Rotating Display) เติมเต็มความคลาสสิกแบบดั้งเดิม เมื่อคุณต้องการปลีกตัวจากโลกดิจิทัล
หลังคาผ้าแบบ Z-fold ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมลดเสียงรบกวนได้อีก 3 เดซิเบล ใช้เวลาเปิดเพียง 19 วินาที พร้อมออปชันหลังคาผ้าสักหลาดหนานุ่ม ดูร่วมสมัย ห้องโดยสารของจีที คอนเวอร์ทิเบิล ใหม่ มีความเงียบเทียบเท่ารุ่นคูเป้ เจเนอเรชันก่อน
โครงสร้างตัวถังล้ำสมัย ผสานเครื่องยนต์เบนซินดับเบิลยู 12 สูบ 635 แรงม้า และเกียร์ดูอัล-คลัตช์ 8 จังหวะ มอบประสบการณ์ขับสุดเร้าใจ พร้อมการตอบสนองอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที (0-60 ไมล์ ใน 3.7 วินาที) ความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม. (207 ไมล์/ชั่วโมง)
BMW X7 M50d
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย แนะนำบีเอ็มดับเบิลยู X7 M50d ใหม่ รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV) และเป็นรถในตระกูล X รุ่นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่บีเอ็มดับเบิลยูเคยผลิต หัวใจสำคัญคือ การผสานที่สุดแห่งความสะดวกสบาย ความคล่องตัว และความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน
สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี M Performance TwinPower Turbo ที่ส่งพละกำลังสูงสุด 294 กิโลวัตต์/400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตรที่ 2,000-3,000 รอบต่อนาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ
เป็นครั้งแรกสำหรับรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมกับท่อไอเสียในสไตล์ M Sport เสริมจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ตด้วยเสียงดุดัน รวมทั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ คล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมขุมพลังบีเอ็มดับเบิลยู X7 ใหม่นี้ ได้อย่างแม่นยำและง่ายดาย เทคโนโลยีแชสซีใหม่ล่าสุดพร้อมระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro ยังช่วยมอบการควบคุมที่เฉียบคมและปราดเปรียวยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู X7 M50d จะเริ่มเปิดรับจองในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2019 ราคาจำหน่าย 8,999,000 บาท พร้อมแพ็คเกจ BSI Standard
JAGUAR I-PACE
อินช์เคป ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้า JAGUAR I-PACE ซึ่งมาในรูปแบบรถสปอร์ตด้วยรูปลักษณ์สะอาดตาและสง่างาม ผสานด้วยความปลอดภัย พร้อมเทคโนโลยีล้ำยุคและประโยชน์ใช้สอยในฐานะรถ SUV แบบห้าที่นั่ง เพื่อส่งจากัวร์สู่ตำแหน่งผู้นำแห่งวิวัฒนาการยานยนต์พลังไฟฟ้า
จุดเด่นสำคัญของ JAGUAR I-PACE คือ สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดที่ 470 กม.ต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง ทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.8 วินาที มีพละกำลัง 400 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 696 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ชนิด Pouch cells ที่มีน้ำหนักเบาและใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อย ขนาด 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง
นอกจากนั้นสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-80 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาเพียง 20-40 นาที ผ่านเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรง DC (Quick charge) หรือภายในเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง ด้วยเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสสลับ AC (Home Wallbox) รองรับโดยสถานีชาร์จแบตเตอรี่ที่ให้บริการมากกว่า 400 สถานี โดย EA Anywhere
พร้อมด้วยการมอบการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม. และ 5 Years Worry Free Program ประกอบด้วย รับประกันนาน 5 ปี บริการซ่อมบำรุงฟรี 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
Lamborghini Huracán EVO
Lamborghini Huracán EVO วิวัฒนาการเหนือระดับสู่สุนทรียภาพแห่งการขับขี่สูงสุด ครั้งแรกกับระบบ LDVI ที่เป็นศูนย์กลางควบคุมระบบของตัวรถทั้งหมด เช่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและระบบเลี้ยวล้อหลัง เพิ่มความคล่องตัวและช่วยให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากขึ้น
ด้วยดีไซน์ตัวถังใหม่เพื่ออากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้นเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร รุ่นล่าสุด ถ่ายทอดมาจาก Huracán Performante ด้วยพละกำลัง 640 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตรช่วยให้ Huracán EVO ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาทีและจาก 0-200 กม./ชม. ภายใน 9.0 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดที่มากกว่า 325 กม./ชม. ด้วยตัวถังวัสดุอลูมิเนียมผสมกับคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้ตัวรถมีน้ำหนักตัวเพียง 1,422 กิโลกรัมจึงทำให้ระยะเบรกจากความเร็ว 100 กม./ชม. จนหยุดนิ่งสามารถทำได้ในระยะเพียง 31.9 เมตรเท่านั้น
ภายในของ Lamborghini Huracán EVO มาพร้อมจอสัมผัสขนาด 8.4 นิ้วที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ช่วยให้การเชื่อมต่อนั้นง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วย Gesture control จอ HMI ใหม่สามารถควบคุมฟังค์ชั่นต่างๆ เช่น เบาะ ระบบปรับอากาศ ระบบสถานะ LDVI รวมไปถึงระบบ Apple CarPlay
Lexus UX
เล็กซัสกรุ๊ป นำเสนอรถระดับพรีเมียมที่สมบูรณ์แบบ เลกซัสUX...Creative Urban Explorer รถคอมแพ็คครอสโอเวอร์...ตอบรับกับชีวิตเมือง ที่ขับเคลื่อนด้วยการค้นหาสิ่งใหม่
เลกซัส UX คือรถคอมแพ็ค ครอสโอเวอร์รุ่นล่าสุดของเลกซัส ที่มาพร้อมระบบไฮบริดเต็มรูปแบบ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคม ภายในออกแบบอย่างประณีตพิถีพิถัน เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ล้ำสมัย ให้ความสะดวกสบายสูงสุด พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
จากสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบใหม่ GA-C (Global Architecture-Compact Platform) โดยโครงสร้างตัวถังถูกออกแบบให้แข็งแกร่งและมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลให้มีการทรงตัวที่ดีเยี่ยมและควบคุมได้ดั่งใจ พร้อมขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดรุ่นล่าสุด เจเนอเรชันที่ 4 เพิ่มประสิทธิภาพในอัตราการเร่งและประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม
รถยนต์เลกซัสทุกรุ่นที่ซื้อจากผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะได้รับการรับประกัน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมรับสิทธิ์เป็นสมาชิก Lexus Club รวมทั้งรับสิทธิพิเศษจาก Lexus Elite Club ผ่าน Mobile Application ที่จะมอบสิทธิ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และสิทธิประโชน์เหนือระดับให้กับลูกค้าคนสำคัญตลอดทั้งปี
Maserati GranTurismo
มาเซราติ ประเทศไทย เอาใจสาวกตรีศูล ด้วยการจัดแสดงรถใหม่ถึง 3 รุ่น ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ GranTurismo ที่ถูกปรับโฉมมาเพื่อสืบทอดสายพันธุ์สปอร์ตจีที 2+2 ที่นั่ง เพิ่มความสดใหม่ เปลี่ยนกระจังหน้าและกันชนหน้า-หลังให้ดูสปอร์ตขึ้น เครื่องยนต์วางหน้าแบบ Mid-Front กระจายน้ำหนักหน้า-หลัง 49:51%
เครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ 4.7 ลิตร (Naturally-aspirated) 460 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตันเมตร แผดเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของมาเซราติ ช่วงรอบสูงส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.8 วินาที
ติดตั้งแดชบอร์ดดีไซน์ใหม่ นาฬิกา แป้นควบคุมแบบ Rotary Control พร้อมเปลี่ยนทัชสกรีนอเนกประสงค์ที่มีความละเอียดมากขึ้น เพิ่มความสุนทรีย์ตลอดการเดินทาง ด้วยเครื่องเสียง Harman Kardon Premium Sound System
Mercedes-Benz S560 e
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย นำเสนอรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดตัวรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เจเนอเรชันที่ 3 ภายใต้แบรนด์ EQ อย่าง “Mercedes-Benz S 560 e” ซาลูนหรูรุ่นประกอบในประเทศ ที่มาพร้อมกับมิติใหม่แห่งสุนทรียะในการขับขี่ ทั้งในด้านนวัตกรรม ความสะดวกสบาย
S560 e AMG Premiumโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์อันหรูหรา สง่างาม มาพร้อมกับสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซินวี 6 ขนาด 3.0 ลิตร Twin turbocharging ที่ให้พละกำลังสูงถึง 367 แรงม้า ผสานพลังกับมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง 122 แรงม้า จะทำให้ได้ System Output สูงสุดถึง 476 แรงม้า
นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิดใหม่ มีขนาดเล็กลง แต่ประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม 50% ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเจเนอเรชันที่แล้วถึง 60% และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
ทั้งนี้ หากใช้เครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บ็อกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด จะประจุไฟฟ้าจากความจุร้อยละ 10 จนเต็มได้ในเวลาประมาณ 90 นาที (ในสภาวะปกติ) และประมาณ 5 ชั่วโมงหากประจุไฟฟ้าโดยใช้กำลังไฟฟ้าจากเต้ารับทั่วไปตามบ้าน
MG V80
เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย เปิดตัว “ MG V80” รถยนต์ Passenger Van ขนาด 11 ที่นั่ง ที่มาพร้อมห้องโดยสารกว้าง พร้อมความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยครบครัน สามารถรองรับทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว
“MG V80” ได้รับการออกแบบสไตล์รถยุโรปด้วยการวางเครื่องยนต์ด้านหน้า และขับเคลื่อนล้อหน้า โดยมีมิติตัวถังที่กว้าง 1.99 เมตร สูง 2.13 เมตร และพื้นห้องโดยสารที่ราบเรียบ (Flat floor) จึงทำให้ห้องโดยสารมีความโอ่โถง นั่งสบาย สามารถเดินถึงกันได้ในแบบ Walk Through พร้อมประตูสไลด์ 2 บาน และบันไดข้างไฟฟ้าระบบอัตโนมัติที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้น-ลง
ด้านความปลอดภัย ช่วงล่างที่ให้เสถียรภาพในการขับขี่แบบรถยุโรป ระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ และติดตั้งระบบความปลอดภัย ESP (Electronic Stability Program) ซึ่งครอบคลุมทั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกครบครัน โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลขนาด 2.5 ลิตร ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
MINE SPA1
Mine Mobility เปิดตัว “MINE SPA1” รถยนต์ไฟฟ้า MPV ขนาด 5 ที่นั่ง ที่พัฒนามาจากรถยนต์ต้นแบบเดิมให้มีความยาวมากขึ้นถึง 4.50 เมตร ภายในกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย วิ่งได้ถึง 200 กิโลเมตร มากับรูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่น แตกต่างไม่เหมือนใคร
ภายในเน้นการใช้สอยทันสมัย บรรจุทั้งฟังก์ชันและออปชันมากมาย มาพร้อมพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดนิ่ง โดยมีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 30 กิโลวัตต์ วิ่งได้ 200 กิโลเมตร โดยโครงสร้างผลิตจากอะลูมิเนียม
ทางบริษัทได้เตรียมความพร้อมด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้า ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 400 สถานีที่ติดตั้งแล้วเสร็จ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เปิดใช้งานไปกว่า 200 สถานี ส่วนที่เหลือยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการเปิดใช้ ซึ่งค่าบริการคิดอัตรา 1 ชั่วโมง 50 บาท 2 ชั่วโมง 80 บาท 3 ชั่วโมง 110 บาท และ 4 ชั่วโมง 150 บาท พร้อมเปิดลงทะเบียนจองสิทธิสำหรับผู้ที่สนใจยานยนต์ไฟฟ้า Mine SPA1 ช่วงภายในงานนี้เท่านั้น ผ่านช่องทาง www.minemobility.com
Porsche 911
ปอร์เช่ ประเทศไทย แนะนำ Porsche 911 สปอร์ตระดับตำนาน เจเนอเรชันที่ 8 ยานยนต์ที่ เปี่ยมล้นด้วยอัจฉริยภาพแห่งการบังคับควบคุมจากระบบช่วงล่างชั้นเลิศ ผสานการทำงานกับนวัตกรรมระบบช่วยเหลือการขับขี่ล้ำสมัย คล่องแคล่ว ปราดเปรียว มั่นใจทุกสถานการณ์ รักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของสปอร์ตเครื่องยนต์วางหลังสุดคลาสสิก
Porsche 911 Carrera S และ Porsche Carrera 4S มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบนอน พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จพละกำลังกว่า 450 แรงม้า เพิ่มขึ้นถึง 30 แรงม้า เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าทั้ง 2 รุ่น สามารถเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็วที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 4 วินาที
งานออกแบบภายนอกใหม่ ซุ้มล้อที่ได้รับการขยายความกว้างยิ่งขึ้น เพื่อรองรับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่คู่หน้า และ 21 นิ้ว ที่คู่หลัง มุมมองด้านหน้ารถถูกปรับให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับสายพันธุ์ปอร์เช่รุ่นอื่นๆ ฝากระโปรงที่ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของงานออกแบบที่ถ่ายทอดมาจากปอร์เช่ 911 เจเนอเรชันแรก ตัวถังด้านท้ายขยายกว้าง เน้นย้ำถึงความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตยุคใหม่เฉกเช่นปอร์เช่ทุกรุ่นในปัจจุบัน
นับเป็นครั้งแรกของโลกสำหรับการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ Wet mode เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบดังกล่าวจะรับหน้าที่ตรวจจับปริมาณน้ำที่ขังอยู่บนพื้นผิวเส้นทาง ปรับแต่งระบบควบคุมอื่นๆ และส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้ขับขี่ เพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าให้แก่รถยนต์ทั้งคัน ตอบสนองต่อความปลอดภัยสูงสุด
Rolls-Royce Cullinan Supreme Liberty
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์คาร์ส แบงคอก จัดแสดงรถยนต์ในเครือแบบ ‘Full Range’ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อร่วมฉลองในโอกาสครบรอบ 40 ปี งานบางกอก มอเตอร์โชว์ ความพิเศษอยู่ที่การเตรียมจัดแสดง Cullinan Supreme Liberty (คัลลิแนน ซูพรีม ลิเบอร์ตี้) อัลตราลักชัวรี่เอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของโรลส์-รอยซ์ ให้ยลโฉมกันอย่างใกล้ชิด
ตัวถังดูสุขุมและสง่างามกับสีพิเศษ ‘Infinity-Black Metallic’ ตัดด้วยโค้ชไลน์สี Mandarin เป็นเส้นสีส้มบางๆ คาดข้างตัวถังยาวจรดด้านหลัง เป็นเสมือนงานศิลป์จากปลายพู่กันของ นาย มาร์ค คอร์ต โดยเป็นคนเดียวในโลกกับหน้าที่สุดพิเศษนี้
ห้องโดยสารใช้โทนสี Scivaro Gray (ซิวาโร่ เกรย์) ตัดกับสีดำ และเย็บตะเข็บเดินด้ายสี Mandarin ติดตั้งลายไม้ Blackwood Matted และเป็นคันแรกในไทยที่มาพร้อมออปชัน ‘Immersive Seating with Centre Console’ เป็นเบาะหลัง 2 ที่นั่งแบบแยกส่วน พร้อมคอนโซลคั่นกลาง ภายในเป็นตู้แช่และชุดเครื่องดื่ม ติดตั้งแผงกั้นระหว่างห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระ เพื่อลดเสียงรบกวนและให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด ทั้งนี้คาดว่าราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 32.9 ล้านบาท
Subaru XV GT Edition
บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ ‘ซูบารุ’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ประกาศนำรถต้นแบบที่อัดครบชุดแต่งระดับโลก นิยามบทใหม่ของความเร้าใจ “Subaru XV GT Edition Prototype” มาร่วมอวดโฉมเพื่อเอาใจสาวกซูบารุ เอ็กซ์วี ในประเทศไทย
โดยรถคันนี้นับเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่เกิดจากความร่วมมือของมอเตอร์ อิมเมจ กรุ๊ป, กิเคน ซังโก เอ็นจิเนียริ่ง และ นาย มาซาฮิโกะ โกบายาชิ อดีตผู้บริหารสูงสุดฝ่ายงานออกแบบของซูบารุ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งร่วมกันดีไซน์รถสปอร์ต อเนกประสงค์รุ่นยอดนิยมของคนทั่วโลก มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในเอเชียที่ประเทศไทย
Suzuki Jimny
ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทยซูซูกิ Jimny คอมแพ็คออฟโรดโฉมใหม่ล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่น กับนิยาม “Nobody But Jimny” ชูจุดเด่นด้านการออกแบบที่มีเอกลักษณ์สะท้อนความเป็น Jimny DNA พร้อมชูเทคโนโลยีการขับขี่ที่ทันสมัย อัดแน่นด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ตอบไลฟ์สไตล์ทั้งการใช้ชีวิต ‘อย่างมืออาชีพ’
โดดเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าแนวตั้ง 5 แถวเข้ากับฝากระโปรงหน้าทรงเหลี่ยม ไฟหน้า LED ทรงกลมพร้อมระบบทำความสะอาดไฟหน้า ไฟท้ายแบบ LED ซุ้มล้อสีดำรอบคัน ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพสูง ทนทาน ทันสมัยด้วยซูซูกิ Smart Connect รองรับ Apple CarPlay ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมจอ LCD
เครื่องยนต์ใหม่ รหัส K15B ขนาด 4 สูบ 1.5 ลิตร สมรรถนะสูง 102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 130 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALLGRIP Pro และ Low Transfer Gear รัศมีวงเลี้ยว 4.9 เมตร พร้อมระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะวิ่งลงทางลาดชัน ระบบ Hill Hold Control ป้องกันรถไหลและช่วยออกตัวขณะขับขี่ขึ้นทางชัน
โครงสร้างตัวถัง TECT เหล็กกล้า ระบบ Traction Control System ป้องกันล้อหมุนฟรี ถุงลมนิรภัย SRS ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD มีให้เลือกถึง 5 สี พร้อมสีทูโทนอีก 3 สี สามารถสั่งจองและติดตามข้อมูลได้แล้วในงานมอเตอร์โชว์ และ www.NewSuzukiJimny.com
ทั้งหมดนี้ ผู้อ่านสามารถเจอตัวจริงได้ในงาน “ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2019 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม -7 เมษายน 2562 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี