xs
xsm
sm
md
lg

BMW i8 Roadster สปอร์ต แรง รักษ์โลก ตัวจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เป็นเวลา4 ปี นับจาก ไอ8 รุ่นคูเป้ เริ่มต้นส่งมอบให้กับลูกค้า “ไอ8 โรดสเตอร์” จึงได้ออกจากสายการผลิตมาให้ลูกค้าได้สัมผัสบ้าง ความแตกต่างแค่เพียงหลังคาที่เปิด-ปิดได้ อาจจะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความจริงแล้วคือสิ่งที่ยากที่สุด นั่นเพราะโครงสร้างตัวถังของ ไอ8 นั้นสร้างจากคาร์บอนไฟเบอร์ ชนิดพิเศษ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่แค่การเอาหลังคาออกแล้วใส่ระบบเปิด-ปิดเข้าไป

ทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง มีโอกาสสัมผัสกับ ไอ8 โรดสเตอร์ แบบเต็มๆ มาดูกันว่า เจ้าเวอร์ชันเปิดประทุนของ รถสปอร์ต PHEV ที่ได้รับการยอมรับว่าขับสนุกไม่น้อยหน้าซุปเปอร์คาร์ใด คันนี้ เป็นอย่างไรบ้าง









ที่สุดแห่งเทคโนโลยี


โปรเจคนี้เริ่มต้นขึ้นด้วย ความคิดในการสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้ เป็นไปได้ อย่างที่ทราบกันดีว่า โครงสร้างตัวถังของ ไอ8 คูเป้ นั้นเป็น คาร์บอนไฟเบอร์ ชนิดใหม่ที่ทาง BMW เรียกว่า CFRP การจะนำหลังคาออกไป นั่นหมายความว่า ความแข็งแรงของตัวถังจะหายไปทันที และไม่สามารถที่จะผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรปได้ ดังนั้น สิ่งที่วิศวกรของค่ายใบพัดสีฟ้าต้องทำคือ การสร้างความแข็งแรงให้ตัวถัง









แน่นอนว่า ด้วยคุณสมบัติของ คาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็ง การจะเพิ่มความแกร่งให้กับโครงสร้างตัวถัง จึงต้องคิดใหม่ทั้งหมด หวยมาออกที่กรอบกระจกบานหน้าและประตูทั้งสองบาน โดยจะทำหน้าที่รองรับและสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ หากเกิดกรณีพลิกคว่ำ เพราะรถไม่มีหลังคา จึงต้องอาศัย 2 ชิ้นนี้ในการรับแรง ผลลัพท์ คือ ไอ8 โรดสเตอร์ สามารถผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยุโรปได้ โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากรุ่นคูเป้เพียง 60 กิโลกรัมเท่านั้น







หัวใจของระบบขับเคลื่อนเป็น PHEV ที่ล้ำหน้ำในเชิงวิศวกรรมที่สุด ด้วยเครื่องยนต์แบบ เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ กำลังสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน โดยเครื่องยนต์วางกลางอยู่ในตำแหน่งหลังห้องโดยสาร ทำหน้าที่ขับล้อหลังเท่านั้น


ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า วางไว้ที่ด้านหน้ารถและจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหน้าเพียงอย่างเดียว กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และเมื่อทั้ง 2 ระบบทำงานพร้อมกัน จะมีกำลังสูงสุด 374 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 570 นิวตันเมตร และกลายเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยอัตโนมัติ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด










สำหรับแบตเตอรี่เป็นแบบ ลิเธียม ไอออน มีขนาด 7 kWh วางอยู่ในตำแหน่งกลางตัวรถตามแนวยาว เพื่อการกระจายน้ำหนักที่ดี ทำให้รถมีความสมดุล โดยสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวตามสเปคได้ระยะทางถึง 53 กม. และความเร็วสูงสุดของการวิ่งด้วยไฟฟ้าคือ 120 กม./ชม. ขณะที่ความเร็วสูงสุดของตัวรถถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.6 วินาที






ด้านฟังก์ชันต่างๆ สิ่งแรกที่ต้องกล่าวถึง คือ ประตูแบบปีกผีเสื้อ ซึ่งมือจับจะซ่อนอยู่โดยอาศัยการกดปุ่มเล็กๆ ประตูจะค่อยๆ เปิดขึ้น ให้ความรู้สึกที่โดดเด่นและล้ำสมัย เป็นที่จับจ้องของคนรอบข้างในทุกครั้งที่จอดเปิดประตู แต่สิ่งนี้ต้องแลกมาด้วย การเข้า-ออกที่ยากลำบากกว่ารถปกติทั่วไป โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ใส่กระโปรงสั้น จะต้องระวังเป็นพิเศษเวลาก้าวทั้งขึ้นและลง








ภายในห้องโดยสารออกแบบเอาใจผู้ขับขี่มากกว่า ผู้โดยสาร ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถสปอร์ตแบบนี้ ส่วนการใช้งานออพชั่นต่างๆ ง่ายดาย หน้าจอที่คอนโซลกลางนั้นเป็นแบบระบบสัมผัส หรือจะมาใช้งานปุ่มไอ-ไดร์ฟ ก็สามารถควบคุมสั่งการได้เช่นเดียวกัน








เร้าใจ ประหยัด ดีต่อโลก


การขับขี่ ความรู้สึกแรกหลังจากประจำการในตำแหน่งผู้ขับ รถเตี้ยมาก ตำแหน่งการนั่งเหมือนอยู่ในรถแข่ง ที่ขานั้นแทบจะนอนเลยทีเดียว แต่ทัศนวิสัยขอใช้คำว่าชัดเจนดี เมื่อเทียบกับรถในประเภทเดียวกันนี้ อาจจะมีบ้างที่เสาเอนั้นดูใหญ่เกินไป ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความปลอดภัยด้านโครงสร้างตัวถังดังที่เรากล่าวไว้ข้างต้น










เมื่อกดคันเร่งออกตัวช่วงแรก ภายในห้องโดยสารของรถเงียบมาก เนื่องจากใช้พลังงานการขับเคลื่อนจากแบตเตอรี่ ที่ขอบอกว่า ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างกับการขับรถด้วยเครื่องยนต์แต่ประการใด แถมอัตราเร่งและจังหวะออกตัว ดูจะตอบสนองได้ทันใจกว่าเสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของคนเดินถนน BMW จึงได้สร้างเสียงสังเคราะห์ เพื่อให้คนได้ยินเวลาที่รถขับผ่านเข้ามาใกล้







สำหรับการวิ่งจริงของเรา หลังจากชาร์จเต็มทั้ง 3 รอบ ใน 3 วันที่อยู่ด้วยกัน ไอ8 โรดสเตอร์วิ่งแบบไฟฟ้าล้วนๆ ได้ระยะทางระหว่าง 32 - 40 กม. ก่อนที่เครื่องยนต์จะทำงาน เรียกว่าถ้าคุณใช้รถยนต์ไปทำงานแบบปกติในระยะทางไป-กลับไม่เกิน 40 กม./วัน คุณไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเลย สามารถเสียบปลั้กชาร์จไฟได้เหมือนเราใช้งานโทรศัพท์มือถือนั่นเอง






การขับขี่ในเมืองถือว่าคล่องตัวดีมาก ยิ่งถ้าคุณใช้ชีวิตวันหยุดในห้างใหญ่ ที่มีที่จอดรถสำหรับซูเปอร์คาร์ บอกเลยว่า ไอ8 โรดสเตอร์ ได้รับเกียรติให้จอดในช่องจอดพิเศษเช่นนั้นได้สะดวกสบายไม่ต้องลุ้นหาที่จอด









ส่วนการลองขับด้วยเส้นทางยาวๆ เรามีโอกาสมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ขับไปแบบไม่ต้องพะวงเรื่องการหาที่ชาร์จไฟ เพราะนี่คือ รถแบบปลั้กอิน ไฮบริด ใช้พลังงานได้ 2 รูปแบบและมีตัวเลขอัตราการบริโภคน้ำมันที่เหลือเชื่อ อ้างอิงจากอีโคสติกเกอร์ ระบุ 47.6 กม./ลิตร แบบนี้ต้องลองให้รู้แจ้งเห็นจริง








ความเร็วสูงสุดที่เราลองวิ่งไปแตะได้ถึง 190 กม./ชม. เท่าที่สถานที่จะเอื้ออำนวย เพื่อความปลอดภัยของเรา การพุ่งทะยานไปสู่ความเร็วระดับนี้ ทำได้แบบสบายๆ ไม่ยากเย็นอะไร แน่นอนว่าต้องมีเสียงของเครื่องยนต์ดังคำรามอยู่บ้าง โดยตัวรถยังนิ่งๆ แบบมั่นใจได้ ไม่หวาดหวั่นแต่ประการใด








ความเร็วที่เราใช้เดินทางบนทางด่วนคือ 120 กม./ชม. บางช่วงบางตอนขยับไปที่ระดับ 140 กม./ชม. โดยเป็นการขับในโหมด Comfort ให้ความรู้สึกสบายๆ ตอบสนองทันใจตลอดการเดินทาง และเมื่อเปลี่ยนมาเป็นโหมด Sport ไฟหน้าปัดเปลี่ยนเป็นสีแดง รอบเครื่องยนต์สูงขึ้น คันเร่งตอบสนองไวขึ้น คิกดาวน์ติดง่ายและพวงมาลัยหน่วงมือมากกว่า เปลี่ยนอารมณ์จากความสนุกมาเป็นเร้าใจในการขับขี่








หลังจากนั้น เปลี่ยนมาลองโหมด Eco Pro หน้าปัดกลายเป็นสีฟ้า เป็นโหมดที่ผสานการทำงานระหว่างไฟฟ้าและเครื่องยนต์เพื่อให้การใช้น้ำมันมีประสิทธิภาพที่สุด โดยเรายังสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงในระดับ 140 กม./ชม.ได้ แต่การตอบสนองของระบบขับเคลื่อนจะไม่แรงเท่ากับโหมดอื่นๆ








อีกหนึ่งที่สิ่งที่จะข้ามไปไม่ได้เลย คือ การชาร์จไฟ ไอ8 โรดสเตอร์ มีที่ชาร์จติดรถมาให้ เราลองชาร์จกับปลั้กปกติของที่บ้านผู้เขียน (บ้านใช้หม้อไฟขนาด 15 แอมป์ และเดินสายดินแท้) ระยะเวลาในการชาร์จอยู่ระหว่าง 5-7 ชั่วโมง ขึ้นกับกระแสไฟ ซึ่งสามารถชาร์จทิ้งไว้ทั้งคืนได้โดยไม่มีอาการไฟตกหรือดับแต่อย่างใด







สำหรับอัตราการบริโภคน้ำมันแบบใช้งานจริง วิ่งทั้งในและนอกเมือง เราขับไป 430 กว่า กม. ชาร์จไฟเต็ม 3 ครั้ง วิ่งจนไฟหมด น้ำมันจากเต็มถังเหลือราว ¼ หากคำนวณแบบคร่าวๆ คือใช้น้ำมันไปราว 30 ลิตร (เต็มถัง 42 ลิตร) นั่นหมายความว่า ไอ8 โรดสเตอร์ มีอัตราการบริโภคน้ำมันราว 14 กม./ลิตร บนการขับแบบโหดๆด้วย






เหมาะกับใคร

ไอ8 โรดสเตอร์ มีอัตราการปล่อยไอเสียที่ต่ำมาก เพียง 51 กรัม/กม. ดังนั้น หากใครที่กำลังมองรถสปอร์ตระดับซูเปอร์คาร์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยังคงความแรง มีความประหยัด แถมได้รูปลักษณ์ที่ก้าวล้ำนำสมัย กับค่าตัวที่ 12,999,000 บาท เทียบกันในหมวดซูเปอร์คาร์แล้วบอกได้เลยว่า ไอ 8 โรดสเตอร์เด่นมาก











กำลังโหลดความคิดเห็น