xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโผ 5 รถไฟฟ้าสุดฮิตในจีน NEV ยอดโตสวนตลาดรถหด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เผยรายชื่อรถยนต์ไฟฟ้าขายดีที่สุดในจีน 5 อันดับแรก หลังยอดขายรถพลังงานใหม่ (NEV) เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางการหดตัวลงของตลาดรถยนต์รวมในประเทศจีน โดยรถสัญชาติจีนยังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า BAIC EC-Series โกยยอดขายสูงสุด ส่วนตลาดรถยนต์รวม นิสสัน ซิลฟี่ คว้าตำแหน่งไปครอง

ตลาดรถยนต์ในประเทศจีนเวลานี้ ถือว่าเป็นตลาดที่บรรดาค่ายรถยนต์ทุกค่ายทั่วโลกต่างมุ่งเป้าเข้าไปทำตลาดเป็นจุดหมายแรกสุด ด้วยปริมาณการขายต่อปีที่ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลกในระดับ 20 กว่าล้านคันต่อปี เรียกว่า แบรนด์ใดสามารถครองใจชาวจีนได้ จะสามารถสร้างยอดขายขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ของโลกได้ไม่ยากนัก

สำหรับยอดขายในปี ค.ศ. 2018 ที่ผ่านมา ตามการรายงานของสมาคมรถยนต์นั่งแห่งประเทศจีน (CPCA) ระบุว่า มียอดขายราว 22.4 ล้านคัน ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับปี 2017 ซึ่งถือว่าเป็นการลดลงครั้งแรกของตลาดรถยนต์จีนในรอบ 20 ปี ปัจจัยหลักมาจากความกังวลในเรื่องของเศรษฐกิจโดยรวมและสงครามการค้าที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางตัวเลขการลดลงของยอดขายรวมนั้น กลับมีตัวเลขที่น่าสนใจ คือ การเติบโตขึ้นของรถยนต์ในกลุ่มพลังงานใหม่ หรือ New Energy Vehicles (NEV) ด้วยยอดขายที่ 1,016,002 คัน เติบโตขึ้น 83% และเป็นการมียอดขายเกินหนึ่งล้านคันต่อปีเป็นครั้งแรก

NEV คือ รถที่ใช้พลังงานใหม่ หรืออีกนัยหนึ่ง คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งรวมหมดทั้งแบบไฮบริด (HEV), ปลั้กอิน-ไฮบริด (PHEV), ไฟฟ้าล้วน (BEV) และฟิวเซลล์ (FEV) เป็นการนิยามขึ้นใหม่ของรัฐบาลจีน เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้งานรถประเภทนี้มากขึ้น โดยมีการออกกฎหมายบังคับให้ค่ายรถทุกค่ายต้องมีรถยนต์ประเภทนี้จำหน่าย และต้องมียอดจำหน่ายในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนรถรุ่นใดขายดีเป็นที่นิยมบ้าง มาติดตามกัน

1. BAIC EC-Series ยอดขาย 90,637 คัน

แบรนด์นี้อาจจะไม่คุ้นสำหรับคนไทย แต่ถ้าบอกว่า นี่คือ แบรนด์ที่เป็นบริษัทแม่ของ Foton
หลายท่านน่าจะคุ้นเคย ชื่อเต็มของ BAIC คือ Beijing Automotive Industry Holding Co.,Ltd บริหารโดยรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่ง BAIC ในตระกูล EC เป็นรถ 5 ประตูขนาดเล็กแบบซิตี้คาร์ BEV ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ รุ่นแรกเปิดตัวในปี 2016 ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 41 แรงม้า แบตเตอรี่ ขนาดความจุ 20 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 180 กม. ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. ระยะเวลาชาร์จไฟเต็ม 7 ชั่วโมง ส่วนรุ่นล่าสุด EC3 เปิดด้วยมาด้วยระยะทางวิ่งสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 261 กม. สนนราคาค่าตัวในประเทศจีนหลังจากหักส่วนลดที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลแล้ว มีราคาประมาณ 250,000-320,000 บาท

2. Chery eQ ยอดขาย 46,967 คัน

เชอรี่ แบรนด์นี้หลายท่านคุ้นเคยเป็นอย่างดี เนื่องจากเคยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมาแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ใหญ่แบรนด์หนึ่งของประเทศจีน ซึ่งเจ้า eQ ตัวนี้ เป็นรถขนาดเล็กแบบซิตี้คาร์แฮทช์แบ็ค โดยมีพื้นฐานมาจากรุ่น QQ ที่เคยมาจำหน่ายในบ้านเรานั่นเอง ซึ่งเมื่อมี e นำหน้าจะเป็นรถแบบใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 57 แรงม้า แบตเตอรี่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด ประมาณ 200 กม. ระยะเวลาชาร์จไฟเต็มราว 8-10 ชั่วโมง ราคาค่าตัวหลังได้รับส่วนลดจากรัฐบาลแล้วอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท


3. BYD Qin Pro DM

บีวายดี ชื่อแบรนด์นี้น่าจะคุ้นหูคนไทยเป็นอย่างดี สำหรับการเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว แม้จะมีการเปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายหลายครั้งก็ตาม ล่าสุดอยู่ภายใต้การดูแลของ ชาริช โฮลดิ้ง ที่บริหารงานโดยทายาทยนตรกิจ “อภิชาติ ลีนุตพงษ์” สำหรับ บีวายดี Qin Pro DM เป็นรถแบบ PHEV ซีดานขนาดคอมแพค ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5ลิตร เทอร์โบ 154 แรงม้า ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดกำลัง 150 แรงม้า ทำให้มีกำลังรวม 304 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 200 กม./ชม. และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 5.9 วินาที โดยมีอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 1 ลิตรต่อ 100 กม. ตามการเคลมของบีวายดี ราคาประมาณ 800,000 บาท (หลังหักเงินสนับสนุนจากรัฐบาล)

4. BYD e5

บีวายดี อี5 รถยนต์แบบ BEV ซีดาน รถยนต์ไฟฟ้าล้วนตัวขายดีของแบรนด์นี้ ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งรถรุ่นนี้อาศัยโครงสร้างพื้นฐานมาจากรุ่น Qin รูปร่างหน้าตาเหมือนกัน รุ่นแรกเปิดตัวมาด้วย มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด310 นิวตันเมตร ระยะทางสูงสุดวิ่งได้ 220 กม. ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. หลังจากนั้น ในปี 2016 เปิดตัวรุ่น e5 300 ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 305 กม.และหากวิ่งด้วยความเร็วคงที่ 60 กม./ชม.สามารถยืดระยะไปได้ถึง 360 กม. สนนราคาค่าตัวหลังหักส่วนลดจากรัฐบาลแล้วอยู่ที่ประมาณ 600,000-700,000 บาท นับว่าเป็นรถซีดานไฟฟ้า 100% ที่ได้รับความนิยมสูง

5. JAC iEV

ชื่อของ JAC จะคุ้นเคยสำหรับคนไทยที่ใช้งานรถบรรทุก ซึ่งมีตัวแทนจำหน่ายเคยนำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน ส่วนรถยนต์นั่ง ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักขอบคน โดยตระกูล iEV ของ JAC นั้น จะเป็นเวอร์ชั่นรถยนต์ไฟฟ้า100% หรือ BEV ซึ่งมีอยู่ในหลายรุ่น ทั้งซีดาน, แฮทช์แบ็คและเอสยูวี โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ตั้งแต่ iEV4 ซีดาน, iEV6E แฮทช์แบ็ค, iEV7 ซีดาน, iEV7S เอสยูวี และ iEVA50 ซีดาน โดยรุ่นใหญ่สุด iEV7S มากับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 115 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. ระยะทางวิ่งสูงสุด 300 กม. จากแบตเตอรี่ขนาด 40 kWh ระยะเวลาในการชาร์จเต็ม 8 ชั่วโมง ราคาเต็มประมาณ1,000,000 บาท แต่เมื่อหักเงินสนับสนุนจากภาครัฐแล้วจะมีราคาอยู่ที่ 600,000 บาท

ทั้ง 5 อันดับนี้ คือ รถยนต์พลังงานใหม่ที่รัฐบาลจีนตั้งใจสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถแจ้งเกิดได้ในเร็ววัน ด้วยการออกมาตรการทั้งจูงใจประชาชนและบังคับผู้ผลิต ควบคู่กันไป ทำให้เวลานี้ จีนกลายมาเป็นประเทศผู้นำทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของโลกเรียบร้อยไปแล้ว ทั้งนี้ ยังไม่นับในส่วนของ เทสล่า ที่อยู่ระหว่างการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในจีน ด้วยกำลังการผลิตระดับ 500,000 คันต่อปี ซึ่งจะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า นั่นหมายความว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามทิศทางแบบนี้ ไม่ช้าไม่นาน รถไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถใช้เครื่องยนต์อย่างไม่ต้องสงสัย




กำลังโหลดความคิดเห็น