เกิดความเปลี่ยนแปลงในไลน์อัพรถยนต์ที่อยู่ในตลาดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อีกครั้ง เมื่อค่ายดาว 3 แฉกประกาศยุติบทบาทโรดสเตอร์ระดับหรูรุ่นเล็กอย่าง SLC หรือที่เคยใช้ชื่อว่า SLK ในอดีต โดยทิ้งทวนด้วยรุ่น Final Edition ซึ่งจะเริ่มขายในยุโรปตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป
ในช่วงทศวรรษที่ 1990 เมื่อตลาดรถสปอร์ตหรูและโรดสเตอร์เริ่มเบ่งบานบรรดาแบรนด์ดังในเยอรมนีต่างพาเหรดกันเปิดตัวผลผลิตในสไตล์นี้ออกสู่ตลาดกันอย่างต่อเนื่องทั้งบีเอ็มดับเบิลยู Z3 (ที่ต่อมาเปลี่ยนเป็น Z4) รวมถึงปอร์เช่Boxster (หรือ 718Boxster ในตอนนี้) ออดี้ TT และก็ เมอร์เซเดส-เบนซ์ SLK ซึ่งมีจุดเด่นเหนือคู่แข่งตรงที่มาพร้อมกับชุดหลังคาแข็งพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า โดยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1996
SLK มีทำตลาดด้วยกันทั้งหมด 3 เจนเนอเรชั่นในช่วงที่อยู่ในตลาด ก่อนที่ในปี 2016 เมื่อมีการปรับโฉมรุ่นที่ 3 ทาง เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดการเปลี่ยนชื่อเป็น SLC เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนรหัสเรียกรุ่นของรถยนต์รุ่นอื่นๆ แต่ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนชื่อจะไม่ได้ช่วยในการที่ทำให้รถสปอร์ตรุ่นนึ้คงอยู่ในตลาดอีกต่อไป เพราะในเวลาต่อมา มีการเปิดตัว Final Edition ออกมาพร้อมกับการยืนยันการยุติการทำตลาด
เวอร์ชันนี้ถูกพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ SLC รุ่น AMG Line ดังนั้นการแต่งในสไตล์สปอร์ตจึงมาแบบเต็มพิกัด ทั้งชุดแต่งรอบคัน ล้อแม็กไซส์ 18 นิ้ว พร้อมช่วงล่างสปอร์ตที่ลดความสูงลงอีก 10 มิลลิเมตร และชุดแต่งเพิ่มความสปอร์ตสำหรับห้องโดยสาร รวมถึงยังมีการปักคำว่า Final Edition เอาไว้ที่หมอนรองศีรษะอีกด้วย
ตัวรถมีให้เลือกทั้ง SLC180, SLC 200 และ SLC 300 รวมทั้ง SLC 43 AMG ซึ่งมีความพิเศษกว่ารุ่นอื่นตรงที่ตัวรถมีเฉพาะสีเหลือง Sun Yellow ซึ่งเป็นสีที่ใช้โปรโมทเจนเนอเรชั่นแรกของโรดสเตอร์รุ่นนี้ โดยที่พวงมาลัยมีมาร์กสีเทา Crystal Grey ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาและป้าย AMG Edition
ตลอดเวลา 3 เจนเนอเรชั่นที่ทำตลาดมาตั้งแต่ปี 1996 นั้น SLK/SLC มียอดขายรวมกันมากกว่า 710,000 คัน ในตลาดทั่วโลก และสำหรับ SLC Final Edition จะมีราคาอยู่ที่ 41,536 ยูโร ใครที่สนใจก็เตรียมเงินให้พร้อมแล้วลุยได้เลย