ตลาดสปอร์ตไบค์ไซส์กลาง พิกัด 600-650 ซีซี ชั่วโมงนี้มีตัวเลือกให้ตัดสินใจเยอะครับ แต่ถ้านับเฉพาะคลาสซูเปอร์สปอร์ตรูปแบบฟูลแฟริ่งที่เป็นโมเดลชื่อดังของแบรนด์ญี่ปุ่น ในบ้านเราตอนนี้มีให้เลือก 3 รุ่นถ้วน
ไล่เรียงตามลำดับการทำตลาดก่อน-หลัง ได้แก่ ยามาฮ่า YZF-R6 ราคา 549,000 บาท, คาวาซากิ นินจา ZX-6R ราคา 439,000 บาท และฮอนด้า CBR650R ราคา 320,000 บาท
เห็นรายชื่อแล้ว ถ้าเป็นไปได้ อยากเก็บพวกเธอไว้ทั้ง 3 คันเลยใช่มั้ยครับ
จะว่าไปการเลือกรถไม่เหมือนชีวิตคู่ หากเงินถึงจะเลือกคบซ้อน ซื้อเก็บไว้หลายคันก็ไม่มีใครว่า แต่ในโลกความเป็นจริง ถ้าเศษสตางค์ในกระเป๋าบอกให้เลือกได้คันเดียวล่ะ
กล้าฟันธงหรือไม่ รุ่นไหนโดนใจที่สุด
แม้คำตอบที่ได้ไม่มีถูกไม่มีผิด ใครใคร่รักชอบโมเดลไหน เชิญเลือกได้ตามสะดวก แต่สำหรับตัวผม ด้วยเงื่อนไขความสดใหม่ บวกความคุ้มค่า ราคาเข้าถึงได้สะดวกกว่าใครเพื่อน
มันบีบหัวใจเหลือเกิน ถ้าไม่เลือกคันนี้
...ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่ายบิ๊กไบค์ฮอนด้าเหมาสนามระดับโมโตจีพี ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จัดกิจกรรมใหญ่ภายใต้ชื่อ CBR Series Circuit Experience ชวนสื่อมวลชนร่วมทดสอบผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรถสปอร์ตตระกูล CBR ซีรีส์ นำโดย CBR1000RR, CBR650R และ CBR500R
งานนี้เคยเขียนถึงไปแล้วครับ ครั้งนั้นเล่าถึงตัวเลือกบิ๊กไบค์คันแรกว่า ขุมพลังขนาด 500 ซีซี มีความเหมาะสมและลงตัว สำหรับมือใหม่ที่ขยับขึ้นมาจากรถเล็กทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์จริงๆ ของกิจกรรมนี้ อยู่ที่การสัมผัสสปอร์ตไบค์โฉมใหม่ “ฮอนด้า CBR650R” ที่เพิ่งเปิดตัวและทำตลาดอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยครั้งนี้เป็นการจัดรอบทดสอบครั้งแรกในบ้านเราด้วยครับ
ก่อนจะเล่าถึงฟีลลิ่งการขับขี่ในสนามแข่งขัน ซึ่งมีอดีตนักบิดเวิล์ดกรังด์ปรีซ์รุ่นโมโตทูคนแรกของไทย “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ มาคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับจุดยก จุดเบรก การใช้เกียร์ ตลอดจนการเข้าโค้งแบบเรซซิ่งไลน์
เรามาเริ่มต้นด้วยข้อมูลตัวรถที่เปลี่ยนแปลงไปจากเวอร์ชั่นที่แล้วกันก่อน
เริ่มจากรหัสต่อท้าย เดิม 650F เปลี่ยนเป็น 650R ขยับจากสปอร์ตกึ่งทัวริ่งมาเป็นสปอร์ตตัวแรงเต็มขั้นมากขึ้น
รูปโฉมภายนอกด้านหน้าปรับใหม่ ถ่ายทอดดีเอ็นเอจากรุ่นพี่ในพิกัด 1,000 ซีซี ระบบไฟส่องสว่างใช้หลอด LED รอบคัน และมาพร้อมสัญญาณไฟฉุกเฉินที่จะกระพริบเตือนเมื่อเบรกอย่างกระทันหัน
ส่วนหน้าจอแสดงสถานะแบบดิจิตอลก็ออกแบบใหม่ มีไฟตัวเลขแสดงตำแหน่งเกียร์ และมีไฟชิฟท์ไลต์ช่วยเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสม
ขณะที่ออฟชั่นเด่นและมีผลต่อท่านั่งการขับขี่โดยตรง คือ การเปลี่ยนตำแหน่งแฮนด์ใหม่มาที่ใต้แผงคอ ดีไซน์ถังน้ำมัน ทรงเบาะนั่ง และแฟริ่งด้านข้าง มีการปรับเปลี่ยนที่ให้ความรู้สึกกระชับมากขึ้น สอดรับกับระดับพักเท้าที่สูงขึ้นเล็กน้อย
โดยรายละเอียดทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงอารมณ์รถสปอร์ตในสนามแข่งขันที่ดีขึ้นกว่าโฉมเก่ามากๆ
ขณะเดียวกันในด้านสมรรถนะความเร้าใจบนสังเวียนดวลความเร็ว ช้างฯ เซอร์กิต อัตราเร่งจากขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ความจุ 649 ซีซี ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพรอบเครื่องยนต์สูงขึ้นอีก 1,000 รอบ เมื่อเทียบกับรหัส 650F ให้กำลังเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 94 แรงม้า รวมถึงการจัดระบบดูดอากาศจากแรมแอร์คู่ที่ด้านหน้าตัวรถ ให้การตอบสนองเรี่ยวแรงที่รวดเร็วทันใจกว่าเดิมแบบรู้สึกได้ชัดเจน
ที่ว่ารู้สึกได้ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับระบบแทร็คชั่นคอนโทรล(เลือกเปิดหรือปิดได้ด้วย) ทำให้เรากล้าเปิดคันเร่งแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ทันทีหลังออกจากโค้ง เพราะรู้ว่าเจ้าระบบนี้มันจะคอยเซฟไม่ให้ล้อหลังสไลด์อยู่แล้ว
นอกจากกำลังแรงบิดที่ตอบสนองดีขึ้น อีกส่วนที่ประทับใจ นั่นคือ หลังบิดหมดปลอกซิ่งทะยานออกจากโค้งแรก ผ่านช่วงทางตรงยาวก่อนมาถึงโค้งที่ 3 ผมกดท็อปสปีดของตัวเองประมาณ 215 กม/ชม. การเบรกหนักๆ ก็ยังให้ความมั่นใจ
เป็นเพราะการได้ระบบเบรกด้านหน้าใหม่แบบเรเดียลเม้าท์ 4 พอร์ท ควบคู่กับระบบสลิปเปอร์คลัทช์ มาซับแรงกระชากขณะลดเกียร์ลงต่ำ รวมถึงโช็กอัพด้านหน้าใหม่แบบหัวกลับที่ยึดเกาะผิวแทร็คได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้การลดความเร็วเพื่อเข้าโค้งทำได้ไหลลื่นและไร้กังวล
พอรู้ว่าปลอดภัย ความสนุกก็ตามมา
ทว่าน่าเสียดายหยอดเหรียญเพิ่มไม่ได้ครับ ขนาดค่ายปีกนกจัดคิวให้ผู้ร่วมทดสอบแต่ละคนได้ขับขี่คนละ 4 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที ยังไม่พอ ช่วงท้ายยังต้องเพิ่มรอบพิเศษแบบฟรีรันนิ่งให้กับคนที่ยังอารมณ์ค้างแถมด้วย
ขี่น้อยยังติดใจ ด้านความคิดเห็นของอดีตนักแข่งขวัญใจคนไทย ขี่นำไลน์ตลอดทั้งวันเป็นไงบ้าง
“ผมว่า ฮอนด้า CBR650R รุ่นใหม่นี้รู้สึกได้ถึงอารมณ์สปอร์ตมากขึ้น ทั้งมิติท่านั่ง ตำแหน่งแฮนด์กดลงต่ำ พักเท้าสูงขึ้น และการขับขี่ก็ให้อัตราเร่งดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเกียร์ 2-3 การเร่งความเร็วออกจากโค้งทำได้ดีมากๆ” ฟิล์ม-รัฐภาคย์ ให้คำตอบ
“ยิ่งได้ทดสอบในสนามระดับโลก อัตราเร่งที่ดีขึ้น ทำให้ผมต้องปรับไลน์การขับขี่ใกล้เคียงกับรุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ที่เคยแข่งทีเดียวครับ”
ทิ้งท้ายด้วยเป้าหมายการขาย CBR650R ฮอนด้าตั้งไว้ 6,000 คัน/ปี หวังครองส่วนแบ่งตลาด 60 เปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มตัวเลือกสปอร์ตไบค์ค่าตัวระหว่าง 250,000-400,000 บาท
ตัวเลขนี้ไม่น่ายาก.