หนึ่งในโหมดใหม่ของ ปอร์เช่ ที่หยิบมาใส่ไว้ใน 911 โฉมใหม่รหัส 992 คือ โหมดถนนเปียก Wet Mode ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจในการนำเสนอของทีมงานวิศวกรเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นอีกขั้นของเทคโนโลยีในการขับขี่ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แม้ว่าสภาพถนนจะไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่

หลักการทำงานของ โหมดเปียก นั้นจะเริ่มด้วย การใช้เซนเซอร์ ติดตั้งที่ซุ้มล้อ เพื่อตรวจจับเสียงจากละอองน้ำที่มากระทบกับบังโคลน แทนการวัดจากปริมาณน้ำที่ใบปัดน้ำฝน ซึ่งระบบเซนเซอร์ใหม่นี้จะมีข้อที่ดีกว่าคือ แม้ว่าฝนจะหยุดตกไปแล้ว แต่หากถนนยังเปียกและมีน้ำขังอยู่ ระบบจะสามารถรับรู้ได้ นับว่าเป็นการสะท้อนสภาพการขับขี่ที่แท้จริงได้อย่างถูกต้องแน่นอนมากยิ่งขึ้น รวมถึงถนนที่มีหิมะด้วย

ส่วนการทำงาน เมื่อระบบตรวจพบถนนที่เปียกลื่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Porsche Stability Management (PSM) และระบบ Porsche Traction Management (PTM) จะถูกเตรียมพร้อมให้ใช้งานทันที หลังจากนั้นระบบจะส่งคำเตือนไปยังผู้ขับว่า ถนนเปิยกควรเปลี่ยนมาใช้ Wet Mode
ซึ่งเมื่อผู้ขับเปลี่ยนมาใช้งานโหมดเปียกแล้ว ระบบ PSM, PTM, ระบบอากาศพลศาสตร์, อุปกรณ์พิเศษ Porsche Torque Vectoring (PTV) Plus และการตอบสนองของตัวรถทั้งหมด ถูกปรับเข้าสู่ความพร้อมเพิ่มเติมเสถียรภาพการบังคับควบคุมสูงสุด โดยที่ความเร็วตั้งแต่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ครีบดักอากาศของชุดสปอยเลอร์หลังจะถูกเปิดออกจนสุด การตอบสนองของแป้นคันเร่งจะลดความไวลง และผู้ขับขี่จะไม่สามารถสั่งปิดการทำงานของระบบ PSM ได้

ทั้งนี้ เราได้ทดลองขับโหมดนี้ 8 รอบสนามเพื่อเปรียบเทียบระหว่างการขับขี่ด้วยโหมดปกติ (Normal Mode) , โหมดเปียก (Wet Mode) และโหมดสปอร์ต (Sport Mode) ด้วยสไตล์การขับเหมือนกันและความเร็วใกล้เคียงกัน พบว่า หากใช้โหมดสปอร์ต จะรู้สึกถึงความลื่นไถลได้ง่ายขึ้น คือท้ายออกเล็กน้อยในบางโค้ง เพราะไม่ได้ขับเร็วมาก

เมื่อเปลี่ยนมาลอง โหมดปกติ ไม่มีอาการท้ายออกหรือรู้สึกว่าลื่นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเมื่อเปลี่ยนมาใช้ โหมดเปียก การบังคับควบคุมแม่นยำขึ้น เกาะโค้ง และขับด้วยความั่นใจกว่าทั้งสองโหมดอย่างน่าประหลาดใจ เรียกว่า ถ้าเจอถนนเปียก สิ่งที่ควรทำหากยังอยากขับเร็วคือ เปลี่ยนมาใช้ Wet Mode อุ่นใจได้ในความปลอดภัยที่มากขึ้นอย่างแน่นอน

เหนือสิ่งอื่นใด โหมดเปียกนี้ จะไม่ทำงานโดยอัตโนมัติ ผู้ขับจะต้องเปลี่ยนมาใช้งานด้วยตนเอง โดยระบบส่งคำเตือนให้เปลี่ยนมาใช้งานเมื่อตรวจพบถนนเปียกลื่น หากผู้ขับไม่เปลี่ยนโหมด ก็ยังสามารถขับต่อไปได้ ไม่มีปัญหาแต่ประการใด เป็นเพียงคำเตือนแนะนำให้ใช้งานเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนี่คือ รถสปอร์ต ที่บางครั้งผู้ขับขี่ยังอยากที่จะใช้ความสามารถของตัวเอง หรืออยากสนุกกับการขับขี่แบบหลุดๆ ดูบ้าง ปอร์เช่ จึงไม่บังคับว่า ระบบWet Modeนี้จะต้องทำงานเองโดยอัตโนมัติทุกครั้งเมื่อเจอถนนเปียก





หลักการทำงานของ โหมดเปียก นั้นจะเริ่มด้วย การใช้เซนเซอร์ ติดตั้งที่ซุ้มล้อ เพื่อตรวจจับเสียงจากละอองน้ำที่มากระทบกับบังโคลน แทนการวัดจากปริมาณน้ำที่ใบปัดน้ำฝน ซึ่งระบบเซนเซอร์ใหม่นี้จะมีข้อที่ดีกว่าคือ แม้ว่าฝนจะหยุดตกไปแล้ว แต่หากถนนยังเปียกและมีน้ำขังอยู่ ระบบจะสามารถรับรู้ได้ นับว่าเป็นการสะท้อนสภาพการขับขี่ที่แท้จริงได้อย่างถูกต้องแน่นอนมากยิ่งขึ้น รวมถึงถนนที่มีหิมะด้วย
ส่วนการทำงาน เมื่อระบบตรวจพบถนนที่เปียกลื่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Porsche Stability Management (PSM) และระบบ Porsche Traction Management (PTM) จะถูกเตรียมพร้อมให้ใช้งานทันที หลังจากนั้นระบบจะส่งคำเตือนไปยังผู้ขับว่า ถนนเปิยกควรเปลี่ยนมาใช้ Wet Mode
ซึ่งเมื่อผู้ขับเปลี่ยนมาใช้งานโหมดเปียกแล้ว ระบบ PSM, PTM, ระบบอากาศพลศาสตร์, อุปกรณ์พิเศษ Porsche Torque Vectoring (PTV) Plus และการตอบสนองของตัวรถทั้งหมด ถูกปรับเข้าสู่ความพร้อมเพิ่มเติมเสถียรภาพการบังคับควบคุมสูงสุด โดยที่ความเร็วตั้งแต่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ครีบดักอากาศของชุดสปอยเลอร์หลังจะถูกเปิดออกจนสุด การตอบสนองของแป้นคันเร่งจะลดความไวลง และผู้ขับขี่จะไม่สามารถสั่งปิดการทำงานของระบบ PSM ได้
ทั้งนี้ เราได้ทดลองขับโหมดนี้ 8 รอบสนามเพื่อเปรียบเทียบระหว่างการขับขี่ด้วยโหมดปกติ (Normal Mode) , โหมดเปียก (Wet Mode) และโหมดสปอร์ต (Sport Mode) ด้วยสไตล์การขับเหมือนกันและความเร็วใกล้เคียงกัน พบว่า หากใช้โหมดสปอร์ต จะรู้สึกถึงความลื่นไถลได้ง่ายขึ้น คือท้ายออกเล็กน้อยในบางโค้ง เพราะไม่ได้ขับเร็วมาก
เมื่อเปลี่ยนมาลอง โหมดปกติ ไม่มีอาการท้ายออกหรือรู้สึกว่าลื่นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเมื่อเปลี่ยนมาใช้ โหมดเปียก การบังคับควบคุมแม่นยำขึ้น เกาะโค้ง และขับด้วยความั่นใจกว่าทั้งสองโหมดอย่างน่าประหลาดใจ เรียกว่า ถ้าเจอถนนเปียก สิ่งที่ควรทำหากยังอยากขับเร็วคือ เปลี่ยนมาใช้ Wet Mode อุ่นใจได้ในความปลอดภัยที่มากขึ้นอย่างแน่นอน
เหนือสิ่งอื่นใด โหมดเปียกนี้ จะไม่ทำงานโดยอัตโนมัติ ผู้ขับจะต้องเปลี่ยนมาใช้งานด้วยตนเอง โดยระบบส่งคำเตือนให้เปลี่ยนมาใช้งานเมื่อตรวจพบถนนเปียกลื่น หากผู้ขับไม่เปลี่ยนโหมด ก็ยังสามารถขับต่อไปได้ ไม่มีปัญหาแต่ประการใด เป็นเพียงคำเตือนแนะนำให้ใช้งานเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนี่คือ รถสปอร์ต ที่บางครั้งผู้ขับขี่ยังอยากที่จะใช้ความสามารถของตัวเอง หรืออยากสนุกกับการขับขี่แบบหลุดๆ ดูบ้าง ปอร์เช่ จึงไม่บังคับว่า ระบบWet Modeนี้จะต้องทำงานเองโดยอัตโนมัติทุกครั้งเมื่อเจอถนนเปียก