มิตซูบิชิ เขย่าตลาดรถปี 2562 เปิดรถใหม่ 7 รุ่น พร้อมพัฒนาดีลเลอร์และสร้างความพึงพอใจลูกค้า คาด 3 ปี กวาดแชร์กว่า 10% ขณะปี 2561 รถธงสุดฮอต “ไทรทัน-เอ็กซ์แพนเดอร์” ดันยอดขายโต 21.3 % แชร์ 8.1% ด้านส่งออก โต 4.2% เฉพาะซีเคดี พุ่ง 37% ส่งผลกำลังการผลิตเพิ่ม 11.2 % ยอด 440,000 คัน
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ประสบความสำเร็จเหนือกว่าเป้าหมายและการคาดการณ์ โดยมีอัตราการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรม ด้วยยอดจำหน่ายในประเทศรวม 84,560 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 21.3 % เมื่อเทียบกับปี 2560 ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์มีการขยายตัว 19.5 % ด้วยจำนวน 1,041,739 คัน ส่วนแบ่งการตลาดของมิตซูบิชิ ไทย เติบโตขึ้นไปที่ 8.1 %
“ไทรทัน” มีสัดส่วนการจำหน่ายที่ 47 % (39,984 คัน) จากยอดจำหน่ายทั้งหมดของมิตซูบิชิ ไทย ขณะที่รถยนต์ซิตี้คาร์ แอททาจ และมิราจ มีสัดส่วนการจำหน่าย 31 % (26,085 คัน) ปาเจโร สปอร์ต มีสัดส่วนการจำหน่าย 15 % (12,982 คัน) อีกทั้งยังครองอันดับ 1 ในผลการศึกษาคุณภาพรถใหม่ในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดใหญ่ในประเทศไทยของ เจ.ดี.พาวเวอร์ ประจำปี 2561 (IQS) และปาเจโร สปอร์ต อีลีท อิดิชั่น ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษ สร้างปรากฏการณ์ ด้วยยอดจองราว 2,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน นับตั้งแต่เปิดตัวที่มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 จนสิ้นสุดเดือนมกราคม 2562
สำหรับ เอ็กซ์แพนเดอร์ ซึ่งประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวในประเทศไทย โดยมียอดจำหน่าย 5,509 คัน คิดเป็น 7 % ของยอดขายทั้งหมดของมิตซูบิชิ ไทย
“ความสำเร็จของเราในปี 2561 เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือ การนำเสนอรถที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันที่สุด เทคโนโลยีก้าวล้ำหน้า สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม มีความปลอดภัยและขับสนุก รวมถึงการออกแบบที่ล้ำสมัยให้แก่ลูกค้าของเรา” นายโมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวภายในงานแถลงผลการดำเนินงาน
“กระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าของเราเริ่มต้นจากบุคลากรของเรา โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา เราได้เริ่มดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อเสริมทักษะและยกระดับประสิทธิภาพของบุคลากร ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า นอกจากนี้ เรายังได้ดำเนินกิจกรรมการตลาดหลากหลายรูปแบบซึ่งทำให้การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นไปได้อย่างมปีระสิทธิภาพ” นายชกกิ กล่าว
นายชกกิ กล่าวเสริมว่า ปัจจัยสำคัญที่สร้างความสำเร็จ ได้แก่ มิตซูบิชิ ไทย ยังมาจากการสร้างความพึงพอใจของลูกค้าด้วยการปรับปรุงหลายส่วนงานอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ โชว์รูมดีไซน์ใหม่ รวมถึงความสำเร็จในการดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาทักษะด้านการบริการและการปฏิบัติงานของผู้จำหน่าย
ปัจจัยหนุนผลประกอบการที่สำคัญยังรวมถึงการเปิดตัวรถ 9 รุ่น ได้แก่ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่, ไทรทัน ใหม่, แอททราจ ใหม่, ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ และมิราจและแอททราจ ลิมิเต็ด เอดิชั่น, ไทคทัน แอทลีก เมกะแค็บ และปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชั่น
อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมความสำเร็จ คือ Advanced “Dynamic Shield” เอกลักษณ์ด้านการออกแบบของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ถูกถ่ายทอดไว้ในรถรุ่นใหม่ล่าสุด ผสานความปลอดภัยเข้ากับดีไซน์ของรถได้อย่างลงตัว รถรุ่นใหม่ล่าสุดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จึงมีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของ Advanced “Dynamic Shield” การออกแบบที่เน้นเส้นสายโฉบเฉี่ยวคมชัด นำมาซึ่งดีไซน์รถที่สวยงามและสะท้อนความแข็งแกร่งพร้อมปกป้องและมอบความปลอดภัย
ขณะที่สโลแกน “เราดูแล คุณแค่ขับ” ของมิตซูบิชิ ไทย ก็ได้กลายเป็นที่ยอมรับและครอบใจเจ้าของรถมิตซูบิชิ สโลแกนดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่มีต่อการพัฒนาด้านความพึงพอใจลูกค้านำเสนอการบริการอันเป็นเลิศครอบคลุม 5 มิติ ได้แก่
- Genuine Service : พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลาด 24 ชั่วโมง
- Genuine Parts : มั่นใจได้ในอะไหล่แท้ราคามาตรฐานที่ช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ให้ยาวนานขึ้นและมีการบริการจัดการอะไหล่เพื่อช่วยลดระยะเวลาในการรอ
- Genuine Technicians : บริการโดยทีมงานผู้ชำนาญการที่ผ่านการอบรมและฝึกฝนโดยตรงจากสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ
- Genuine Performance : มุ่งมั่นให้บริการ เพื่อคงคุณภาพรถยนต์ให้คงสมรรถนะได้อย่างยาวนาน
- Genuine Network & Accessibility : สะดวกยิ่งขึ้นด้วย M-Drive แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการจากเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ
“เราดูแล คุณแค่ขับ” คือ หนึ่งในความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับความพึงพอใจลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการจัดอันดับด้านการบริการอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน มิตซูบิชิ อยู่ในอันดับที่ 2 ของดัชนีความพึงพอใจด้านบริการงานขาย (CSI) และอันดับที่ 4 ของดัชนีความพึงพอใจด้านบริการงานขาย (SSI) จากผลการศึกษาโดย เจ.ดี.พาวเวอร์ ประเทศไทย ประจำปี 2561
สำหรับด้านการส่งออกมิตซูบิชิ ไทย มีอัตราการเติบโตที่ 4.2 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยรถยนต์สำเร็จรูป (BU) และรถยนต์ชิ้นส่วนประกอบ (KD) มียอดส่งออกรวมทั้งหมด 347,000 คัน ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ ทั้งนี้การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป (BU) ไปยังโรงงานประกอบรถยนต์ในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ รัสเซียและบราซิล อยู่ที่อัตราคงที่ ขณะที่ยอดการส่งออกรถยนต์ชิ้นส่วนประกอบ (KD) เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 37 %
ด้านการผลิต มิตซูบิชิ ไทย เติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญที่ 11.2 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยยอดการผลิตทั้งหมด 444,000 คัน
สำหรับปี 2562 มิตซูบิชิ ไทย จะยังคงให้ความสำคัญกับการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด โดยจะได้แรงขับเคลื่อนจากยอดจำหน่ายของ ไทรทัน ใหม่ และเอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ พร้อมเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 7 รุ่น
มิตซูบิชิ ไทย ยังมุ่งเน้นปัจจัยแห่งความสำเร็จ 3 ด้านอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม การให้ความสำคัญกับลูกค้าและปรับปรุงเครือข่ายผู้จำหน่าย และการเพิ่มทักษะของบุคลากร เพื่อการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายทั้ง 223 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะดำเนินการปรับโฉมใหม่ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2564
แม้ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2562 ได้รับการคาดการณ์ว่าจะเติบโตแบบทรงตัว อย่างไรก็ตาม มิตซูบิชิ ไทย ยังแสดงความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ต่อศักยภาพและอนาคตของประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์การดำเนินงานที่ใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ นอกประเทศญี่ปุ่นด้วยกำลังการผลิตที่สูงถึงเกือบ 30 % ของกำลังการผลิตในระดับโลกทั้งหมดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ อีกทั้งยังได้รับการยอมรับว่า มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในระดับโลก
ด้านการดำเนินงานในระยะกลาง มิตซูบิชิ ไทย ตั้งเป้าหมายด้านส่วนแบ่งการตลาดไว้สูงกว่า 10 % ด้วยการนำเสนอยานยนต์คุณภาพ การพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายและความพึงพอใจลูกค้า ตลอดจนความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยบริษัทฯ คาดหวังว่า จะได้รับอนุมัติการส่งเสริมการผลิตครอบคลุมรถไฟฟ้าประเภทพลังงานแบตเตอรี่ (EV) และปลั๊กอินไฮบริค (PHEV) ในเร็วๆ นี้
นายชกกิ กล่าวเปิดท้ายด้วยการเชิญชวนให้ลูกค้าทั่วประเทศได้มาสัมผัสกับรถยนต์มิตซูบิชิอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง “ไม่มีอะไรจะสร้างความประทับใจได้ดีไปกว่าการที่ลูกค้าได้มาสัมผัสกับรถยนต์และการบริการจาก มิตซูบิชิ ไทย ด้วยตัวเอง ด้วยความครบครันทั้งด้านดีไซน์และเทคโนโลยีอันก้าวล้ำ พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและสมรรถนะที่เป็นเลิศ จะทำให้เข้าใจว่าเหตุใดเราจึงได้รับรางวัลต่างๆ รวมไปถึงการจัดอันดับให้เป็นผู้นำทั้งด้านบริการลูกค้าและงานขาย รวมถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์”


