xs
xsm
sm
md
lg

เอ็มจี ผงาด! ในไทย ปี’62 ตั้งเป้า 5 หมื่นคัน รับตลาดรถพุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอ็มจี ผงาด! 5 ปี ประกาศความสำเร็จในไทย ด้วยยอด 50,000 คัน มั่นใจ ปี’62 ตลาดรถเติบโต 5-10% เร่งขยายการลงทุนและเปิดตัวรถใหม่ หวังขยายฐานลูกค้าพร้อมยกระดับบริการหลังขาย เปิดโชว์รูมเพิ่ม 140 แห่ง รับตั้งเป้าโต 50,000 คัน

นายจาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงความสำเร็จของการดำเนินงานในประเทศไทยว่า “เราต้องขอขอบคุณคนไทยที่ให้การต้อนรับผลิตภัณฑ์ของเราเป็นอย่างดี รวมทั้งภาครัฐและทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมา ส่งผลให้เอ็มจี เติบโตอย่างมั่นคงในตลาดเมืองไทย และเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของเรา





ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสานต่อธุรกิจในไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมนวัตกรรมยานยนต์ที่ทันสมัย บริการที่มาตรฐาน ตลอดจนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ให้กับลูกค้าของเอ็มจี และสร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย”



สำหรับในปีนี้ เอ็มจีมั่นใจว่าตลอดอุตสาหกรรมจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าตลาดรถยนต์ไทยจะเติบโตกว่า 5-10% และตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 50,000 คัน โดยปีนี้จะมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องและเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีนวัตกรรมยานยนต์ที่ทันสมัยอีกหลายรุ่น เพื่อขยายฐานลูกค้า รวมไปถึงการยกระดับงานด้านบริการและจัดกิจกรรมทางกาตลาด พร้อมการส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี







ส่วนยอดขายในปี 2561 ที่ผ่านมา มียอดขายปิดที่ 23,740 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 100% เมื่อเทียบกับปี 2560 และจะมียอดขายในประเทศครบ 50,000 คัน ในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี อันสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจและแนวทางการบริหารงานที่เป็นเอกลักษณ์ จนสร้างการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยได้เป็นอย่างดี



เส้นทางของเอ็มจีสู่ตลาดสำเร็จในตลาดไทย

เอ็มจี เริ่มดำเนินธุรกิจในไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2556 โดยเริ่มขายรถเอ็มจีรุ่นแรกในกรกฎาคม ปี 2557 และแนะนำรถรุ่นต่างๆ ที่มาพร้อมนวัตกรกรมยานยนต์ที่ทันสมัยสู่ตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นบริษัทแรกที่ติดตั้งซันรูฟในรถขนาดเล็ก และระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ซึ่งเป็นระบบการเชื่อมต่อระบบแรกและระบบเดียวในโลกที่รองรับการสั่งการในรถด้วยเสียงภาษาไทย พร้อมกับการพัฒนางานด้านบริการ และขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายที่เป็นไปตามเป้า โดยมีรวมกว่า 100 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการดูแลลูกค้าแบบครบวงจร





5 ปี 5 โมเดลยอดนิยม


ในกรกฎาคม ปี 2557 เอ็มจี ได้เริ่มจำหน่ายรถคันแรก คือ MG 6 รถนั่งในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ (C-Segment) ดีไซน์สปอร์ต โดดเด่นทั้งการออกแบบ สมรรถนะและความปลอดภัย จากนั้น ในช่วงเมษายน 2556 ได้แนะนำ MG3 ที่มาพร้อมรูปลักษณ์และสีสันที่โดดเด่น พร้อมการติดตั้งซันรูฟ (Sunroof) ในรถขนาดเล็กเป็นครั้งแรกของตลาดเมืองไทย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 ได้เปิดตัว MG6 ใหม่ ที่มีการเพิ่มฟังก์ชั่น พร้อมติดตั้งเทคโนโลยี inkaNet และ MG 5 รถในกลุ่มซับคอมแพ็คคาร์แบบ 4 ประตู สไตล์คูเป้ ที่ออกแบบให้มีพื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่เทียบเท่ารถคอมแพ็คคาร์ ต่อมาในปี 2559 ได้เปิดตัวรถ MG GS รถสปอร์ต SUV ที่มีสมรรถนะสูงรุ่นหนึ่ง ตามด้วยปี 2560 เปิดตัว MG ZS สมาร์ทเอสยูวีที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART และล่าสุดเมื่อกลางปี 2561 ที่ผ่าน ได้มีการแนะนำ MG3 ใหม่ ซึ่งมาพร้อมระบบ i-SMART และระบบความปลอดภัยครบครัน ซึ่งให้ความสนุกในการขับขี่มากยิ่งขึ้น


ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะ

จากวิสัยทัศน์หลักของเอสเอไอซี คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทแม่ของเอ็มจี ในการพัฒนารถยนต์แห่งอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ในทุกมิติ ด้วยการกำหนดแกนหลัก 4 ประการ คือ ความเป็นอัจฉริยะ (Intelligent) การเชื่อมต่อเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตเข้ากับระบบภายในรถยนต์ (Internet) การใช้พลังงานทางเลือก (New Energy) และเป็นทรัพยากรที่สามารถใช้ร่วมกันได้ (Sharing) เอ็มจีจึงมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถและผลักดันเทคโนโลยีดังกล่าวสำหรับยานยนต์ในประเทศไทย โดยในปี 2558 ได้มีการแนะนำนวัตกรรมการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่กับรถเอ็มจีแบบเรียลไทม์ ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ภายใต้ชื่อ inkaNet






จากนั้นในปี 2559 ได้แนะนำระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART สู่ตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าคนไทยในฐานะระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะระบบแรกและระบบเดียวในโลกที่รองรับการสั่งการในรถด้วยเสียงภาษาไทยและยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ขับขี่ โดยเทคโนโลยี i-SMART ถูกนำมาใช้งานครั้งแรกในรถรุ่น MG ZS ก่อนจะมีการติดตั้งใน MG3 ใหม่ และได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้รถทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าคนไทยและทำให้ยอดขายโดยรวมของเอ็มจีเติบโตขึ้นเท่าตัว



บริการที่ครอบคลุมและโดดเด่น

เพื่อรองรับการเติบโตของฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เอ็มจีได้เปิดบริการหลังการขายเพื่อดูแลลูกค้าแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “แพสชั่น เซอร์วิส”(Passion Service) ได้แก่ การรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร การบริการเช็คระยะและตรวจสอบสภาพรถนอกสถานที่ (Mobile Services) บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) บริการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Centre) ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีบริการรถสำรองใช้ระหว่างรอซ่อม เพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้ลูกค้า พร้อมโครงการรถมือสองคุณภาพเยี่ยม แอพพรูฟ เซอร์ติฟายด์ยูส คาร์ บาย เอ็มจี (APPROVED Certified Used Car by MG) เพื่อสร้างความมั่นใจและพึงพอใจสูงสุดใหญ่แก่ลูกค้าที่ใช้รถเรา





อุ่นใจกับศูนย์บริการที่รองรับบริการลูกค้าทั่วประเทศ


การเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานที่ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ คือ หนึ่งในปณิธานของเอ็มจี ในการสร้างการบริการที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าทุกท่านที่ผ่านมา โดยมีการขยายการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการไปทั่วประเทศกว่า 100 แห่ง และในปี 2562 นี้ ตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 140 แห่ง พร้อมการพัฒนาและยกระดับงานด้านการบริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่า จะได้รับบริการที่ได้มาตรฐานในทุกโชว์รูม


ทุ่มงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตในประเทศ

จากความเชื่อมั่นในศักยภาพและเศรษฐกิจของประเทศไทย ผนวกกับความมุ่งมั่นที่จะยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศให้ก้าวหน้า ในปี 2560 เอ็มจี ได้เปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ ด้วยงบการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท ภายในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด แห่งที่ 2 จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 437 ไร่ มีกำลังการผลิตสูงถึง 100,000 คันต่อปี เนื่องจากมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีการติดตั้งระบบตรวจสอบคุณภาพที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก อีกทั้งเป็นโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบัน โรงงานแห่งนี้ คือ ฐานการผลิตรถเอ็มจี พวงมาลัยขวาสำหรับจำหน่ายทั้งในประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก





กำลังโหลดความคิดเห็น