วี.คาร์โก ทุ่ม 240 ล้าน รองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซบูม เร่งสร้างแวร์เฮ้าส์เพิ่ม 2 แห่ง ที่อยุธยา-ขอนแก่น พร้อมสั่งซื้อยูดี โครเนอร์ หนุนแผนขยายงานขนส่ง คาดปีนี้ ตั้งเป้ารายได้พุ่ง 25% ขณะที่ปี'61 ฟันรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท
นายอุดม ศรีสงคราม กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท วี.คาร์โก เปิดเผยว่า จากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจการค้าออนไลน์และสินค้าในตลาดโมเดิร์นเทรดในระยะหลายปีที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มบริษัท วี.คาร์โก มีอัตราการเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อปีที่แล้วมียอดรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราการเจริญเติบโตจะยังคงต่อเนื่องต่อในปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 25%
กลุ่มบริษัท วี.คาร์โก มีบริษัทในเครือ 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท วี.คาร์โก จำกัด, บริษัท วี.คาร์โก แอนด์ซัพพลาย จำกัด, บริษัท ยูพีเอสอาร์ โลจิสติกส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด และบริษัท ไทยรุ่งพัฒนาขนส่ง จำกัด ให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจร โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ธุรกิจขนส่งโมเดิร์นเทรด การขนส่งทั่วไป และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดย 85% ของรายได้มาจากธุรกิจการขนส่ง, 10% จากการให้บริการชิปปิ้ง และ 5% มาจากการให้บริการคลังสินค้า
ล่าสุด ทางบริษัทฯ ได้รับมอบรถบรรทุกยูดี โครเนอร์ รถบรรทุก ขนาดกลาง จำนวน 16 คัน เพื่อรองรับแผนขยายงานของกลุ่มวี.คาร์โก และอาจมีแผนสั่งซื้อรถดังกล่าวเพิ่มเติม สาเหตุที่เราตัดสินใจเลือกรถรุ่นดังกล่าว เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจการขนส่งที่เน้นคุณภาพ เราจึงต้องการรถบรรทุกที่ทนทาน ไฮเทค ที่มีอยู่ครบถ้วนในโครเนอร์
ปัจจุบัน ธุรกิจขนส่งไปพัฒนากลายเป็นธุรกิจโลจิสติกส์และมีการเติบโตอย่างมาก ทำให้กลุ่มวี.คาร์โก ได้ปรับแนวธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการให้บริการชิปปิ้ง เป็นธุรกิจหลัก ต่อมาธุรกิจโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อเริ่มเข้ามามีบทบาท แนวธุรกิจของกลุ่มฯ จึงปรับเปลี่ยนตามสภาพความเป็นจริง ประกอบกับผู้ให้บริการด้านการขนส่งเริ่มมีมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
ล่าสุด กลุ่ม วี.คาร์โก ได้เตรียมความพร้อมที่จะขยายธุรกิจให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ด้วยงบลงทุน 240 ล้านบาท สำหรับการขยายจุดบริการคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ได้แก่ ที่วังน้อย อยุธยา และขอนแก่น ปัจจุบัน ศูนย์บริการคลังสินค้า มีทั้งหมด 10 แห่ง ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 แห่ง ที่อุบลราชธานี อุดรธานีและนครราชสีมา ภาคเหนือ 3 แห่ง ที่พิษณุโลก นครสวรรค์และเชียงใหม่ และภาคใต้ 3 แห่ง ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หาดใหญ่และภูเก็ต ส่วนภาคกลางตั้งอยู่ย่านถนนบางนา-ตราด
“การขยายแวร์เฮ้าส์ เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากเรามีเครือข่ายและประสบการณ์การทำงานเป็นเวลานาน ทำให้ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและบริการ ประกอบกับการส่งต่อธุรกิจสู่ทายาทรุ่นที่ 2 ได้แก่ นายชัยยศ ศรีสงคราม ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านการขนส่ง ซึ่งจะเข้ามาพัฒนาองค์กรให้เติบโตควบคู่กับธุรกิจคู่ค้า โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าข้ามแดน ดังนั้น เมื่อเราได้รับใบอนุญาตประกอบการ เราพร้อมทันทีที่จะเริ่มบริการให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ”
