สิ่งที่หลายคนกลัวและกังวลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV คือ ระยะทางที่ทำได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เพราะถ้าแบตเตอรี่เกิดไม่มีไฟ งานนี้ต้องยกขึ้นรถสไลด์สถานเดียว และตัวเลขในระดับ 300 กิโลเมตรในบางครั้งอาจจะยังไม่เพียงพอ สำหรับคนที่เริ่มมีความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันที่อาจจะต้องเดินทางไปไหนไกลๆ หรือที่หมายอาจจะไม่มีจุดให้ชาร์จไฟได้ ดังนั้นนิสสันจึงขยับความสามารถให้กับลีฟ (Leaf ) ด้วยการเพิ่มรุ่น e+ ที่มีการขยายความสามารถในการเดินทางให้มากขึ้นเพื่อรองรับกับกับการใช้งานที่มีมากกว่าการขับในเมือง
งานนี้นิสสันมีการปรับปรุงในจุดใหญ่คือ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ใหญ่ขึ้นโดยในรุ่นนี้จะมีกำลังอยู่ที่ 62 kWh จาเดิมมีเพียงแค่ 40 kWh ในรุ่นปกติ รวมถึงมีการปรับสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้าให้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจากการเปิดเผยของ นิสสันระบุว่า ตัวเลขการขับที่ทำได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้งในรุ่น Leaf e+ นั้นจะเพิ่มเป็น 255 ไมล์ หรือ 410 กิโลเมตร หรือเพิ่มขึ้นจากตัวเลขที่นิสสันประเทศไทยเคยอ้างเอาไว้ในเว็บไซต์ของลีฟที่ขายในบ้านเราถึงเกือบๆ 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว
ไม่ใช่เพิ่มแค่ขนาดของแบตเตอรี่ แต่สมรรถนะของตัวรถก็มีการอัพเกรดด้วยเช่นกัน โดยมีการขยับกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าเป็น 160 kW หรือเพิ่มจากรุ่นปกติถึง 45% และมีแรงบิดสูงสุด 35.2 กก.-ม. ตรงนี้ทำให้อัตราเร่งในช่วงการเร่งแซงในย่านความเร็ว 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมงดีขึ้นจากรุ่นปกติถึง 13% และความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 10% แต่นิสสัน ไม่ได้บอกว่าอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใช้เวลาเท่าไร
นอกจากนั้น ในด้านความปลอดภัยนิสสันได้มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยอย่าง ProPILOT มาจากโรงงานเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจในระหว่างเดินทางไกล โดยจะช่วยรักษาการแล่นในช่องทาง เช่นเดียวกับการใช้ระบบ Adaptive Cruise Control ที่สามารถปรับตั้งความเร็วได้ระหว่าง 30-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
นิสสันจะส่ง Leaf e+ เริ่มทำตลาดสหรัฐอเมริกาในเดือนมกราคมนี้ และกลางปีนี้สำหรับตลาดยุโรป ส่วนเมืองไทย น่าจะต้องรอดูกันไปก่อนว่าจะมีมาเพิ่มไหม หลังจากที่รุ่นปกติทำยอดจองได้ค่อนข้างดีในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา