xs
xsm
sm
md
lg

“มาสด้า” คึก! ดึง 6 รุ่น เสริมทัพ เปิดศึกรับปีหมูทอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“มาสด้า” คึก! เปิดศึกปีหมูทอง ดึง 6 รุ่นใหม่ เสริมทัพรับปัจจัยบวก ชูผู้นำเทคโนโลยีพร้อมยกระดับคุณภาพบริการ หวังดันเป้ายอดขายกว่า 7.5 หมื่นคัน เติบโต 5-10% แชร์ 6.7% หลังทุบสถิติกวาดยอดขายปี’61 ทะลุ 7 หมื่นคัน เติบโต 37% ส่งมาสด้า 2 ขึ้นแท่นที่ 1 ตลาดรถเก๋งเล็ก




นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการวัดคุณภาพและฝีมือของคนยานยนต์ เนื่องจากตลาดมีการแข่งขันที่สูงมาก ขณะที่มาสด้าไม่ได้มีรถยนต์รุ่นใหม่ในตลาด แต่กลับมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น สาเหตุเนื่องจากความมั่นใจของลูกค้าที่มีต่อสินค้าทุกรุ่น กิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงทุกพื้นที่ การสื่อสารเน้นความเป็นพรีเมียมแบรนด์ที่ลูกค้าสัมผัสได้จริง ตลอดจนการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายรวมทะลุถึง 70,475 คัน เติบโต 37% โดยเฉพาะรถมาสด้า2 ที่ขึ้นแท่นครองอันดับหนึ่งตลาดรถเก๋งเล็ก ด้วยยอดขาย 45,972 คัน เพิ่มขึ้น 45%






ขณะที่รถอเนกประสงค์ ซีเอ็กซ์-5 คว้ายอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ 8,184 คัน เพิ่มขึ้นมากที่สุด 69% ในส่วนรถปิกอัพ บีที-50 โปร เริ่มได้รับความนิยมจากลูกค้าอีกครั้ง ด้วยยอดขาย 7,498 คัน เพิ่มขึ้น 26% ส่งผลให้สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 6.7% ซึ่งถือเป็นส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดของมาสด้าทั่วโลก





ในช่วงต้นปี 2561 ได้มีการคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 920,000 คัน หลังจากผ่านครึ่งปีแรกหลายฝ่ายเริ่มมองตัวเลขที่ 1 ล้านคัน แต่ท้ายที่สุดสามารถปิดตัวเลขยอดขายรวมอยู่ที่ 1,040,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ประมาณ 19% เปรียบเทียบกับตัวเลขยอดรวมเมื่อปี 2560 อยู่ที่ 871,650 คัน สำหรับมาสด้ามียอดขายเติบโตมากสุดถึง 37% และครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 6.7% เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าถึง 1 ปี




ด้านตลาดรถยนต์โดยรวมในปี 2562 คาดว่า ตลาดรถยนต์จะทรงตัวหรือเติบโตขึ้นเล็กน้อย ตัวเลขอยู่ที่ 1.03 – 1.06 ล้านคัน ส่วนยอดขายมาสด้ามองว่า ปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 75,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5 – 10% และส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 6.7% โดยปีนี้ยังคงเน้นการบริการลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย ด้วยการเสริมศักยภาพของทีมงานในองค์กรและผู้จำหน่าย ที่สำคัญปีนี้ถือเป็นปีทองที่จะทำการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดมากถึง 6 รุ่น มาพร้อมกับรูปลักษณ์การออกแบบจาก โคโดะ ดีไซน์ เจนเนอเรชั่น 2 และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟใหม่ ควบคู่ไปกับการกำหนดกลยุทธ์การสื่อสารที่ฝ่ายการตลาดได้เพิ่มช่องทางการสื่อสาร เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น





นายอัตสึชิ ยาซูโมโต้ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักที่สำคัญ ด้วยยอดขายอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียนสูงสุดติดกันมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ที่สำคัญ มาสด้า มอเตอร์ ยังคงให้การสนับสนุนมาสด้า ประเทศไทย อย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ทั้งการลงทุนและเทคโนโลยี ในปีนี้ เรากำลังจะก้าวไปสู่รถยนต์ในเจเนอเรชั่นที่ 7 และการมาของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด SKYACTIV-X ซึ่งเป็นการผสมผสานคุณลักษณะเด่นของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลรวมไว้ด้วยกัน พร้อมเทคโนโลยีด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV ที่ได้ผนวกในเครื่องยนต์ SKYACTIV-X เข้ามาด้วย ตั้งแต่เริ่มกระบวนการพัฒนา หรือ Well-to-Wheel ควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผ่านกระบวนการทำงานของรถยนต์ทั้งคัน เพราะมาสด้าได้เล็งเห็นปัญหาในเรื่องของภาวะโลกร้อน จึงเป็นที่มาของนโยบาย Sustainable Zoom-Zoom 2030 เพื่อให้โลกยังคงสวยงาม เพื่อผู้คนและสังคม ได้ใช้ชีวิตอย่างงดงามและมีความสุข




ด้านการตลาด นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ เปิดเผยว่า การสื่อสารถือเป็นหัวใจสำคัญจำเป็นต้องพัฒนาการสื่อสารให้ครบทุกช่องทาง โดยเฉพาะออนไลน์ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เริ่มจากการกำหนดสไตล์ของแบรนด์ หรือ Mazda Brand Style เพื่อให้เกิดการจดจำและสร้างการรับรู้ของแบรนด์ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ต้องถ่ายทอดและให้ลูกค้าเห็นได้ในทุกๆ ที่ และสิ่งนี้ยังเป็นการปูทางไปสู่การมาของรถยนต์มาสด้าเจนเนอเรชั่นที่ 7 โดยเราได้ปรับเปลี่ยนทั้งในส่วนของโลโก้ รูปแบบตัวอักษรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งการวางองค์ประกอบของภาพถ่าย และพื้นที่ในการจัดแสดงรถทั้งภายในโชว์รูมและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด





นอกจากนี้ จะทำการปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ซึ่งจะเผยโฉมในเร็วๆ นี้ โดยเว็บไซต์ใหม่นั้น จะมีความเป็นมิตรกับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น เสมือนเป็นหน้าต่างที่ให้ผู้ใช้เข้าสู่โลกของมาสด้าอย่างแท้จริง เป็นการร้อยเรื่องราวของแต่ละส่วนให้มีความราบรื่นและน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันเป็นยุคที่ข่าวสารมีมากมาย หลากหลายช่องทางและหลายรูปแบบ เป็นเทรนด์ที่มาเร็วและไปเร็ว ทำให้หลายคนมองว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากความจริงยังมีอีกหลายพฤติกรรมที่ยังคงอยู่ และสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ คือ ความง่ายและสะดวก ซึ่งมาสด้าจะยังคงสร้างสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้าเกิดการรับรู้ในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การทำการตลาดหรือกลยุทธ์ต่างๆ ที่เราต้องใช้จะสอดคล้องตามเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป นายธีร์ กล่าวเสริม


ดร.ปณัสย์ บุญค้ำ รองประธานบริหารฝ่ายบริการหลังการขาย กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การขยายศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง โดยในปีนี้ จะเปิดเพิ่มเป็น 28 แห่ง จากที่เปิดไปแล้ว 21 แห่งทั่วประเทศ และในปี 2021 จะขยายเป็น 58 แห่งทั่วประเทศ ทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการด้านบริการหลังการขาย ได้แก่ ประสิทธิภาพของช่องซ่อม ราคาอะไหล่ และความรวดเร็วในการจัดส่งอะไหล่ ปัจจุบัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการจัดส่งอะไหล่ถึง 3 ครั้งต่อวัน ส่วนต่างจังหวัดจัดส่ง 1 ครั้ง ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งการปรับปรุงคุณภาพศูนย์บริการ และประสิทธิภาพบุคลากรของผู้จำหน่าย ให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ







นายสมหมาย แซ่อึ้ง รองประธานบริหารฝ่ายขาย กล่าวว่า สำหรับปีนี้ มาสด้า ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อให้บรรจุตามวัตถุประสงค์ โดยเน้นการสรรหาลูกค้าให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายจาก 3 แหล่งใหญ่ๆ ได้แก่ โชว์รูม การจัดกิจกรรมนอกสถานที่ (Local Event) และสื่อออนไลน์ ซี่งมาสด้า มีแผนที่สำคัญ 2 เรื่องหลัก เพื่อเป็นกลยุทธ์หลักในการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายผู้จำหน่าย ด้วยการเพิ่มปริมาณการจัดกิจกรรมบนโชว์รูม และกิจกรรมโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น โดยแบ่งออกเป็นการจัดงานที่โชว์รูม ภายใต้ชื่องาน คือ “MAZDA NEXT EXPERIENCE” และการจัดงานที่ห้างสรรพสินค้า คือ “MAZDA SKYACTIVE FESTIVAL”




ปัจจุบันนี้ มาสด้ามีโชว์รูมทั้งหมด 139 แห่ง จะขยายเพิ่มขึ้นอีก 5 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2561 โดยมีการปรับปรุงโชว์รูมภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่ไปแล้ว 81 แห่ง และเพิ่มขึ้นเป็น 115 แห่ง คาดจะเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในปีงบประมาณ 2562





กำลังโหลดความคิดเห็น