เบิร์นรับเบอร์ เปิดตัว “เบิร์นรับเบอร์ ไรด์ดิ้ง อะคาเดมี่ แอนด์ แทร็ค เดย์” สถาบันสอนขับขี่รถจักรยานยนต์ในสนามแข่งขัน ชูมาตรฐานความปลอดภัย เรียนรู้ทักษะครบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจากผู้ฝึกสอนมืออาชีพ ประเดิมดึงอดีต 3 ดาวบิดโมโตจีพีถ่ายทอดประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่สนามช้างฯ เซอร์กิต ก่อนเปิดสอน 8 สนามถ้วนตลอดปี 2562
จิอานลูก้า ลอซซี่ ผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าทีมผู้ฝึกสอน เบิร์นรับเบอร์ ไรด์ดิ้ง อะคาเดมี่ แอนด์ แทร็ค เดย์ (Burn Rubber Riding Academy & Track Days) เปิดเผยว่า ด้วยความนิยมกีฬามอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแข่งขันโมโตจีพีที่เพิ่งจัดขึ้นครั้งแรกที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ จากการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อให้ทราบถึงและเติมเต็มความต้องการของลูกค้าเพื่อให้ได้มาถึงการยกระดับและพัฒนาศักยภาพให้กับผู้ขับขี่
ล่าสุด บริษัทฯ นำเสนอ เบิร์นรับเบอร์ ไรด์ดิ้ง อะคาเดมี่ แอนด์ แทร็ค เดย์ สถาบันสอนขับขี่แนวมอเตอร์สปอร์ตสถาบันแรกในประเทศไทยที่มีมาตรฐานหลักสูตรระดับสากล ภายใต้เจตนารมณ์เพื่อต้องการยกระดับขีดความสามารถของนักขี่ชาวไทยให้สามารถต่อยอดไปถึงการเป็นนักแข่งอาชีพ และฝึกฝนทักษะเพื่อปรับใช้ในการขับขี่ในชีวิตประจำวันให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
สำหรับสถาบันสอนขับขี่รถมอเตอร์สปอร์ต “เบิร์นรับเบอร์ ไรด์ดิ้ง อะคาเดมี่ แอนด์ แทร็ค เดย์” ถือเป็นสถาบันสอนขับขี่ที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากสถาบันอื่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ที่สนใจการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์แนวมอเตอร์สปอร์ตได้ฝึกฝนทักษะและเรียนรู้ในสนามแข่งจริงกับประสบการณ์การขับขี่อย่างมืออาชีพ
โดยในแต่ละครั้งผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติอย่างใกล้ชิดกับนักแข่งและผู้ฝึกสอนอาชีพทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งล้วนแต่มีประสบการณ์ในการขับขี่การันตีความสามารถด้วยการแข่งขันในรายการใหญ่ๆ หลายรายการ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ทั้งนี้ การเปิดตัวสถาบันฯ อย่างเป็นทางการ เบิร์นรับเบอร์ นำนักแข่งระดับตำนานของโมโตจีพี อย่าง ลอริส คาปิรอซซี (Loris Capirossi), เจเรมี่ แมควิลเลี่ยม (Jeremy McWilliams) และ เฟาส์โต ริชชี (Fausto Ricci) มาทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนการขับขี่ในภาคปฏิบัติ เพื่อเพิ่มพูนเทคนิค ความรู้ รวมถึงข้อควรปฎิบัติในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ให้มีความเชี่ยวชาญสูงสุดสำหรับการขับขี่แบบมอเตอร์สปอร์ตจากนักแข่งระดับโลก ภายใต้การควบคุมด้วยมาตรฐานระดับสากล
นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ซ้อนท้ายนักแข่งโมโตจีพี เพื่อสัมผัสกับทักษะและความเร็วระดับตำนาน เสมือนหนึ่งได้ลงแข่งในรายการโมโตจีพีของจริง ในกิจกรรมไฮไลต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Duo Experience” รวมถึงการฝึกฝนในภาคทฤษฎีและปฏิบัติกับเนื้อหาสุดพิเศษจากแบรนด์ดังชั้นนำอย่าง อัลไพน์สตาร์(Alpinestars), มิชลิน(Michelin), บีเอ็มดับเบิลยู(BMW) และอาพริเลีย(Aprilia)
จิอานลูก้า ลอซซี่ กล่าวต่อว่า สถาบันฯ มุ่งเน้นสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อให้เกิดเป็น ศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ของนักขี่ โดยวางรูปแบบกิจกรรมฝึกสอนแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ กิจกรรม แทร็ค เดย์ ที่เปิดให้ทุกคนทดสอบฝีมือของตนเองบนบนสนามแข่งมาตรฐานสูงสุดในประเทศไทย อาทิ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์, สนามพีระ เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และสนามไทยแลนด์ เซอร์กิต จังหวัดนครปฐม
ขณะที่กิจกรรมสอนขับขี่ตลอดปี 2562 จะเปิดหลักสูตรในทุกๆ เดือน (ยกเว้นเดือนมกราคม และระหว่างเดือนกรกฎาคม - กันยายน) รวมทั้งสิ้น 8 ครั้ง แบ่งออกเป็น สนามช้าง 3 ครั้ง, สนามพีระ 3 ครั้ง และสนามไทยแลนด์ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 วัน รองรับผู้สมัครได้ถึง 100 คนต่อครั้ง โดยผู้เข้าร่วมจะต้องทดสอบวัดระดับความสามารถและความรู้เกี่ยวกับการขับขี่ด้วยเกณฑ์การวัดระดับที่มีมาตรฐานสากล และมีหลักสูตรที่เหมาะสำหรับมือใหม่จนถึงระดับนักแข่งมืออาชีพ
ด้านหลักสูตรแบ่งออกเป็น 6 ระดับ ได้แก่ 1.Base Course สำหรับผู้ที่ไม่เคยขับขี่หรือเริ่มต้นขับขี่, 2.Level 1 เรียนรู้ตำแหน่งและวิธีการนั่งที่ถูกต้อง การเข้าโค้ง และเทคนิคการเบรคในสนามแข่ง, 3.Level 2 เทคนิคการขับขี่ตามเส้นสนาม เทคนิคการเบรคขั้นสูง และเทคนิคการมองจุดนำสายตา, 4.Level 3 รวมเทคนิคต่างๆ และมีการบันทึกวีดีโอประมวลผลการเรียน เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์และปรับแก้เทคนิคการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบที่สุด
อีกทั้งยังมีไฮไลท์คอร์สอย่าง 5.Racing คอร์สฝึกทักษะการแข่งขันจริงแบบตัวต่อตัวกับนักแข่งมืออาชีพ และ 6.Customised Training Programs คอร์สที่ผู้เรียนสามารถดีไซน์รูปแบบการเรียนรู้คู่กับผู้ฝึกสอนได้ตามที่ต้องการเพื่อให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างสูงสุด รวมถึงยังมีบริการจัดกิจกรรมแทร็คเดย์ไปจนถึงการขับขี่แนวผจญภัย (Adventure) ให้กับแบรนด์รถหรือบริษัทที่ต้องการจัดกิจกรรมเพื่อลูกค้าอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเลือกร่วมกิจกรรมได้ทั้งในรูปแบบ แทร็ค เดย์ และกิจกรรมฝึกสอน หรือเฉพาะกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง
ขณะเดียวกันในทุกสนามฝึกสอน ทางสถาบันฯ ได้จัดเตรียมทีมแพทย์ภาคสนาม (Doctor on track) ที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมเข้าดูแลอย่างใกล้ชิด
“เรามุ่งหวังว่าสถาบันแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างให้เหล่าไบค์เกอร์ได้มีโอกาสเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และฝึกฝนทักษะการขับขี่ โดยสามารถนำรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 150 ซีซีขึ้นไป สำหรับร่วมกิจกรรมที่จัดในสนามพีระ เซอร์กิต และสนามไทยแลนด์ เซอร์กิต และสำหรับ 250 ซีซีขึ้นไป สำหรับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยไม่จำกัดแบรนด์ และคาดหวังว่าจะมีผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ ทั้งกลุ่มชาวไทยและต่างชาติจะให้ความสนใจคอร์สการเรียนรู้ของสถาบันฯ มากกว่า 500 คน” จิอานลูก้า ลอซซี่ กล่าวสรุป.
ข้อมูลผู้ฝึกสอน
จิอานลูก้า ลอซซี่
เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในฐานะนักแข่งมากมายหลายรายการเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ตั้งแต่ 1985-2005 ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอนให้กับแบรนด์ชั้นนำอย่างดูคาติและเคทีเอ็ม เป็นเวลากว่า 11 ปี นอกจากนี้ยังเคยเป็นผู้ฝึกสอนการฝึกทักษะการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ โดยในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมา เจ้าตัวยังมีโอกาสได้ฝึกฝนและร่วมงานกับ เฟาส์โต ริชชี อดีตนักแข่งโมโตจีพี ในรุ่น 250 ซีซี อีกด้วย
ลอริส คาปิรอซซี
อดีตนักแข่งโมโตจีพีชาวอิตาลี เคยคว้าแชมป์โลกทั้งหมด 3 สมัย ได้แก่ แชมป์โลก 125 ซีซี ในปี 1990 และในปี 1991 รวมถึงแชมป์โลก 250 ซีซี ในปี 1998 และถือเป็นนักบิดระดับท็อปที่สามารถคว้าแชมป์โลกครั้งแรกตั้งแต่อายุ 17 ปี ปัจจุบันผันตัวมาเป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยให้กับดอร์น่า สปอร์ต ผู้ถือลิขสิทธิ์จัดแข่งขันรายการโมโตจีพี
เจเรมี่ แมควิลเลี่ยม
นักบิดชาวไอร์แลนด์ที่คว้าแชมป์ระดับชาติและแชมป์ต่างๆ ของประเทศไอร์แลนด์หลายรายการ ก่อนจะลงสู่สนามเวิล์ดกรังด์ปรีซ์คลาส 500 จีพี เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1993 โดยทำผลงานดีที่สุดไว้เป็นอันดับที่ 12 ในปี 1994 ปัจจุบันเขาทำหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์และหัวหน้าทีมผู้ขับขี่เพื่อการทดสอบและพัฒนารถจักรยานยนต์ที่ผลิตขึ้นเพื่อการใช้งานบนท้องถนนหลากหลายรุ่นของเคทีเอ็ม
เฟาส์โต ริชชี
อดีตนักแข่งโมโตจีพีชาวอิตาลี ผลงานที่ดีที่สุดของเขาเกิดขึ้นในปี 1985 ซึ่งสามารถคว้าอันดับ 5 ในคะแนนสะสมตลอดทั้งปีในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบ รุ่น 250 ซีซี และเคยคว้าแชมป์ประเทศอิตาลี 2 สมัย และเป็นแชมป์ยุโรป 2 สมัย ปัจจุบันเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้สอนนักแข่งรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมา โดย 2 ลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ป็อกเยียลี่ และซิมอลเซลลี่