โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สานต่อความมุ่งมั่นในการพัฒนาวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ต ส่ง 2 นักแข่ง “เอิร์ธ – ชนินชา ปัญญารุ่งเจริญ” และ “โม – พุทธมนต์ ธนะพาสุข” ” ลงสนาม Netz Cup Vitz Race ด้วยรถยนต์ Toyota Vitz ในเทศกาลแข่งขันรถยนต์รายการใหญ่ระดับเอเชีย TOYOTA GAZOO Racing FESTIVAL 2018
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บุกเบิกวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับวงการมอเตอร์สปอร์ตของประเทศ เริ่มตั้งแต่ระดับเยาวชนต่อเนื่องไปถึงการสนับสนุน นักแข่งในระดับอาชีพ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้นักแข่งไทยได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ จากความทุ่มเทเพื่อพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยกว่า 31 ปี ทำให้โตโยต้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำในวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยอย่างแท้จริง โดยกิจกรรม โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต ถือเป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ วันเมคเรซ ที่มีนักแข่งและรถแข่งเข้าร่วมจำนวนมากที่สุดในอาเซียน
และด้วยปรัชญาในการมุ่งส่งเสริมความแพร่หลายของกีฬามอเตอร์สปอร์ต ควบคู่ไปกับการมุ่งสร้างกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความชื่นชอบในรถและกีฬามอเตอร์สปอร์ต บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ก่อตั้ง Toyota GAZOO Racing ในปี 2558 เพื่อทำหน้าที่ดูแลกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตของโตโยต้าทั้งหมด โดยมีวัตถุประสงค์ในการมุ่งพัฒนายนตรกรรมที่ดียิ่งขึ้น พร้อมยกระดับกีฬามอเตอร์สปอร์ตสู่ระดับสากล บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงมุ่งเน้นในการสร้างโอกาสให้นักแข่งทุกระดับได้พัฒนาทักษะฝีมือ และสะสมประสบการณ์สู่การแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมนักแข่งที่มีศักยภาพให้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการระดับนานาชาติอีกด้วย
ปีนี้ การแข่งขัน “โตโยต้า มอเตอร์ สปอร์ต 2018” ได้ปิดฉาก สนามที่ 5 ซึ่งเป็นสนามสุดท้าย ไปเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา โตโยต้าจึงได้คัดเลือก 2 นักแข่งไทยที่ได้คะแนนรวมสูงสุดของทั้งปีในรุ่น Corolla Altis One Make Race ได้แก่ ชนินชา ปัญญารุ่งเจริญ จากทีม 33 Auto Ngao-Kollakarn และ
พุทธมนต์ ธนะพาสุข จากทีม CFON Racing Team เป็นตัวแทนนักแข่งไทยไปร่วมการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing FESTIVAL ในรุ่น Netz Cup Vitz Race ด้วยรถยนต์ Toyota Vitz เครื่องยนต์เบนซิน 1,500 ซีซี ณ สนามฟูจิ สปีดเวย์ ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 24 - 25 พฤศจิกายน 2561
สำหรับการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing FESTIVAL เป็นรายการมอเตอร์สปอร์ตที่ยิ่งใหญ่และได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น โดยจะคัดเลือกตัวแทนนักแข่งจากทั่วประเทศญี่ปุ่นจํานวนทั้งสิ้น 90 คน จากแต่ละภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น ภาคละ 10-15 คน เพื่อเข้าร่วมแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ โดยงานนี้ จัดเป็นเทศกาลใหญ่ที่นอกจากจะมีการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่วัดกันด้วยฝีมือของนักแข่งแล้ว ยังมีการโชว์เทคโนโลยีและสมรรถนะของรถยนต์ และบูธกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นโอกาสดีสําหรับนักแข่งรถของไทยที่จะได้เปิดประสบการณ์ทั้งในสนามแข่งและในด้านเทคโนโลยีของยานยนต์เพื่อนํามาพัฒนาฝีมือและทักษะต่อไป สําหรับปีนี้ทำการแข่งขัน ณ สนามฟูจิ สปีดเวย์ สนามแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตมาตรฐาน FIA ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่นและเป็นสนามที่ใช้จัดการแข่งขัน F1 ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการแข่งขันระดับโลกอีกหลายรายการ
สนามฟูจิ สปีดเวย์ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสนามแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นมาเป็นเวลานานเกือบ 40 ปี โดยก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 และเป็นสนามแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่อยู่ในความทรงจำและมีส่วนสำคัญในการพัฒนากีฬามอเตอร์ สปอร์ต ตลอดจนอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศญี่ปุ่น ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาปรับปรุงเทคโนโลยียานยนต์มาโดยตลอด สนามฟูจิ สปีดเวย์ ปิดปรับปรุงมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เพื่อให้เป็นสนามแข่งขันรถยนต์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายใต้แนวคิด ส่งเสริมกีฬา มอเตอร์ สปอร์ต ส่งเสริม การขับขี่ปลอดภัย และเผยแพร่กิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตแก่เยาวชน
สนามฟูจิ สปีดเวย์ ตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงโตเกียว บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นสนามที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สุดสนามหนึ่ง ประกอบด้วย สนามแข่งขัน รถยนต์ทางเรียบระดับนานาชาติ ซึ่งออกแบบโดย Tilke GmbH บริษัทออกแบบสนามแข่งชั้นนำของประเทศเยอรมันที่ปรับปรุงสนามเก่าให้เหมาะสมกับการแข่งขันระดับโลก โดยมีความยาวทั้งสิ้น 4.6 กม. และเป็นสนามที่มีทางตรงยาวที่สุดในโลก 1.5 กม. โค้งต่างๆ 16 โค้ง ออกแบบให้ยากและเหมาะกับการแข่งขันในระดับอาชีพ ผิวสนามได้รับการออกบบให้ราบเรียบที่สุด โดยมีค่าความต่างระหว่างพื้นผิว ไม่เกิน 1 มม. พร้อมอาคารอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับทีมเซอร์วิส และ การควบคุมการแข่งขัน และที่นั่งสำหรับผู้ชมความจุ 20,000 คน และอัฒจรรย์ บริเวณโค้งต่างๆ ขนาด 2,000 ที่นั่ง นอกจากนี้ ยังมีสนามแข่งขันขนาดเล็ก ที่ออกแบบโดย มาซาโนริ เซกิยา ผู้ชนะการแข่งขัน Le Mans 24-hour ที่สนามปรับเปลี่ยนเส้นทางการแข่งขันได้ถึง 18 รูปแบบ เหมาะกับการแข่งขันในรูปแบบเฉพาะ การเรียนขับรถแข่ง สนามแข่งรถดริฟท์ และสนามแข่งจิมคาน่า
เรามาตามลุ้น และเชียร์ 2 นักแข่งจากไทย ในวันอาทิตย์ ที่ 25 พฤศจิกายน นี้กัน
