ห่างจากเมลเบิร์น ราว 100 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของ “สนามทดสอบรถยนต์จีเอ็ม โฮลเด้น พรูฟวิ่ง กราวด์ (GM Holden Proving Ground)” หรือที่เรียกกันว่า สนามทดสอบรถแลง แลง (Lang Lang) ซึ่งมีความสำคัญและถือเป็นหัวใจในการผลิตรถยนต์ของค่าย General Motors ที่มีหลายยี่ห้อทั้งเชพโรเลต ,GMC ,โฮลเด้น ,คาดิแลค, บูอิค ฯลฯ
ที่นี่ ก่อตั้งขึ้นในปี 2501 เป็นสนามทดสอบรถขนาดใหญ่บนพื้นที่ 2,200 เอเคอร์ นับเป็นศูนย์ทดสอบและพัฒนารถยนต์แห่งแรกของประเทศออสเตรเลีย โดยเป็นสนามทดสอบรูปชามอ่าง ประกอบด้วยเส้นทางที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับการทดสอบสมรรถนะด้านต่างๆ ทั้งการทดสอบการขับขี่ที่ความเร็วสูง โดยบริเวณทางโค้งพื้นถนนจะเอียงรับแรงเหวี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ขับจึงสามารถขับด้วยความเร็วสูงอย่างปลอดภัย ทั้งการทดสอบการใช้งานในแบบ OFF ROADที่ประกอบไปด้วยทางฝุ่น ทางลาดชัน ขึ้นเขา ลงเขา รวมไปถึงสกิด แพด (SKID PAD) ซึ่งเป็นพื้นคอนกรีทรูปทรงกลมรัศมี 98 เมตร เพื่อทดสอบการยึดเกาะถนน การควบคุมบังคับ ระบบรองรับและยาง บนสภาพผิวถนนแห้งและเปียก เสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนบนพื้นถนนเรียบเป็นระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร
โดยใน 1 ปี จะมีรถยนต์เข้ามาวิ่งในสนามทดสอบแห่งนี้เป็นระยะทางรวมกันกว่า 4.5 ล้านกิโลเมตร เพื่อประเมินรถยนต์ต้นแบบก่อนเริ่มการผลิตและรถยนต์ที่กำลังมีการผลิตออกจำหน่ายทั่วโลกขณะเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของห้องปฏิบัติการตรวจวัดมลพิษจากยานพาหนะที่ทันสมัย โดยสามารถตรวจวัดตามมาตรฐานยานยนต์ยุโรป ระดับยูโร 6 ซึ่งรวมถึงการตรวจวัดระดับอนุภาคของก๊าซจากท่อไอเสียอีกด้วย
และแน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ค่ายจีเอ็มจะให้บุคคลภายนอกได้สัมผัสกัน ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสพิเศษที่ “MGR MOTORING ” ได้รับคัดเลือกให้ร่วมทริป “เปิดประตูแห่งความลับ” พร้อมกับสื่อมวลชนจากเวียดนามและฟิลิปปินส์
ที่สำคัญคือ นอกจากการเยี่ยมชมแล้ว ยังมีโอกาสได้ทดสอบสมรรถนะรถยนต์ของค่ายจีเอ็ม (ในประเทศออสเตรเลียจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Holden, ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำหน่ายภายใต้แบรนด์ Chevrolet) อย่างรถกระบะโคโลราโด ,โฮลเด้น คอมมาดอร์ (commadore) รวมทั้งโคโลราโดสุดสวยอย่าง Sports Cat ที่ได้รับการพัฒนาและออกแบบโดย HoIden Special vechicles(HSV)
หลังการบรรยายสรุปที่ “โฮลเด้น ชาเลย์” ถึงรายละเอียดของสนาม รถยนต์รุ่นต่างๆ ที่จะนำมาทดสอบ รูปแบบการทดสอบ รวมถึงคำเตือนต่างๆ ในการขับขี่ภายในสนามเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด เช่น เรื่องสัตว์ต่างๆ เช่น จิงโจ้, วอลลาบี เป็นต้น ที่สามารถพบเห็นได้ในระหว่างการขับขี่และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ก็ถึงเวลาของการทดสอบ การทดสอบในรูปแบบต่างๆ ก็ได้เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางอากาศเย็นสบาย แต่หนาวพอประมาณสำหรับคนไทย
ด่านแรกของการทดสอบเริ่มจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อโฮลเด้น รุ่นคอมมาดอร์ ซึ่งคนไทยอาจไม่คุ้นเพราะไม่มีการจำหน่ายในประเทศไทย แต่ที่ออสเตรเลียถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ยอดนิยมของออสเตรเลีย
ภาพลักษณ์ภายนอกของเจ้าคอมมาดอร์โดดเด่นสะดุดตา เช่นเดียวกับภายในที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม ขณะที่ขุมกำลังเครื่องยนต์ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ ประเภทเหยียบเป็นมา ตอบสนองต่ออัตราเร่งได้เป็นอย่างดี และในระหว่างที่ใช้ความเร็วในทางตรงการควบคุมรถก็ง่าย ส่วนทางโค้งก็มีการทรงตัวที่ดี รวมถึงมีระบบเบรกอันยอดเยี่ยม
การทดสอบจะเป็นการขับขี่ทั้งในแบบสลาลอม(slalom), เลนเชนจ์ และยูเทิร์น เพื่อให้สัมผัสกับการควบคุมรถ, พละกำลังจากเครื่องยนต์ รวมถึงการตอบสนองของช่วงล่าง โดยรอบแรกจะมีทีมงานของทางสนามขับพาดูไลน์พร้อมแนะนำการขับขี่ให้ ซึ่งเล่นเอาผู้โดยสารท้องไส้ปั่นป่วนไปตามๆ กัน เพราะพี่แกมีทักษะขั้นสุดยอดและจัดเต็มเพื่อเร้าความสนใจของผู้มาเยือนต่างแดน โดยเฉพาะเมื่อต้องนั่งอยู่ “เบาะหลัง”
เมื่อลองขับจริงก็ไม่ผิดหวัง เพราะสัมผัสได้ว่าคอมมาดอร์มีการทรงตัวที่ดีเยี่ยม ในทุกจังหวะการเลี้ยว แม้กระทั่งการเลี้ยวยูเทิร์นในลักษณะครึ่งวงกลม อันทำให้คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเกิดความมั่นใจในการสัมผัสครั้งแรกของการทดสอบ และเมื่อซ้ำในรอบที่สองก็ยิ่งสนุก กระทั่งอยากลองอีกหลายๆ ครั้ง ส่วนเมื่อลองทางเรียบแบบยาวๆ นักขับทุกคนยืนยันตรงกันว่า “ชอบ”
เรียกว่า อยากเป็นเจ้าของและอยากให้ GM นำมาขายในไทยทีเดียวเชียวจากข้อมูลที่ปรากฏ ทำให้ไม่แปลกใจในความยอดเยี่ยมของคอมมาดอร์ เพราะใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ V6ขนาด 3.6 ลิตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9speed และระบบขับเคลื่อนแบบ AWD
ก่อนจบภาคเช้าเป็นการทดสอบขับรถกระบะที่หลายคนอยากให้ขายในเมืองไทยเช่นกันคือเจ้า Holden Colorado Sports Cat+ ที่โดดเด่นสะดุดตาเมื่อแรกเห็น และถ้าหากมีการทำตลาดในเมืองไทยน่าจะเป็นกระบะพรีเมียมอีกรุ่นหนึ่งที่ขายดีไม่เป็นสองรองใคร ทว่า ก่อนได้สัมผัสจริง ทีมงานให้เราลองนั่งรถแข่งที่แต่งความแรงมาเต็มสมรรถนะ ซึ่งทั้งคนขับและคนนั่งต้องใส่หมวกกันน๊อกและคาดเข็มขัดนิรภัยแบบจัดเต็ม
Holden Colorado SuperUte คันนี้ใช้เครื่องยนต์ ดีเซล เทอร์โบ 2.8Lควบคุมด้วยกล่อง ECU Motec โดยให้กำลังถึง 340 แรงม้าและแรงบิด 670 นิวตัน-เมตร เบรก Brembo หน้า 6 Pot หลัง 4 Pot โช้คอัพและคอยล์สปริง หน้า-หลัง จาก SupaShock ล้อ 20 นิ้ว ยาง Yokohama ADVAN SP V105 ขนาด265/50R20 มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 1,800 กิโลกรัม
Are you ready?
OK.
เสียงเครื่องยนต์คำรามก้องเพราะเสนาะหูเมื่อคนขับเหยียบคันเร่งส่งสัญญาณเตรียมพร้อมแล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะหลังจากรถเคลื่อนเข้าสู่ทางตรง พี่แกก็จัดให้ได้สัมผัสกับอารมณ์รถแข่งเต็มๆ ด้วยการเหยียบมิดไมล์ในทางตรง เหลือบไปมองไมล์ต้องร้องห๊า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เจอความเร็วในระดับนี้ คนนั่งก็ทั้งเสียวทั้งมันสิครับพี่น้อง
เมื่อเจอความแรงและความเร็วแบบสุดๆ เมื่อได้ขับเจ้า Sports Cat เอง จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องขอเหยียบให้เต็มสมรรถนะบ้าง และก็ต้องบอกว่า รถเขาดีจริงๆ โดยเฉพาะอัตราเร่ง ระบบเกียร์ที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด และช่วงล่างนุ่มๆ ที่สามารถซับแรงสั่นสะเทือนของถนนบางตอนที่พื้นผิวขรุขระได้เป็นอย่างดี
สำหรับ Sports Cat นั้นถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Colorado Z71 โดยยังคงเครื่องยนต์ดีเซลดูราแม็กซ์บล็อกเดิมขนาด 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 187 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 และ 500 นิวตัน-เมตร ซึ่ง HSVทำออกมาจำหน่าย 2 รุ่น คือ Sport Cat ที่มาพร้อมการออกแบบสุดใหม่ด้วยกระจังหน้าพิเศษพร้อมโลโก้ HSV เข้ากับไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์รมดำกับไฟ Daytime ในโคมเดียว ไฟตัดหมอก LED พร้อมชุดแต่งสีดำทั้งคันตั้งแต่คิ้วขอบล้อ กระจกข้าง ราวหลังคา ที่เปิดประตู เสริมด้วยสติ๊กเกอร์ลายพิเศษ รอบคัน กันชนท้ายดำ สปอร์ตบาร์แบบโครงเหล็ก ล้ออัลลอย 6 ก้านขนาด 18 นิ้ว ยาง The Cooper Zeon LTZ Pro Sports All-Terrain ขนาด 285/60 R18
ขณะที่ Sports Cat + มาในบุคลิกที่ทางวิศวกรของ HSV ใช้คำว่า Sail Plane Design มาพร้อมการแต่งที่โหดกว่าด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ กันชนหน้าใหม่ดุดันด้วยกันชนเสริมการ์ดเพิ่มความหล่อ ไฟตัดหมอกหน้า LED สปอร์ตบาร์ใหม่ คิ้วขอบล้อดำพิเศษ ล้ออัลลอย 6 ก้านสีทูโทนปัดเงา พร้อมยาง The Cooper Zeon LTZ Pro Sports All-Terrain ขนาด 285/60 R18 ดิสก์เบรกหน้าแบบคาลิปเปอร์เบรค 4 ลูกสูบขนาด 362 มม.จาก AP Racing ช่วงล่างหลังพิเศษ SupaShock เพิ่มความแข็งแกร่งอีกระดับ
จากนั้นก็เป็นการทดสอบในเส้นทางออฟโรดกับ “โคโลราโด” 4x4 กระบะเรือธงของเชฟโรเลต ทั้งตัวของจริงและตัว Demo แบบพรางตัว ซึ่งมีสมรรถนะไม่ธรรมดา จากการทดสอบเบาะหลังในการสาธิตสนาม ก็ไม่กระเด้งกระดอนเกินงามแม้ในยามเจอพื้นทางแบบลูกระนาด ขณะที่เมื่อเป็นคนขับในตอนหน้าก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่
ในช่วงลุยน้ำ ปีนเขาที่ระดับความชันมากกว่า 60 องศา และกดหัวลงมาจากความสูงในระดับเดียวกัน แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ทว่า สมรรถนะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของโคโรราโดก็ทำงานได้อย่างประทับใจ จนสามารถสร้างความมั่นใจให้ผู้ขับขี่เต็มร้อย แม้กระทั่งนักทดสอบหน้าใหม่ที่เคยลองขับโคโรราโดครั้งแรกก็ยังเอ่ยปากชม
สุดท้าย เป็นการพาไปเยี่มชมห้องปฏิบัติการตรวจวัดมลพิษจากยานพาหนะ (Emissions Lab tour) โดยห้องทดลองแห่งนี้จะทำการทดสอบรถยนต์ที่จะจำหน่ายทั้งในอเมริกาเหนือ, ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ โดยรองรับได้หลากหลายทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล รองรับตั้งแต่มาตรฐาน Euro 4 Euro 5 และEuro 6 ซึ่งรวมถึงการตรวจวัดระดับอนุภาคของก๊าซจากท่อไอเสีย รวมทั้งยังมีห้องปฏิบัติการที่ควบคุมอุณหภูมิเพื่อตรวจสอบการทำงานของรถยนต์ที่สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศจริงๆ โดยสามารถลดระดับอุณหภูมิถึงขั้นติดลบ 40 องศากันเลยทีเดียว (ทางจีเอ็ม ห้ามถ่ายรูป)
นอกจากนี้ยังห้องสำหรับตรวจเช็คปริมาณการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิงก่อนที่จะปล่อยออกสู่สภาพแวดล้อมภายนอกด้วยระบบคอมพิวเตอร์อันทันสมัย เรียกว่ารถทุกรุ่นที่จะผ่านออกไปสู่การจำหน่ายจริงในตลาดต่างๆ ของ GM นั้นจะต้องได้รับการทดสอบอย่างเข้มงวดจากห้องทดสอบแห่งนี้ ซึ่งได้รับการเปิดเผยว่ามีการทดสอบและตรวจวัดมลพิษร่วม 3,000 ครั้งต่อปี รวมทั้งมีการพัฒนาห้องทดสอบที่ดำเนินไปตลอดเวลาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ที่นี่มีวิศวกรและช่างเทคนิคทำงานอยู่ถึง 120 คน
เมื่อไม่นานมานี้ สนาม GM Holden Proving Ground สามารถทำกำไรมูลค่า 7.2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียจากการอัพเกรดสนามทดสอบและจากห้องปฏิบัติการตรวจวัดมลพิษมูลค่า 8.7 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
สรุปโดยรวมก็คือ งานนี้ตื่นตาตื่นใจทั้งกับสนามทดสอบรถและตัวรถของค่ายจีเอ็มกันแบบประทับใจสุดๆ เลยทีเดียว