xs
xsm
sm
md
lg

บ๊อช แนะดูแล "ใบปัดน้ำฝน" สำคัญอย่างไร?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





“ใบปัดน้ำฝน” ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถยนต์และมีความสำคัญต่อความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ไม่ว่าจะตกแบบพร่ำๆ หรือตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ที่ “ใบปัดน้ำฝน” ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง

ส่วนใหญ่ผู้ขับขี่มักจะตระหนักถึงความผิดปกติของใบปัดน้ำฝน ก็ต่อเมื่อใบปัดน้ำฝนไม่อยู่ในสภาวะที่เหมาะสำหรับการใช้งาน หรือเมื่อเกิดอุปสรรคต่างๆ ในการขับขี่ ไม่จะเป็นฝน หรือสิ่งสกปรกที่เกิดขึ้นบริเวณหน้ากระจกรถ ล้วนส่งผลให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลงและมีผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้ถนนและผู้ที่สัญจรอื่นๆ บนท้องถนนด้วย





กุลธัช บุญบงการ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายอะไหล่รถยนต์ บ๊อช ประเทศไทย กล่าวว่า “ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมักเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีฝนตกหนัก และสาเหตุหลักประการหนึ่ง คือ ทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่ที่ลดลง ดังนั้น บ๊อช จึงอยากจะขอแนะนำให้ผู้ขับขี่ควรดูแลรักษาใบปัดน้ำฝนเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนตามระยะเวลาที่กำหนด และเลือกใช้ใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพจากผู้ขายที่เชื่อถือได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ดังกล่าว”



สำหรับข้อแนะนำในการดูแลและบำรุงรักษา “ใบปัดน้ำฝน” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นขณะขับขี่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกหนักอย่างเช่นช่วงฤดูมรสุมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีดังนี้

1.ควรซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพ จะช่วยทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานยาวนานขึ้น


2.ดูแลบำรุงรักษาใบปัดน้ำฝนเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน

-การใช้น้ำสะอาดและผ้าทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน ไม่ควรใช้น้ำยาล้างรถยนต์ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นๆ เพราะจะลดประสิทธิภาพสารเคลือบยางของใบปัดน้ำฝน

-เปิดใช้งานใบปัดน้ำฝนและน้ำยาฉีดกระจกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะก่อนออกเดินทาง หรือทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพื่อช่วยให้ยางใบปัดน้ำฝนคงสภาพการใช้งาน ไม่แห้งแตก




3.เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นประจำทุกปี และคอยตรวจเช็ค หลังจากการใช้งานโดยทั่วไปแล้ว 6 เดือน


4.คอยตรวจเช็คกระจกหน้ารถสม่ำเสมอ เพื่อดูว่ามีรอยแตกหรือรอยบิ่นที่เกิดจากเศษหินหรือไม่ จากนั้นทำความสะอาดด้วยผ้าและใช้น้ำยาเช็ดกระจก เพื่อขจัดฝุ่นละอองและคราบน้ำมันออก


5.หลีกเลี่ยงการยกใบปัดน้ำฝนออกจากกระจกหน้ารถในขณะที่รถยนต์จอดอยู่กลางแจ้งในสภาพอากาศที่ร้อน เพราะอาจทำเกิดความเสียหายต่อสปริงและก้านปัดน้ำฝนในระยะยาวได้


“ใบปัดน้ำฝนบางชนิดถูกผลิตจากเนื้อยางสูตรพิเศษ เพื่อให้ทนต่อสภาพสภาพอากาศร้อนเช่นประเทศไทย โดยใบปัดน้ำฝนทุกชนิด มีอายุการใช้งานที่จำกัดและมีปัจจัยหลายอย่างที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของใบปัดน้ำฝน ซึ่งยางปัดน้ำฝนควรจะมีความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่ม เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี แต่การเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนและแสงแดด หรือรังสีอัลตราไวโอเลตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เนื้อยางเกิดการแข็งตัวและเสื่อมคุณภาพตามกาลเวลา


ดังนั้น ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนก่อนที่คุณภาพจะเสื่อมลงจนส่งผลต่อประสิทธิภาพในการมองเห็นในขณะขับขี่ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางบนท้องถนน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ผู้ขับขี่มักจะทำการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเพิ่มมากขึ้น” กุลธัช กล่าวเสริม




ด้านประสิทธิภาพและความคงทนของใบปัดน้ำฝนส่วนใหญ่ ขึ้นอยู่กับการออกแบบและสูตรผสมของเนื้อยาง โดยปกติแล้วรูปแบบของใบปัดน้ำฝนจะมีอยู่ 3 ประเภท คือ ใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครง, แบบธรรมดา และแบบผสม ซึ่งสองประเภทหลังจะมีที่หนีบหรือข้อต่อ ทำให้มีแรงกดทับบนบานกระจกระหว่างการใช้งานสูง อันส่งผลให้ใบปัดน้ำฝนประเภทนี้ เสื่อมสภาพเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ



สำหรับใบปัดน้ำฝนโดยทั่วไป จะผลิตมาจากยางซิลิโคน ยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์จากสูตรที่แตกต่างกัน ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานและความทนทานจะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใบปัดน้ำฝนมีความโค้งพอดีรับกับความนูนของกระจกหน้ารถยนต์ที่ใช้งานอยู่หรือไม่


ในส่วนของ “บ๊อช” ได้มีการพัฒนาใบปัดน้ำฝนชนิดไร้โครง รุ่น “แอโรทวิน” ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนเดียวที่ไม่มีที่หนีบ หรือข้อต่อใดๆ และใช้สปริงอีโวเดียม 2 ตัว สำหรับยึดความยาวของใบปัดน้ำฝน ทำให้เกิดแรงกดที่กระจายเท่ากันอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งใบ ทำให้มีความทนทานมากยิ่งขึ้น ใบปัดน้ำฝนรุ่นแอโรทวิน ผ่านการทดสอบความทนต่อการใช้งานอย่างน้อย 500,000 รอบ เทียบเท่ากับการใช้งานแบบไม่หยุดนิ่งประมาณหนึ่งสัปดาห์




เนื้อยางสังเคราะห์เคลือบด้วยโพลิเมอร์ พาวเวอร์ โปรเทคชั่น พลัส ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบ๊อช ซึ่งทำให้ทนทานต่อสารในน้ำยาทำความสะอาดและความผันผวนของอุณหภูมิ นอกจากนี้ ยังเพิ่มอายุการใช้งานทำให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศเขตร้อนของประเทศไทยอีกด้วย


ผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารและรถกระบะสามารถทำการติดตั้งใบปัดน้ำฝนรุ่นต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง สำหรับใบปัดน้ำฝนรุ่น แอโรทวิน รีโทรฟิต นั้น จะเหมาะกับรถยนต์เอเชีย และส่วนของรุ่นแอโรทวิน พลัส จะเหมาะสมกับรถยนต์ยุโรป โดยภายในบรรจุภัณฑ์จะมาพร้อมกับอะแดปเตอร์ 4 ตัว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อต่อให้เข้ากับก้านใบปัดน้ำฝนโดยทั่วไปได้ถึง 10 แบบ ซึ่งครอบคลุมรุ่นรถยนต์ที่มีอยู่บนท้องถนนในปัจจุบันราวร้อยละ 94


นอกจากนี้ บ๊อช ยังมีใบปัดน้ำฝน แอโรทวิน OE ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมตรงตามสเปกรถรุ่นนั้นๆ โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ และความคงทนสูงสุด

วันนี้..คุณดูแลหรือตรวจเช็คใบปัดน้ำฝนของคุณหรือยัง..




กำลังโหลดความคิดเห็น