หากจะพูดถึงตลาดรถกระบะในตลาดไทยช่วงนี้ ต้องยอมรับว่า รถที่น่าสนใจและมาแรง คงหนีไม่พ้นยี่ห้อ “ฟอร์ด” ด้วยรูปลักษณ์หน้าตา สมรรถนะ หากได้ลอง ถือเป็นรถที่หลายคนอยากเป็นเจ้าของ พิสูจน์ได้จากตัวเลขยอดขายครึ่งปีนี้ของกระบะฟอร์ด สามารถขึ้นมาครองส่วนแบ่งการตลาดในอันดับ 3 โดยมีสัดส่วน 13.2 % เติบโต 1.5 % รองจากยักษ์ใหญ่อย่างอีซูซุ และโตโยต้า
ล่าสุด ฟอร์ด ประเทศไทย ได้มีการเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ ปี 2018 ช่วงกลางปีที่ผ่านมา วันนี้ ก็ถึงคิวที่ทาง ฟอร์ด จัดทริปให้สื่อมวลชนทดสอบและพิสูจน์สมรรถนะ “ฟอร์ด เรนเจอร์ “ ที่มากับเครื่องยนต์ขุมพลังใหม่ 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ใหม่ ให้กำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้อยู่ในรถ ฟอร์ด แร็พเตอร์, เอฟ-50 และฟอร์ด มัสแตง เครื่องใหม่นี้ น่าจะเป็นไฮไลต์ของการทดสอบในครั้งนี้ นอกเหนือจากเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ
อย่างแรกเรามาดูกันก่อนว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ 2018 ไมเนอร์เชนจ์ อะไรไปบ้าง เริ่มจากเรือธง เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดเทรค มีการปรับกระจังหน้าใหม่ให้ดูดุดันมากยิ่งขึ้น ไฟหน้า HID พร้อมไฟเดย์ไลท์ LED ไฟท้ายไม่มีอะไรเปลี่ยน สัญลักษณ์ ไบเทอร์โบข้างรถ ระบบเนวิเกเตอร์ ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ สปอร์ตบาร์และราวหลังคา พื้นปูกระบะท้าย ช่องต่อไฟ 230 V ล้อแมกซ์สีทูโทน มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่คู่แข่งไม่มี คือระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ระบบตัดเสียงรบกวนห้องโดยสาร (เฉพาะรุ่น 4X4) ขณะที่รุ่นลิมิเต็ด จะไม่มีระบบนี้ และอุปกรณ์ดังกล่าวข้างต้น รวมถึงกระจังหน้าก็แตกต่างกัน
เครื่องยนต์ใหม่ 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ใหม่ ให้กำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้าและแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ให้พละกำลังเพิ่มขึ้น มีการออกแบบให้มีการสั่นสะเทือนที่น้อยลง เงียบขึ้น ประหยัดน้ำมัน ปล่อยค่าไอเสียต่ำ
ภายในห้องโดยสารกว้างตกแต่งในโทนสีดำ เพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งรายละเอียดด้วยโครเมียมและการเดินด้ายสีส้ม เบาะนั่งสบายไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านหลัง และเรนเจอร์ ใหม่นี้ ระบบซิงค์ 3 มาพร้อมระบบจดจำเสียงและระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทย เพื่อการใช้งานที่คล่องตัวยิ่งขึ้น และระบบซิงค์ 3 ยังครอบคลุมไปถึงระบบช่วยโทรฉุกเฉิน จะทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อผ่านบลูทูธภายในรถ เพื่อติดต่อหมายเลข 1669 ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจนถุงลมนิรภัยทำงาน หรือระบบตัดการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และบอกตำแหน่งของรถด้วย แต่เจ้าของรถต้องซิงก์ระบบนี้กับโทรศัพท์ของตัวเองเพื่อให้มันเชื่อมต่อกัน ระบบช่วยโทรฉุกเฉินนี้ จะติดตั้งมากับรถฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ทุกคันที่ใช้ระบบซิงค์ 3 และกุญแจเป็น กุญแจ My Key เปิดประตูได้เลย
หลังจากการลองขับบนเส้นทางที่ฟอร์ดเตรียมไว้ในจังหวัดเชียงราย ที่มีทั้งทางเรียบ ทางขรุขระ ทางโค้ง ขึ้นเขา-ลงเขา รวมระยะทาง 368 กิโลเมตร กับเพื่อนสมาชิกในรถ 3 ท่าน สลับกันขับ ต่างติดใจในเครื่องไบเทอร์โบ กันทุกคน เนื่องจากพละกำลังทีเหลือเฟือย ไม่ว่าจะทางตรง-ทางโค้ง เพียงแค่แตะคันเร่งนิดหน่อย ทุกอย่างสมูทชูตตามเท้าเลย อัตราเร่งแซง ทั้งตอนออกตัวและต้องใช้ความเร็ว มาแบบหายห่วง รวดเร็วทันใจ พวงมาลัยไฟฟ้าใช้งานง่าย เบามือและหนืดในช่วงความเร็วสูง วงเลี้ยวคม ทำให้มั่นใจในการเข้าโค้ง ยิ่งขับยิ่งสนุก ผสานกับเกียร์ 10 สปีด รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนเกียร์ทำได้ไว ตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญห้องโดยสารเงียบมาก ไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงการสั่นของเครื่องยนต์เลย แม้ตอนออกไปนอกรถก็ไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เช่นกัน ถือเป็นการออกแบบการเก็บเสียงได้ดีมาก
ส่วนรุ่นลิมิเต็ด มากับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมวีจี เทอร์โบ อินเตอร์คลูเลอร์ กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร หลังได้ลองขับอย่างแรกรู้สึกทันที่เลยว่า รุ่นไวล์ดแทรค ขับสนุก ขับมันกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่ารุ่นลิมิเต็ด จะไม่ดี อัตราเร่งแซงถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว เส้นทางที่ลาดชันก็พาเราไปได้แบบสบายๆ การขับขี่คล่องตัว พละกำลังที่มีอยู่ถือว่า พอแล้วสำหรับรถกระบะและดูเหมือนว่าจะเหนือกว่ากระบะคู่แข่งด้วยซ้ำ เพียงแต่ถ้าต้องการความจี๊ดจ๊าด รุ่นไวล์ดเทรค ตอบสนองได้ดีกว่าเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ ทางฟอร์ด ประเทศไทย ยังให้สื่อมวลชนได้ลองทดลองระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนน โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโมเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งความเร็วที่ระบบจะช่วยให้รถหยุดสนิท คือ ไม่เกิน 50 กม./ชม.
ในช่วงทดสอบรถ เราเหยียบคันเร่งปกติ ขับไปเรื่อยๆ เรดาร์จับหน้ารถพบวัตถุและยังไม่มีการเหยียบเบรก ระบบจะช่วยเบรกให้เรา แต่อย่างที่บอกว่าความเร็วต้องอยู่ระหว่าง 30-50 กิโลเมตร/ชม. เหมือนการเบรกกะทันหัน ตอนทดลองระบบนี้ รถมันเบรกเล่นเอาทิ่มกันเลย ส่วนอีกระบบที่ทดลอง คือ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ช่วยให้จอดรถง่ายขึ้น แต่เป็นการจอดด้านข้างอย่างเดียว ถอยหลังจอดยังไม่มี หากจะใช้ระบบพวกนี้ ต้องกดปุ่มใช้งานก่อน ตัวเซ็นเซอร์หน้าจะทำการตรวจหาช่องทางที่มีระยะ 1.5-2 เมตร และทำตามคำสั่งที่ปรากฏบนจอด้านหน้า และเข้าเกียร์ถอยหลัง แล้วปล่อยพวงมาลัย ขาแตะเบรกเลี้ยงอย่างเดียว ระบบจะจัดการเอง จนเข้าที่จอด ใส่เกียร์ D เดินหน้าคอยแตะเบรกไว้ รถก็จะจอดให้เราได้อย่างสะดวกสบาย โดยที่มือเราไม่ต้องไปจับพวงมาลัย สำหรับคนที่ไม่ถนัดในการถอยจอดด้านข้าง ระบบนี้ช่วยคุณได้ โดยเฉพาะรถคันใหญ่และยาวอย่างกระบะ ระบบนี้เวิร์กมากทีเดียว
จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของเรนเจอร์ 2018 คือ ฝาท้ายเปิด-ปิด เพียงแค่มือเดียวได้เลย เนื่องจากเป็นฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift ทำให้การยกขึ้น-ยกลง เพื่อปิดฝาท้ายรถเป็นไปอย่างง่ายดายไม่ต้องออกแรงอีกต่อไป ตรงนี้ชอบมาก
ถึงบรรทัดนี้ อยากจะบอกว่า หากคุณต้องการหากระบะหน้าตาหล่อ พละกำลังแรง ทันสมัยทั้งอุปกรณ์ภายใน การตกแต่ง ระบบความปลอดภัยที่คู่แข่งไม่มีหลายอย่าง ..ฟอร์ด เรนเจอร์ คือคำตอบ แม้จะจ่ายแพงสักนิดเพื่อแลกกับกระบะเท่ๆ ก็น่าลงทุนอยู่นะและไม่ผิดหวังแน่! ถ้าหากได้ลองขับ...จะติดใจ