มิชลิน เปิด “ไพลอต สปอร์ต คัพ2 อาร์” ยางสมรรถนะสูงบนถนนและในสนามแข่ง ตอบรับทุกความต้องการของนักขับรถสปอร์ตแบรนด์ดัง “ปอร์เช่” เริ่มวางขายทั่วไป ต.ค.ศกนี้
‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์’ ได้รับการออกแบบให้มีสมรรถนะสูงและบังคับเลี้ยวได้อย่างแม่นยำบนสนามแข่งที่มีพื้นผิวแห้ง ช่วยให้นักขับทำเวลาต่อรอบได้ดี ซึ่งผลจากการทดสอบภายในองค์กร ที่ มิชลิน ได้จัดทำขึ้น ที่สนามแข่งนาร์โด ประเทศอิตาลี พบว่า รถยนต์ปอร์เช่ 911 จีที2 อาร์เอส ที่ติดตั้งมาพร้อมยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์’ สามารถทำเวลาต่อรอบได้เร็วกว่ารถยนต์รุ่นเดียวกันที่ใช้ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2’ ถึง 2.9 วินาที (หรือ 0.5 วินาทีต่อกิโลเมตร) หากจะให้รถที่ใช้ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2’ ทำเวลาได้เท่ากัน จะต้องเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ขึ้นอีกราวร้อยละ 30 ทีเดียว
นอกจากนี้ รถยนต์ปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์เอส ที่ใช้ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์’ ยังทำเวลาต่อรอบบนสนามแข่ง ‘เนือร์บูร์กริง นอร์ดชไลเฟอร์' ซึ่งมีระยะทางยาว 20.6 กิโลเมตร ได้ภายในเวลาไม่ถึง 7 นาที ซึ่งเป็นอีกบทพิสูจน์ศักยภาพด้านเวลาต่อรอบของยางรุ่นใหม่ล่าสุดได้อย่างดี
ทั้งนี้ ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์’ เป็นยางสำหรับสนามแข่งที่ใช้งานบนท้องถนนทั่วไปได้ รุ่นแรกที่ผลิตขึ้น โดยใช้สูตรเนื้อยางแบบเดียวกับที่ มิชลิน ใช้กับยางสำหรับสนามแข่ง เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่
ดอกยางแบบใหม่ของ ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์’ ได้รับการปรับรูปแบบให้เหมาะสำหรับพื้นผิวถนนแห้ง โดยเฉพาะ ไหล่ยางด้านนอก ออกแบบให้มีร่องบุ๋ม (Dimple) น้อยลงและมีอัตราส่วนพื้นที่ร่องรีดน้ำ (Void Ratio) ลดลง เพื่อให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังออกแบบร่องดอกยางตรงกลางให้แคบขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสกับผิวถนน ยางจึงมีโครงสร้างแข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้การบังคับเลี้ยวมีความแม่นยำมากขึ้นและสามารถรองรับศักยภาพในการยึดเกาะที่สูงขึ้น โดยรวมยางรุ่นล่าสุดนี้ มีหน้าสัมผัสใหญ่ขึ้นเกือบร้อยละ 10 และสามารถรองรับการใช้งานกับรถสมรรถนะสูงพิเศษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในระยะแรก ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์’ วางขายเป็นตัวเลือกสำหรับติดตั้งกับรถยนต์ปอร์เช่ รุ่น 911 จีที2 อาร์เอส และรุ่น 911 จีที3 อาร์เอส เท่านั้น โดยมีขนาดให้เลือกคือ 265/35 ZR20 (99Y) และ 325/30 ZR21 (108Y) แต่ปัจจุบัน ยางรุ่นนี้ มีวางตลาดที่ตัวแทนจำหน่ายรถปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ในยุโรปและอเมริกาเหนือ ทั้งจะเริ่มวางขายในร้านตัวแทนจำหน่ายยางทั่วไป ตั้งแต่เดือนตุลาคมศกนี้ เป็นต้นไป