“แอสตัน มาร์ติน” ชื่อของแบรนด์นี้ เชื่อมั่นว่าเหล่าสาวกหนังสายลับ “เจมส์ บอนด์007” ทุกคนคงรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดียิ่ง ด้วยการปรากฎโฉมในฐานะรถยนต์คู่ใจของพระเอกในเรื่อง ครบเครื่องทั้งความแรง ไฮเทค และสวยงาม ตามแบบฉบับของรถอังกฤษ ซึ่งแอสตัน มาร์ติน ได้รับการยอมรับในเรื่องของความสวยงามมาเป็นลำดับแรก

สำหรับเมืองไทย แอสตัน มาร์ติน ทำตลาดภายใต้การดูแลของ เอ็มจีซี เอเชีย ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์หลากหลายแบรนด์ตั้งแต่ระดับหรูหราแพงระยับไปจนถึงระดับแมส มาร์เก็ต โดยมีโชว์รูมและศูนย์บริการรองรับแบบครบวงจร ดังนั้นลูกค้าทุกท่านจึงมั่นใจได้ในส่วนของการบริการหลังการขาย
วันนี้ทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง มีโอกาสทดลองขับเจ้า “แอสตัน มาร์ติน ดีบี11” ตัวเครื่องยนต์ V8 ซึ่งเพิ่งจะส่งมาถึงเมืองไทยหมาดๆ หลังจากที่เคยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว มาชมกันว่า ดีบี11 มีอะไรโดดเด่นและน่าสนใจบ้าง

สวยบาดตา แรงได้ใจ
รูปลักษณ์ภายนอกคงไม่ต้องบรรยายเพราะชื่อเสียงของ แอสตัน มาร์ติน นั้นนำโด่งในเรื่องของดีไซน์และการออกแบบที่ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ส่วนมากว่า สวยงาม โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ ทำจากอลูมิเนียมทั้งคัน รวมไปถึงฝากระโปรงที่เป็นอลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียว พร้อมช่องดักลมพิเศษที่ทาง แอสตัน มาร์ติน เรียกว่า Aeroblade รีดรมที่ประทะด้านหน้าให้เข้ามาในห้องเครื่องเพื่อช่วยระบายความร้อน
ขณะที่ด้านข้างตัวรถมีการดีไซน์ช่องดักลมเพื่อรีดลมให้ผ่านมาทางด้านฝากระโปรงหลังเพื่อช่วยในการสร้างแรงกดจากอากาศขณะขับด้วยความเร็วสูง เพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น โดยสามารถสร้างแรงกดทางด้านท้ายตัวรถได้มากถึง 60 กิโลกรัม
ทั้งนี้เจ้า ดีบี11 คือรถยนต์รุ่นแรกที่ได้รับความร่วมมือจาก Mercedes-AMG ในการร่วมกันใช้เทคโนโลยี ในหลายๆ ชิ้นส่วนเช่น ระบบไฟฟ้า รวมถึงเครื่องยนต์ด้วย

หัวใจของ ดีบี11 มีให้เลือก 2 แบบคือ ขนาด 5.2 ลิตร V12 พิกัดกำลัง 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.9 วินาที และขนาด 4.0 ลิตร V8 ซึ่งเราได้มาลองขับวันนี้ พิกัดกำลัง 503 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 675 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.0 วินาที ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับที่บรรจุอยู่ใน Mercedes-AMG GTR นั่นเอง
โดยรุ่นเครื่องยนต์ V8 ที่เราได้ทดลองขับนั้นจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่ารุ่น V12 ราว 115 กิโลกรัม ความเร็วสูงสุดเคลมไว้ที่ระดับ 300 กม./ชม.

การตกแต่งภายใน เรียบหรูดูอลังการตามแบบฉบับของ แอสตัน มาร์ติน ซึ่งคงเป็นเรื่องของจริตส่วนบุคคลว่าจะชื่นชอบหรือไม่เพียงใด โดยสามารถเลือกสั่งได้ตามใจชอบเพราะทุกคันจะผลิตตามคำสั่งของแต่ละท่าน ฝีมือและความประณีตในการสร้างสรรค์ผลงานคืออีกหนึ่งจุดเด่นของแอสตัน มาร์ติน ที่ถูกใจผู้เขียน

ในแง่ของคุณภาพวัสดุ จัดอยู่ในระดับไฮ-เอนด์ ส่วนการจัดวางตำแหน่งของปุ่มอุปกรณ์นั้นมาในแนวทางที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา ใช้งานได้สะดวก บางทีอาจจะดูเหมือนน้อยเกินไป แต่เพียงพอต่อการใช้งาน ผ่านหน้าจำขนาด 12 นิ้ว โดยแป้นควบคุมสั่งการจะดูคุ้นเคยหากท่านใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่เป็นประจำ

เป็นเป้าสายตา ดึงหลังติดเบาะ
เรามีโอกาสเพียงวันเดียวกับการได้อยู่หลังพวงมาลัยของเจ้า ดีบี11 แม้จะเป็นเวลาเพียงน้อยนิด แต่เราก็ดีใจและจัดสรรทริปสั้นๆ แต่ได้ลองสมรรถนะแบบเต็มๆ จนสาแก่ใจของเราได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ รับรถมาจากโชว์รูมของ แอสตัน มาร์ติน ที่ถนนพระราม 3 สารภาพตามตรง ความรู้สึกแรก หวั่นใจมาก
แม้เราจะเคยลองรถระดับซุปเปอร์คาร์ครบถ้วนแทบจะทุกยี่ห้อแล้วก็ตาม เนื่องด้วยระดับราคาของรถ และทัศนวิสัยซึ่งต้องบอกว่า มีความเป็นสปอร์ตแท้ๆ กระจกหน้าลาดเอียงมากทำให้มุมมองดูแคบ เสาขนาดใหญ่ด้านหนึ่งคือความอุ่นใจ อีกด้านหนึ่งคือการบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่นั่นเอง

ขับขึ้นทางด่วนได้ กดคันเร่งแค่พอคิกดาวน์ติด มีแรงดึงหลังพอสนุกสนาน ซึ่งการจราจรบนทางด่วนวันนี้ เป็นใจพอให้เราใช้ความเร็วได้ถึง 140 กม./ชม. การเปลี่ยนเลน มุมมองต่างๆ ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องตั้งใจมากเป็นพิเศษ ด้วยคุณสมบัติความเป็นรถสปอร์ตที่แรง ทำให้เผลอกดคันเร่งแบบหนักเท้าได้โดยง่าย
การทรงตัวที่ความเร็วสูงระดับ 140 กม./ชม. เชื่อมั่นได้ในความนิ่ง จังหวะเข้าโค้งเกาะดี ความรู้สึกคล้ายรถในสนามแข่ง แต่มีความสบายกว่า รวมไปถึงความนุ่มนวลหากมองเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้ว เจ้าดีบี11 มีความนุ่มนวลกว่า

ขับมาถึงจุดหมายปลายทางที่พอจะลองอัตราเร่งได้อย่างปลอดภัย เรากดคันเร่งไปหลายรอบ พิกัดกำลัง 503 แรงม้า กับแรงบิดมหาศาลระดับ 675 นิวตันเมตรนั้น ทำให้หลังติดเบาะแบบอดีนาลีนหลั่งในทุกครั้งที่กดคันเร่งแบบเต็มสุดเท้า แต่ไม่ว่าจะแรงอย่างไร ระบบเบรกเอาอยู่ในทุกย่านความเร็ว กระทืบแป้นเบรกแบบฉุกเฉิน รถหยุดสนิทได้โดยไม่เสียการทรงตัว ต้องขอชื่นชมในส่วนของการเซตรถและระบบความปลอดภัยที่ใส่มาให้แบบครบถ้วน

ความเร็วสูงสุดที่เราลองขับเท่าที่ถนนจะเอื้ออำนวยคือ 180 กม./ชม. เสียงลมมีบ้างแต่ไม่ถึงกับรบกวน เสียงคำรามของท่อไอเสีย หากอยู่นอกรถจะค่อนข้างดังตามสไตล์ของรถสปอร์ตระดับซุปเปอร์คาร์ แต่เมื่ออยู่ในห้องโดยสารถือว่าเก็บเสียงได้ดีทีเดียว

เหมาะกับใคร
ด้วยค่าตัวเริ่มต้นที่ 21.9 ล้านบาท ผู้ที่สนใจ แอสตัน มาร์ติน ดีบี11 คงต้องเป็นระดับมหาเศรษฐีเท่านั้น และเป็นคนที่ชื่นชอบรถยนต์ในสไตล์ของอังกฤษแต่ได้สมรรถนะแบบเยอรมัน ดีบี11 จะตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างตรงเป้าหมาย โดยเฉพาะในเรื่องของความสวยงามแบบงานศิลปะชั้นยอด แอสตัน มาร์ติน เด่นที่สุดในเรื่องนี้








สำหรับเมืองไทย แอสตัน มาร์ติน ทำตลาดภายใต้การดูแลของ เอ็มจีซี เอเชีย ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์หลากหลายแบรนด์ตั้งแต่ระดับหรูหราแพงระยับไปจนถึงระดับแมส มาร์เก็ต โดยมีโชว์รูมและศูนย์บริการรองรับแบบครบวงจร ดังนั้นลูกค้าทุกท่านจึงมั่นใจได้ในส่วนของการบริการหลังการขาย
วันนี้ทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง มีโอกาสทดลองขับเจ้า “แอสตัน มาร์ติน ดีบี11” ตัวเครื่องยนต์ V8 ซึ่งเพิ่งจะส่งมาถึงเมืองไทยหมาดๆ หลังจากที่เคยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว มาชมกันว่า ดีบี11 มีอะไรโดดเด่นและน่าสนใจบ้าง
สวยบาดตา แรงได้ใจ
รูปลักษณ์ภายนอกคงไม่ต้องบรรยายเพราะชื่อเสียงของ แอสตัน มาร์ติน นั้นนำโด่งในเรื่องของดีไซน์และการออกแบบที่ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ส่วนมากว่า สวยงาม โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ ทำจากอลูมิเนียมทั้งคัน รวมไปถึงฝากระโปรงที่เป็นอลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียว พร้อมช่องดักลมพิเศษที่ทาง แอสตัน มาร์ติน เรียกว่า Aeroblade รีดรมที่ประทะด้านหน้าให้เข้ามาในห้องเครื่องเพื่อช่วยระบายความร้อน
ขณะที่ด้านข้างตัวรถมีการดีไซน์ช่องดักลมเพื่อรีดลมให้ผ่านมาทางด้านฝากระโปรงหลังเพื่อช่วยในการสร้างแรงกดจากอากาศขณะขับด้วยความเร็วสูง เพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น โดยสามารถสร้างแรงกดทางด้านท้ายตัวรถได้มากถึง 60 กิโลกรัม
ทั้งนี้เจ้า ดีบี11 คือรถยนต์รุ่นแรกที่ได้รับความร่วมมือจาก Mercedes-AMG ในการร่วมกันใช้เทคโนโลยี ในหลายๆ ชิ้นส่วนเช่น ระบบไฟฟ้า รวมถึงเครื่องยนต์ด้วย
หัวใจของ ดีบี11 มีให้เลือก 2 แบบคือ ขนาด 5.2 ลิตร V12 พิกัดกำลัง 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.9 วินาที และขนาด 4.0 ลิตร V8 ซึ่งเราได้มาลองขับวันนี้ พิกัดกำลัง 503 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 675 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.0 วินาที ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับที่บรรจุอยู่ใน Mercedes-AMG GTR นั่นเอง
โดยรุ่นเครื่องยนต์ V8 ที่เราได้ทดลองขับนั้นจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่ารุ่น V12 ราว 115 กิโลกรัม ความเร็วสูงสุดเคลมไว้ที่ระดับ 300 กม./ชม.
การตกแต่งภายใน เรียบหรูดูอลังการตามแบบฉบับของ แอสตัน มาร์ติน ซึ่งคงเป็นเรื่องของจริตส่วนบุคคลว่าจะชื่นชอบหรือไม่เพียงใด โดยสามารถเลือกสั่งได้ตามใจชอบเพราะทุกคันจะผลิตตามคำสั่งของแต่ละท่าน ฝีมือและความประณีตในการสร้างสรรค์ผลงานคืออีกหนึ่งจุดเด่นของแอสตัน มาร์ติน ที่ถูกใจผู้เขียน
ในแง่ของคุณภาพวัสดุ จัดอยู่ในระดับไฮ-เอนด์ ส่วนการจัดวางตำแหน่งของปุ่มอุปกรณ์นั้นมาในแนวทางที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา ใช้งานได้สะดวก บางทีอาจจะดูเหมือนน้อยเกินไป แต่เพียงพอต่อการใช้งาน ผ่านหน้าจำขนาด 12 นิ้ว โดยแป้นควบคุมสั่งการจะดูคุ้นเคยหากท่านใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่เป็นประจำ
เป็นเป้าสายตา ดึงหลังติดเบาะ
เรามีโอกาสเพียงวันเดียวกับการได้อยู่หลังพวงมาลัยของเจ้า ดีบี11 แม้จะเป็นเวลาเพียงน้อยนิด แต่เราก็ดีใจและจัดสรรทริปสั้นๆ แต่ได้ลองสมรรถนะแบบเต็มๆ จนสาแก่ใจของเราได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ รับรถมาจากโชว์รูมของ แอสตัน มาร์ติน ที่ถนนพระราม 3 สารภาพตามตรง ความรู้สึกแรก หวั่นใจมาก
แม้เราจะเคยลองรถระดับซุปเปอร์คาร์ครบถ้วนแทบจะทุกยี่ห้อแล้วก็ตาม เนื่องด้วยระดับราคาของรถ และทัศนวิสัยซึ่งต้องบอกว่า มีความเป็นสปอร์ตแท้ๆ กระจกหน้าลาดเอียงมากทำให้มุมมองดูแคบ เสาขนาดใหญ่ด้านหนึ่งคือความอุ่นใจ อีกด้านหนึ่งคือการบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่นั่นเอง
ขับขึ้นทางด่วนได้ กดคันเร่งแค่พอคิกดาวน์ติด มีแรงดึงหลังพอสนุกสนาน ซึ่งการจราจรบนทางด่วนวันนี้ เป็นใจพอให้เราใช้ความเร็วได้ถึง 140 กม./ชม. การเปลี่ยนเลน มุมมองต่างๆ ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องตั้งใจมากเป็นพิเศษ ด้วยคุณสมบัติความเป็นรถสปอร์ตที่แรง ทำให้เผลอกดคันเร่งแบบหนักเท้าได้โดยง่าย
การทรงตัวที่ความเร็วสูงระดับ 140 กม./ชม. เชื่อมั่นได้ในความนิ่ง จังหวะเข้าโค้งเกาะดี ความรู้สึกคล้ายรถในสนามแข่ง แต่มีความสบายกว่า รวมไปถึงความนุ่มนวลหากมองเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกันแล้ว เจ้าดีบี11 มีความนุ่มนวลกว่า
ขับมาถึงจุดหมายปลายทางที่พอจะลองอัตราเร่งได้อย่างปลอดภัย เรากดคันเร่งไปหลายรอบ พิกัดกำลัง 503 แรงม้า กับแรงบิดมหาศาลระดับ 675 นิวตันเมตรนั้น ทำให้หลังติดเบาะแบบอดีนาลีนหลั่งในทุกครั้งที่กดคันเร่งแบบเต็มสุดเท้า แต่ไม่ว่าจะแรงอย่างไร ระบบเบรกเอาอยู่ในทุกย่านความเร็ว กระทืบแป้นเบรกแบบฉุกเฉิน รถหยุดสนิทได้โดยไม่เสียการทรงตัว ต้องขอชื่นชมในส่วนของการเซตรถและระบบความปลอดภัยที่ใส่มาให้แบบครบถ้วน
ความเร็วสูงสุดที่เราลองขับเท่าที่ถนนจะเอื้ออำนวยคือ 180 กม./ชม. เสียงลมมีบ้างแต่ไม่ถึงกับรบกวน เสียงคำรามของท่อไอเสีย หากอยู่นอกรถจะค่อนข้างดังตามสไตล์ของรถสปอร์ตระดับซุปเปอร์คาร์ แต่เมื่ออยู่ในห้องโดยสารถือว่าเก็บเสียงได้ดีทีเดียว
เหมาะกับใคร
ด้วยค่าตัวเริ่มต้นที่ 21.9 ล้านบาท ผู้ที่สนใจ แอสตัน มาร์ติน ดีบี11 คงต้องเป็นระดับมหาเศรษฐีเท่านั้น และเป็นคนที่ชื่นชอบรถยนต์ในสไตล์ของอังกฤษแต่ได้สมรรถนะแบบเยอรมัน ดีบี11 จะตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างตรงเป้าหมาย โดยเฉพาะในเรื่องของความสวยงามแบบงานศิลปะชั้นยอด แอสตัน มาร์ติน เด่นที่สุดในเรื่องนี้